Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

บริษัท กฟผ. โทรคมนาคม จำกัด

มีอะไรอยู่เบื้องหลังธุรกิจด้านโทรคมนาคมที่ บมจ. กฟผ. รีบดำเนินการจัดตั้งแทบจะทันที
หลังจากการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ธุรกิจด้านนี้จะเป็นประโยชน์กับใคร
และประชาชนจะเสียประโยชน์อย่างไร ลองมาฟังกันดูครับ


ธุรกิจด้านโทรคมนาคม ของ บมจ. กฟผ. สำคัญอย่างไร

บมจ. กฟผ. ตั้งบริษัทลูกชื่อ “กฟผ. โทรคมนาคม” หรือ “EGAT Telecom” เพื่อนำเครือข่าย
สื่อสารใยแก้วนำแสงที่ดำเนินการติดตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนแปรรูปไปให้เอกชนเช่าเพื่อการสื่อสารข้อมูล
ปัจจุบันนี้เครือข่ายใยแก้วนำแสงของ บมจ. กฟผ. มีช่องสัญญาณขนาด 155 Mbps (155 ล้าน bps)
เชื่อมไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกำลังเร่งขยายช่องสัญญาณขนาดเดียวกันนี้
ไปยังภาคใต้และภาคตะวันออกให้เสร็จในระยะเวลาอันใกล้ ก่อนการกระจายหุ้น เครือข่าย
ใยแก้วนำแสงนี้ ทำอะไรได้บ้าง ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือปัจจุบัน บมจ. กฟผ. มีช่องสัญญาณใหญ่
พอที่จะแพร่ภาพโทรทัศน์แบบเดียวกับที่ UBC ใช้แพร่ภาพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ไปทั่วประเทศไทย โดยมีความคมชัดระดับ VCD ได้ประมาณ 100 ช่อง (1.5 Mbps ต่อ ช่อง)
หรือประมาณ 30 ช่อง ที่ความคมชัดระดับ DVD (5 Mbps ต่อ ช่อง) และสามารถลงทุนขยาย
ช่องสัญญาณเพิ่มขึ้น 64 เท่า ให้มีช่องสัญญาณสูงถึง 9.6 Gbps (9,600 ล้าน bps ซึ่งเท่ากับ
การแพร่ภาพ VCD 6,400 ช่อง หรือ DVD 1,920 ช่อง) ได้ทันทีด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เครือข่ายใยแก้วนำแสงของ กฟผ. นั้นวางคู่ไปบนระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. เอง ทำให้ต้นทุน
ด้านการวางเครือข่ายต่ำกว่าผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมรายอื่น และเมื่อเชื่อมกับเครือข่าย
ใยแก้วนำแสงของ กฟภ. และ กฟน. ซึ่งอยู่บนระบบส่งไฟฟ้าของ กฟภ. และ กฟน. ในลักษณะเดียวกัน
จะทำให้เกิดเครือข่ายใยแก้วนำแสงต้นทุนต่ำขนาดใหญ่ที่สุด สามารถให้บริการได้ถึงทุกครัวเรือน
ในประเทศไทย แม้ว่าการวางเครือข่ายในแก้วนำแสงถึงทุกบ้านโดยตรงนั้นอาจยังไม่คุ้มค่าการลงทุน
ในปัจจุบัน แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยการวางเครือข่ายใยแก้วนำแสงถึงสถานีไฟฟ้าย่อย
จากนั้นสามารถส่งข้อมูลผ่านสายไฟฟ้าแรงดันต่ำไปยังบ้านเรือนได้ด้วยเทคโนโลยี
Broadband over power lines (BPL) ซึ่งมีช่องสัญญาณประมาณ 3 Mbps หรืออาจวางเครือข่าย
ใยแก้วนำแสงไปถึงจุดบริการย่อย และต่อเข้าบ้านเรือนด้วยเทคโนโลยี WiFi (เครือข่ายไร้สาย)
ซึ่งมีช่องสัญญาณไม่น้อยกว่า 11 Mbps

