|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Special child(?) Gifted child(?) or just terrible two(?)
เวิ่นหนักเลยช่วงนี้ เพราะตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มา ทุกวีค ในสมุดรายงานจะได้คอมเม้นท์จากคุณครูว่า "น้องจิระจิระขาดสมาธิในการเรียน" "ไม่ให้ความร่วมมือ" "นั่งหันหลังให้ ขณะที่เพื่อนๆ นั่งวงกลม" "มักจะคิดและทำตามใจตัวเองโดยไม่สนใจเพื่อนๆ" และอื่นๆ อีก บลาๆๆ
กอรปกับช่วง 2 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาลิงแสบมีพัฒนาการด้านความกวนประสาททวีคูณขึ้นอย่างสุดๆ ทั้งแหกปาก เรียกร้องความสนใจ ร้องไห้กับกฎและเหตุผลส่วนตัวที่แม่และป๊าไม่สามารถจะเดาได้ว่าฮีต้องการอะไร เช่น ระหว่างทางไปโรงเรียน อยู่ๆ บนสะพานข้ามแยกก็ถามว่า "นี่เรียกว่าอะไร?" (แล้วก็ชี้ไปที่ตึก BTS) อีแม่ก็ตอบว่า "ตึก BTS" เท่านั้นแหละ แหกปากสุดๆ แล้วค่อยเฉลยว่า "ไม่ใช่!!! นี่มันถนนลาดพร้าว มันต้องเป็นถนนลาดพร้าวสิ!!!!" ไม่ก็ถามว่าทำไมบ้านทางผ่าน (ที่มีน้ำพุ) ถึงยังไม่เปิดน้ำพุ? ทำไมไม่ไปทางซ้าย ต้องไปทางซ้ายสิ!! (ก็มันต้องไปทางขวาอ่ะ) ไม่ว่าจะเป็นคำถามไหน จิระจะมีคำตอบเฉพาะในใจอยู่แล้วเสมอ ต้องคอยเดากันอยู่ทุกว่า...ถ้าตอบผิดปั๊บก็เป็นเรื่อง แหกปากจนปวดประสาท ก็ละเดี๊ยนจะตรัสรู้ได้ไงวะคะ!!!?
อย่างเรื่องเปิดเพลงในรถก็จะซ้ำๆๆๆๆๆ จนจำได้หมดทุกเพลง อันนี้เป็นมานานแล้ว แต่ช่วงหลังจะบ้าฟังนิทานเด็กดี (ที่อารมณ์เหมือนฟังนิยายวิทยุอ่ะ) แล้วก็ต้องรอจังหวะ พากษ์เสียงให้พอดีเด๊ะๆ เอ๊กเซ่นเป๊ะเวอร์ จนแม่กับป๊าแทบจะเก็บไปฝันเป็นสิงโตแผดเสียงได้อยู่แล้ว T_T
อีแม่กับป๊า ก็หงุดหงิดสุดๆ ตามไม่ทันกับอาการองค์ลงของจิระจิระมาได้พักใหญ่ และหลังๆ ที่ได้มีกิจกรรมต่างๆ นอกสถานที่ๆ ต้องเจอเด็กคนอื่นๆ บ่อยขึ้นก็เริ่มสังเกตว่า "ลูกเราจะมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า" กะเค้าบ้างแล้วนี่สิ....