จะเห็นได้ว่า ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารภาคพื้นดินผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสงที่มีความรวดเร็ว
และมีความมั่นคงสูง บวกกับความพร้อมของเครือข่ายระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. กฟภ. และ กฟน.
ทำให้มีข้อได้เปรียบกว่าระบบโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมหลายด้าน เช่น มีการลงทุนที่ต่ำกว่าการสื่อสาร
ผ่านดาวเทียม ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสภาพอากาศเช่นเดียวกับการสื่อสารผ่านดาวเทียม
ซึ่งจะขาดช่วงเมื่อฝนฟ้าคะนองหนัก (ข้อนี้หลายๆ คนที่ดู UBC ผ่านระบบจานดาวเทียมคงจะ
ทราบปัญหาดี) อีกทั้งการสื่อสารผ่านดาวเทียมไปถึงผู้รับบริการรายย่อยเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว
ในขณะที่การสื่อสารผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสงเป็นการสื่อสารแบบสองทาง คือผู้รับบริการรายย่อย
สามารถส่งข้อมูลกลับไปยังผู้ให้บริการได้ จึงรองรับการให้บริการประเภท Interactive TV และ
Hi-speed Internet ได้ดีกว่า

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ แล้ว จะเห็นได้ว่าอนาคตของระบบโทรคมนาคมผ่านระบบส่งไฟฟ้า
ของประเทศไทย มีศักยภาพสูง และถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ ก็จะสามารถเปลี่ยน
โฉมหน้าระบบสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศให้มีการบริการที่ทั่วถึง และค่าบริการต่ำได้ เปิดโอกาส
ให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียมกัน เพราะแค่มีไฟฟ้าเข้าถึง ประชาชนก็จะสามารถ
รับบริการเคเบิ้ล TV, Interactive TV, Hi-speed Internet ได้ทันที และเมื่อยุคดิจิตอล TV มาถึงในอนาคต
อันใกล้ ประโยชน์และผลประโยชน์ที่จะเกิดจากระบบโทรคมนาคมภาคพื้นดินผ่านระบบส่งไฟฟ้า
จะมีมากมายมหาศาล และจำเป็นต้องตระเตรียมการควบคุมดูแลกิจการด้านนี้อย่างมีวิสัยทัศน์ไว้
ล่วงหน้า เป็นการป้องกันมิให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากคนบางกลุ่ม เพื่อให้เกิดประโยชน์
ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ดังที่จะอธิบายในหัวข้อต่อไป

การดำเนินงานด้านโทรคมนาคมผ่านระบบส่งไฟฟ้าให้เป็นธรรมต่อสังคม

ระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. กฟภ. และ กฟน. เป็นโครงข่ายภาคพื้นดินที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด
ในประเทศไทย ทำให้การวางเครือข่ายใยแก้วนำแสงไปกับระบบส่งไฟฟ้ามีต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับ
ผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากไม่มีต้นทุนด้านการเช่าพื้นที่พาดสาย อย่างไรก็ตามโครงข่าย
ระบบส่งไฟฟ้านี้มิได้เกิดขึ้นเองหรือได้มาฟรีๆ แต่เกิดจากการเสียสละของประชาชนที่ยอมให้มี
สายไฟฟ้าพาดผ่านที่ดิน ซึ่งเป็นผลให้ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถนำไปทำประโยชน์อื่นได้อีก

ในการวางระบบส่งไฟฟ้านี้ กฟผ. ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511

มาตรา 29 ในการส่งและการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ให้ กฟผ. มีอำนาจ

1. เดินสายส่งไฟฟ้าหรือสายจำหน่ายไฟฟ้าไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด
ปักหรือตั้งเสา สถานีไฟฟ้าย่อยหรืออุปกรณ์อื่น ลงในหรือบนพื้นดินของบุคคลใดซึ่ง
มิใช่เป็นที่ตั้งโรงเรือน

2. ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าเพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในการส่งพลังงานไฟฟ้า
โดยประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ และจัดทำเครื่องหมายแสดงไว้
ในที่ที่ประกาศกำหนดเขตนั้นตามสมควร

3. รื้อถอนโรงเรือนหรือทำลายสิ่งอื่นที่สร้างขึ้นหรือทำขึ้น หรือทำลาย หรือตัด ฟัน ตัดต้น กิ่ง
หรือรากของต้นไม้หรือพืชผลในเขตเดินสายไฟฟ้า

… (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511)

ประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องนี้เริ่มจาก

* กฟผ. มีอำนาจในการเดินสายใยแก้วนำแสงคู่กับสายส่งไฟฟ้า ไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดิน
ของบุคคลใด หรือไม่

* การดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลนั้นถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่

* การดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลนั้นเป็นธรรมต่อเจ้าของที่ดิน
ซึ่ง กฟผ. ประกาศกำหนดเป็นเขตเดินสายไฟฟ้า หรือไม่

* กฟผ. ควรจะดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลต่อไป หรือไม่ อย่างไร

กฟผ. มีอำนาจในการเดินสายใยแก้วนำแสงคู่กับสายส่งไฟฟ้า ไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดิน
ของบุคคลใด หรือไม่


กฟผ. อาจอ้างได้ว่าการเดินสายใยแก้วนำแสงคู่ไปกับสายส่งไฟฟ้านั้น ใช้ในการสื่อสารข้อมูล
เพื่อการบริหารจัดการระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. ซึ่งไม่ขัดกับมาตรา 29 ที่ให้อำนาจนี้กับ
กฟผ. เพื่อการส่งและการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า

กฟผ. ดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลนั้นถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่

การที่ กฟผ. นำช่องสัญญาณส่วนที่เหลือของเครือข่ายใยแก้วนำแสงไปให้เอกชนเช่าเพื่อสื่อสารข้อมูล
ย่อมมิอาจอ้างว่าทำเพื่อการส่งและการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าตามมาตรา 29 ได้อีก การดำเนินการ
ในลักษณะนี้ของ กฟผ. จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

กฟผ. ดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลนั้นเป็นธรรมต่อเจ้าของที่ดิน
ซึ่ง กฟผ. ประกาศกำหนดเป็นเขตเดินสายไฟฟ้า หรือไม่


แม้ว่า กฟผ. จะได้จ่ายเงินค่าทดแทนตามความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินดังกล่าวตาม มาตรา 30 แล้ว
แต่เป็นการจ่ายเงินค่าทดแทนเพื่อการเดินสายส่งไฟฟ้าพาดผ่านเพื่อการส่งและการจำหน่ายพลังงาน
ไฟฟ้าเท่านั้น เจ้าของที่ดินมิได้ยินยอมให้ กฟผ. เดินสายใยแก้วนำแสงเพื่อการทำธุรกิจให้เช่าสำหรับ
การสื่อสารข้อมูลแต่อย่างใด การดำเนินธุรกิจนี้ของ กฟผ. จึงไม่เป็นธรรมกับเจ้าของที่ดิน และเจ้าของที่ดิน
ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าตอบแทนเพิ่มเติม

เพื่อความเข้าใจที่ง่าย ผู้เขียนขอยกตัวอย่างประกอบ หลายคนที่เคยผ่านมาทาง กฟผ. บางกรวย
ข้ามสะพานพระราม 7 ไปทางถนนรัชดาภิเษก คงจะเห็นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่วิ่งผ่านเมืองไป พื้นที่ใดๆ
ที่สายส่งไฟฟ้าพาดผ่าน เจ้าของจะไม่สามารถนำไปทำประโยชน์เช่นสร้างอาคารหรือบ้านเรือนได้
ไม่ว่าที่ดินผืนนั้นจะอยู่ในบริเวณทำเลทองหรือไม่ก็ตาม ประโยชน์ที่เสียไปของเจ้าของที่ดินย่อมมิอาจ
ทดแทนได้อย่างครบถ้วนด้วยเงินค่าทดแทนจาก กฟผ. แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเสียสละของเจ้าของที่ดิน
เหล่านั้นในฐานะประชาชนเพื่อบริการสาธารณะ คือไฟฟ้า ตอนนี้ลองสมมุติว่าตัวท่านเป็นเจ้าของที่ดิน
รายหนึ่ง ซึ่งในอีกสิบปีข้างหน้าพบว่ามีการทำธุรกิจให้เช่าสายสื่อสารข้อมูลผ่านที่ดินของท่านไป
ซึ่งธุรกิจนี้มีมูลค่าปีละหลายหมื่นล้านบาท ในขณะที่ตัวท่านเองกลับไม่สามารถหาประโยชน์จากที่ดิน
ของท่านได้ การกระทำนี้ถือว่ายุติธรรมดีแล้วหรือไม่