ย้อนมาคุยกันถึงเรื่องพัฒนาการและพฤติกรรมต่างๆ ของลิงแล้วก็เริ่ม search เกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น นู่น นี่ นั่น แต่ไปเจอบทความเกี่ยวกับเด็กพิเศษแบบลักษณะพิเศษ (Special Child) และเด็กปัญญาเลิศ (Gifted child) เข้า
.อ่านๆ แล้วก็เริ่มเข้าเค้า บรรลัยล่ะกรู
เครดิตคัดย่อบทความจาก //gotoknow.org/blog/kamolss/288757 ปัญญาเลิศคืออะไร เด็กปัญญาเลิศ (Gifted child) หรือเด็กอัจฉริยะ คือเด็กที่มีระดับสติปัญญาสูงมาก (I.Q. อาจสูงถึง 130-140) เด็กกลุ่มนี้ก็จะดู คล้ายเด็กสมาธิสั้นครับ เนื่องจากความที่เขาฉลาดมาก จึงมักมีความอยากรู้อยากเห็น มีพลังงานในตัวเองมาก นอกจากนี้เขาจะมีสมาธิดีมากใน เรื่องซึ่งตนเองสนใจ แต่ถ้าเรื่องไหนไม่อยู่ในความสนใจ ก็อาจไม่สนใจเลย จึงดูคล้ายเด็กสมาธิสั้นได้ แต่เรื่องไหนที่สนใจ เขาก็จะพยายามค้นคว้าจนมีความรู้เกินวัย ผู้เชี่ยวชาญบางท่านกำหนดเกณฑ์ของเด็กปัญญาเลิศคือระดับสติปัญญาหรือไอคิว เกิน130 บางท่านระดับความสามารถในการเรียน สูงกว่า2ชั้นปี เช่นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แต่ความสามารถในการเรียนเทียบเท่ากับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เด็กปัญญาเลิศจะเฉลียวฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกัน ต้องการการปรับเปลื่ยนการเลี้ยงดู และการสอน เพื่อศักยภาพสูงสุดของเด็ก คุณพ่อคุณแม่และคุณครูที่ดูแลเด็กปัญญาเลิศมักบอกตรงกันอย่างหนึ่งว่า ''เหนี่อย'' นาทีแรกเด็กปัญญาเลิศอาจพูดจาเกินวัย แบบผู้ใหญ่ แต่อีกนาทีต่อไปอาจหงุดหงิด อาละวาดเพราะไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
รู้ได้อย่างไรว่าลูกปัญญาเลิศ จากการศึกษาวิจัยในรัฐ มินิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ ปีค.ศ. 1994 -1995 โดยศึกษาเด็กปัญญาเลิศ 241 คน อายุตั้งแต่ 2-12 ปีระดับสติปัญญาตั้งแต่ 160-237 พบว่า ร้อยละ 82 ของพ่อแม่ต้องการการช่วยเหลือในเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาของลูก ร้อยละ 50 ของพ่อแม่บอกว่าลูกนอนน้อยกว่าเด็กอื่นๆ ในเรื่องของพัฒนาการ ร้อยละ 94 ของเด็กมีสมาธิต่อเนื่องนานกว่าเด็กวัยเดียวกัน ร้อยละ 91 มีพัฒนาการทางภาษาเร็ว ร้อยละ 60 มีพัฒนาการทางกล้ามเนื้อเร็ว เด็กปัญญาเลิศเริ่มพูดคำแรกอายุเฉลี่ยเพียง 9 เดือน เริ่มอ่านหนังสือง่ายๆได้อายุ4 ปี ร้อยละ 52 ไวต่อความรู้สึกเจ็บปวด
เราลองมาดูว่าลูกหลาน ของเรามีลักษณะเข้าข่ายเด็กปัญญาเลิศหรือไม่ โดยจะมีลักษณะดังต่อไปนี้ครับ - เป็นนักคิดเรื่องของเหตุผล - มักเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว - สามารถจดจำคำศัพท์ ต่างๆ ได้จำนวนมาก - มีความจำเป็นเยี่ยม - ถ้าสนใจอะไรแล้วจะมีสมาธิสนใจ จดจ่อได้เป็นเวลานาน - เป็นคนอ่อนไหว จึงรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวังได้ง่าย - คาดหวังว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์ (Perfectionistic) ในวัยอนุบาลเด็กปัญญาเลิศบางคนอาจจะค่อนข้างเจ้ากี้ เจ้าการ พยายามจัดการงานหรือเพื่อนๆ ตามที่ตัวเองต้องการ และจะผิดหวังง่ายเมื่อคนอื่นไม่เห็นด้วย หรือไม่ร่วมมือ เมื่อโตขึ้นเข้าวัยประถม เด็กปัญญาเลิศมักจะมีมาตรฐานสูง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดีพร้อม ประกอบกับชอบสั่งผู้อื่น ชอบทำตัวเป็นเจ้านาย พยายามบริหารจัดการเพื่อน ครู ไปจนถึงพ่อแม่ - ตึงเครียดง่าย การที่เด็กปัญญาเลิศมักจะเครียดง่าย อ่อนไหวง่าย อาจทำให้ถูกผู้ใหญ่มองว่าดื้อ ต่อต้านคุณพ่อคุณแม่หรือคุณครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกดุว่าหรือลงโทษ หรือถูกมองว่าชอบทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น - มีความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดีสูง - มีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเด็กทั่วไป - หมกมุ่นเฉพาะเรื่องที่ตนเองสนใจ - มีพลังมากในการทำสิ่งต่างๆ อาจถูกวินิจฉัยผิดเป็นโรคสมาธิสั้น เนื่องจากเด็กปัญญาเลิศมักมีลักษณะอ่อนไหว ตึงเครียดง่าย หุนหันพลันแล่น อดทนรออะไรไม่ได้ ค่อนข้างซน อยู่ไม่นิ่ง จึงอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กสมาธิสั้น อย่างไรก็ตามเด็กปัญญาเลิศส่วนหนึ่งอาจเป็นโรคสมาธิสั้นร่วมด้วยก็ได้ครับ เป็นการวินิจฉัยคู่ (Dual Diagnosis) - ชอบคบเพื่อนที่อายุมากกว่าหรือผู้ใหญ่ -มีความสนใจในเรื่องต่างๆมากมาย - มีอารมณ์ขัน แต่มักเป็นอารมณ์ขันที่เพื่อนไม่เข้าใจ - เป็นนักอ่านตัวยง ถ้าอายุยังน้อย เช่นวัยก่อนอนุบาล อ่านหนังสือเองไม่ได้ ก็ชอบที่จะให้พ่อแม่อ่านให้ฟัง เด็กส่วนใหญ่ถ้ายังไม่ได้เข้าโรงเรียนมักอ่านหนังสือไม่ได้ โรงเรียนอนุบาลส่วนใหญ่ก็มักจะ ยังไม่ได้สอนการอ่าน แต่เด็กปัญญาเลิศบางคนอ่านหนังสือได้เร็วกว่าปกติ และอ่านได้ตั้งแต่วัยอนุบาล - ผดุงความยุติธรรม ชอบความถูกต้อง เป็นธรรม - การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ดีเกินวัย - เป็นนักสังเกตการณ์ชั้นยอด - มีจินตนาการกว้างไกล - มีความคิดสร้างสรรค์ - ชอบซักถาม - มีอัจฉริยภาพด้านการคำนวณ - มีความสามารถสูงในการต่อจิ๊กซอว์ - เด็กปัญญาเลิศมักมีความมั่นใจในความสามารถเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของตนเองสูง นอกจากนี้แล้ว ยังต้องการหลักสูตรการศึกษาซึ่งท้าทายมากกว่าเด็กทั่วๆไป - เด็กปัญญาเลิศบางคนอาจมีพรสวรรค์เป็นพิเศษในด้านดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม หรือการคิดแบบวิทยาศาสตร์