กฟผ. ควรจะดำเนินธุรกิจให้เช่าเครือข่ายใยแก้วนำแสงเพื่อการสื่อสารข้อมูลต่อไป หรือไม่ อย่างไร

แน่นอนว่าการวางเครือข่ายใยแก้วนำแสงไปกับระบบส่งไฟฟ้าจะเป็นประโยชน์มหาศาลกับประเทศ
แต่ในเรื่องข้อกฎหมายและความเป็นธรรมกับเจ้าของที่ดินที่สายส่งไฟฟ้าพาดผ่าน ย่อมเป็นเรื่องที่
สำคัญและจะต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องและเป็นธรรมอย่างแท้จริงก่อนที่ กฟผ. หรือ บมจ. กฟผ.
จะดำเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคมนี้ต่อไปได้

บทสรุป

ตามความเห็นของผู้เขียนแล้ว ทั้งระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. และเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่ง
ไฟฟ้า เช่นเครือข่ายใยแก้วนำแสงนั้น เป็นการดำเนินการโดยใช้อำนาจตามกฎหมายในการลิดรอน
สิทธิของเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ จึงต้องประกอบด้วย
เงื่อนไข 3 ประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นธรรมต่อทุกคนในสังคม ดังนี้

1. กิจการนี้จะต้องทำเพื่องานบริการสาธารณะเท่านั้น

2. ผลประโยชน์อันเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการนี้จะต้องกลับคืนสู่สาธารณะเท่านั้น

3. กิจการนี้เป็นของสาธารณะ เอกชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะถือสิทธิความเป็นเจ้าของในกิจการนี้
แม้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ เพราะการมีสิทธิความเป็นเจ้าของร่วม ย่อมสามารถเรียกร้อง
ผลตอบแทนจากการดำเนินกิจการได้ ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของที่ดินที่ถูกลิดรอนสิทธิ

เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขข้างต้น กิจการระบบส่งไฟฟ้า และเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้า
จะต้องเป็นของและดำเนินการโดยรัฐหรือองค์กรที่รัฐเป็นเจ้าของทั้งหมดเท่านั้น องค์กรของรัฐที่มีเอกชน
เป็นหุ้นส่วนไม่มีความชอบธรรมในการเป็นเจ้าของและดำเนินการกิจการเหล่านี้ เพราะการที่รัฐยอมให้
ประชาชนกลุ่มหนึ่งมีหุ้นในองค์กร หมายถึงประชาชนกลุ่มผู้ถือหุ้นมีสิทธิความเป็นเจ้าของในกิจการที่
ทำประโยชน์จากการลิดรอนสิทธิในที่ดินของประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ถือว่าเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
ในสังคมประชาธิปไตย ที่ต้องยึดหลักความเสมอภาคของประชาชนทุกคน

ประชาชนทุกคนสามารถเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมตามสิทธิที่มีในระบอบประชาธิปไตย
การนิ่งเฉยต่อการกระทำที่ไม่เป็นธรรม ย่อมหมายถึงการยอมรับในผลที่จะตามมาในอนาคต ในเรื่อง
ระบบส่งไฟฟ้าและเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้า ของ กฟผ. ก็เช่นเดียวกัน ผู้เขียนขอเสนอ
ทางเลือกที่เป็นธรรม 2 ทางเลือก ให้ท่านทั้งหลายได้นำไปคิดทบทวน และตัดสินใจเลือกเพื่ออนาคต
ของประเทศไทยร่วมกันครับ