ฉลาดมากก็มีปัญหา เมื่อลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเด็กปัญญาเลิศแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรภูมิใจว่าลูกเป็นเด็กปัญญาเลิศ หรือสบายใจว่าลูกฉลาดมาก ไม่ต้องช่วยเหลืออะไรแล้วนะครับ เพราะเด็กปัญญาเลิศอาจจะมีปัญหาหลายอย่างตามมาเช่นปัญหาทางอารมณ์และสังคม ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะลักษณะเฉพาะของเด็กปัญญาเลิศก็คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พึ่งพาอาศัยใคร จึงมักที่จะชอบทำงานคนเดียว เชื่อมั่นในตนเองสูง มีความสนใจและความสามารถเฉพาะเรื่องที่ตนเองสนใจ มีความสามารถหลายอย่าง มักจะปฏิเสธคำแนะนำของพ่อแม่และเพื่อน เข้ากันไม่ได้กับผู้ใหญ่อาจสร้างความยุ่งเหยิง วุ่นวาย เรียกร้องความสนใจ พ่อแม่และครูมักไม่เข้าใจ และอาจมีปัญหาการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น"
จะว่าคิดไปเอง...หลายๆ คนรอบตัว ทั้งครูทั้งเพื่อน (ที่เพิ่งจะมาคุยกันเรื่องนี้) ก็คิดเหมือนกัน ว่าจิระจิระมีพัฒนาการที่จะว่าเร็วก็ไม่ใช่ ช้าก็ไม่ใช่ จะไฮเปอร์ก็กึ่มๆ จะว่าสมาธิสั้นก็มีส่วน แต่จะมีลักษณะโดดเด่นถ้าเป็นเรื่อง "อารมณ์" และ "ความจำ" โดยเฉพาะกับตัวเลข....ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยังพูดไม่ได้ ขวบกว่าๆ ลิงก็จำ และแยกเฉดสีได้เกิน 12 สีแล้ว...พอโตขึ้นมาหน่อยก็คลั่งธงอยู่เป็นนานสองนาน ทั้งธงชาติต่างๆ ธงอื่นๆ จำได้หมด ถ้ามีให้ชี้ก็ตอบได้เกิน 20 ประเทศล่ะ (ตอนนี้ก็ยังจำได้บ้างนะ)....พอเข้าโรงเรียน เป็นเด็กตอ.เริ่มจำวันเกิดของคนรอบข้าง ทะเบียนรถใครเลขอะไร วันเดือน ปี ใครเกิดวันไหน บ้านเลขที่เท่าไหร่ บ้านอยู่ที่ไหนก็จำได้หมด เป็นที่สนุกสนานของป้าๆ เวลาลองของกับลิงเป็นยิ่งนัก
ตอนนี้ไปโรงเรียนได้หลายเดือนแล้ว ที่ร.ร.จะเป็นระบบการเรียนการสอนแบบ project approach ซึ่งจะเป็นการทดลองหน่วยการเรียนรู้กันไป ก็ไม่ได้เน้นท่องจำอะไร แม่ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาสอนกะเค้าเลยได้แต่ทำการบ้าน (ขี้เกีียจและยุ่งนั่นแหละ) จากวันเกิดคนรอบข้าง กลายเป็นลิงจำได้หมด เหตุการณ์ไหนเกิดวันไหน วันไหนใครป่วย ใครหยุด จิระไม่สบาย วันไหนนั่งแทกซี่ไปร.ร....วันก่อนเจอครูแจนก็เล่าให้ฟัง จิระอยู่ๆ ก็วิ่งมาถาม "วันจันทร์ที่ 1 ครูแจนไม่สบายใช่มั้ย?" แล้วก็วิ่งไป เล่นเอางงกัน แต่ก็ใช่แฮะ ครูแจนป่วยวันนั้น....กลับมาบ้าน ที่บ้านก็ไม่ได้สอนอะไรเป็นพิเศษ จะมีก็คุณยายสอนนับเลขเรื่อยเปื่อยไป ก็นับ 1-100 ได้ชิวมานานแล้ว แต่ป๊าลองของ...สอนว่า "1 3 5 7 9 เนี่ย เรียกว่า เลขคี่" ไหนจิระนับแต่เลขคี่สิ ตะแรกก็ประมาณว่าแค่ถ่วงเวลาให้ลิงอยู่นิ่งๆ concern กับการนับไปซักพักแค่นั้น.....แต่เอาเข้าจริง แม่แทบจะกรี๊ด เด็ก ตอ.มันนับเลขคี่ ได้ถึงหลัก 100!!! (หรือจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องปกติที่เด็ก 3 ขวบก็ทำกันได้แต่พอดีอีแม่บ้านนี้โง่เลขกันนะ?)