* ทางเลือกที่หนึ่ง
ถ้ารัฐบาลเลือกที่จะให้ระบบส่งไฟฟ้าดำเนินการโดยองค์กรของรัฐที่มีเอกชนเข้ามาถือหุ้น เช่น บมจ. กฟผ.
ก็จะต้องดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมต่อเจ้าของที่ดินใต้สายส่งไฟฟ้า เช่น ให้ บมจ. กฟผ. ซื้อที่ดิน
ใต้สายส่งไฟฟ้าทั้งหมด หรือทำสัญญาเช่าที่ดินใต้สายส่งไฟฟ้า โดยให้ราคาที่เป็นธรรม แปรผันตาม
ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากระบบส่งไฟฟ้า และเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้า ซึ่งสุดท้ายก็จะ
เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของระบบส่งไฟฟ้า และหมายถึงประชาชนทุกคนจ่ายค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพื่อนำไป
แบ่งจ่ายให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่โชคดีได้เป็นผู้ถือหุ้น บมจ. กฟผ. ไปตลอดกาล

* ทางเลือกที่สอง
ถ้าระบบส่งไฟฟ้า และเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้า ดำเนินการโดยองค์กรที่รัฐเป็นเจ้าของ
ทั้งหมด เช่น ตั้งองค์กรใหม่ หรือยกเลิกการกระจายหุ้น บมจ. กฟผ. ก็จะเป็นผลให้ระบบส่งไฟฟ้า และ
เครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้า ยังเป็นกิจการเพื่อสาธารณะโดยสมบูรณ์ และถ้ารัฐบาลส่งเสริม
ให้การสื่อสารบนเครือข่ายโทรคมนาคมบนระบบส่งไฟฟ้าให้เป็นศูนย์กลางโครงข่ายพื้นฐานด้าน
การสื่อสารของประเทศ และกำหนดให้นำผลกำไรของเครือข่ายโทรคมนาคมช่วยสนับสนุนการลงทุน
ของระบบส่งไฟฟ้า ก็จะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อหน่วยของประเทศไทยถูกลงได้ และเป็นธรรมกับ
ประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่ดินใต้สายส่งไฟฟ้า เพราะการเสียสละของพวกเขาเหล่านั้นเป็นประโยชน์
แก่สาธารณะ เกิดประโยชน์กลับไปสู่ประชาชนทุกคนรวมถึงตัวพวกเขาเองโดยเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

ผู้เขียนซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอใช้สิทธิในการเป็น
ประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เพื่อแสดงถึงสิ่งที่ผู้เขียนคิดเห็นว่าถูกต้อง และคัดค้านสิ่งที่คิดเห็นว่า
ไม่ถูกต้อง โดยการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่งให้เพื่อนคนไทยได้รับทราบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกท่าน
จะนำไปตัดสินอนาคตของท่านเองและของประเทศไทยโดยส่วนรวม

พูด และ ทำ ในสิ่งที่ท่านคิดเห็นด้วยตัวท่านเองแล้วว่าถูกต้องเถอะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มาของบทความ //www.geocities.com/egat33/egat_telecom.htm




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2549
3 comments
Last Update : 16 กรกฎาคม 2549 18:47:02 น.
Counter : 707 Pageviews.

 

..ดีมาก..ถูกต้อง..ขอบคุณ.
แต่คนอื่นจะรู้หรือเปล่า

 

โดย: คนไทย IP: 202.183.156.76 21 กรกฎาคม 2549 20:50:24 น.  

 

 

โดย: น้อง IP: 210.86.147.122 16 ตุลาคม 2549 13:16:55 น.  

 

เน„เธกเนˆเธˆเธฃเธดเธ‡เธ—เธฑเน‰เธ‡เธซเธกเธ”เธซเธฃเธญเธ เน€เธ‚เธตเธขเธ™เนเธฅเน‰เธงเน€เธ•เธดเธกเธˆเธดเธ™เธ•เธ™เธฒเธเธฒเธฃเน€เธญเธฒเน€เธญเธ‡!!

 

โดย: เน‚เธˆ IP: 203.154.244.227 25 สิงหาคม 2551 15:07:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นายตำลึง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นายตำลึง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.