ทีนี้ก็เลยเริ่มมาสังเกตกันจริงจัง ว่ารอบตัวจิระจิระถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับตัวเลข จะมีตรรกะส่วนตัวที่มาเชื่อมโยงกันได้เสมอ เช่น เรื่องที่จำเพลงใน CD ได้หมดเนี่ยก็ปกตินะ แต่เวลาที่จะบอกว่าจะเอาเพลงที่ 20 จิระจะบอกว่า "เพลงของป่าป๊า" (เพราะป๊าเกิดวันที่ 20) หรือไม่ก็จะฟังเพลงที่ 27 (เพราะวันเกิดคุณยาย) "นิทานฟังสบายไม่มีเพลงของจิระ" (เพราะแผ่นนั้นมีแค่ 10 track ไม่มี track ที่ 30)
เรื่องวันเดือนปี ที่เดี๋ยวนี้บ้านเราสบายชิวมากแทบจะไม่ต้องดูปฏิทิน เช้ามาถามจิระได้เลย จะรายงานทันที "วันนี้วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน ยน น่ะมี 30 วัน อีก 2 วันจะเป็นวันพุธที่ 1 ธันวาคม" ตอนแรกก็คิดว่าเพราะที่โรงเรียนสอน แต่พอเอาเข้าจริงครูกัญก็บอกว่าสอนแค่วัน เดือน ปีเบสิก....เรื่องวันในสับดาห์กับวันที่ รู้สึกว่าลิงมองเห็นเป็นภาพ เพราะป๊าลองสับไปสับมา เล่น "สมมติ" กันลองของก็หลายครั้ง "ถ้าวันอังคารวันที่ 3 แล้ววันศุกร์วันที่เท่าไหร่" ก็ตอบได้ทันที...แรกๆ สับไปสับมา บวกแค่ใกล้ๆ ในแค่สัปดาห์เดียว เดี๋ยวนี้กระโดดข้าม วีคหน้า วีคก่อนได้แล้วด้วย (หรืออันนี้ก็ปกติแล้วอิชั้นตื่นเต้นไปเองเพราะโง่เลขอีกฟะ?) เมื่อกี๊ก็เพิ่งโดนลองของ ลิงถามแม่ว่า "สมมติว่าวันจันทร์เป็นวันที่ 1 แล้ววันอาทิตย์วันที่เท่าไหร่" อีแม่ก็เอาเลย คิดแล้วว่าคำตอบต้องเป็นวันที่ 30 ไม่ก็ 31 แน่ มัวแต่คิดถึงวันอาทิตย์ที่ใกล้ที่สุด
ลิงก็บอก "ม่ายช่ายยยยย วันอาทิตย์วันที่ 7 สิ" (ใช่สิ ว่ามันเป็นจริงมากกว่าต้องมาเดาว่าเดือนที่สมมติเป็นเดือน ยน หรือ คม แต่ 7 ยังไงก็ชัวร์ 100% เพราะเป็นวีคที่ต่อจากจันทร์ที่ 1!!!!) แพ้ลูกอีกแล้ว T_T
อีกเรื่องที่เหวอๆ แต่ก้นึกว่าครูสอนคือ นาฬิกา
.ครูกัญบอกว่าสอนให้ดูเข็มสั้น เข็มยาว เวลา am pm แต่ไหงตอนแม่ถามจิระเมื่อเย็นวันก่อนว่า "เข็มสั้นชี้เลข 5 เข็มยาวชี้เลข 12 นี่กี่โมง?" ลิงไม่ตอบว่า 5 โมง (อย่างที่แม่คาดหวังว่าจะได้ยิน) แต่ดันเป็น "อีก 7 ชั่วโมงจะเป็นวันพรุ่งนี้แล้ว" OMG ชั้นยังต้องมานับช่องอยู่เลยนะยะ
วันนี้อดรนทนไม่ไหว เลยขอคุยกะครูนิดนึง....จริงๆ ตอนแรกกลัวเรื่องสมาธิสั้นมากๆ กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่พอเซิซ และคุยกะครูแล้วก็โล่งใจไปนิดนึง เพราะดูแล้วก็คงไม่ใช่อาการออทิสติก สมาธิสั้นก็ยังไม่น่าจะขนาดนั้น แต่จะเป็นโหมดเรียกร้องความสนใจมากๆ ถ้าเรียนกันกลุ่มใหญ่ๆ จะไม่สนใจเลย แต่ถ้าถามก็ตอบได้ ถ้าตัวต่อตัว เรียกชื่อตลอดเวลา ทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้ามีตัวตนสนใจเค้านะ ก็จะโอเคมาก ซึ่งตรงนี้ก็ต้องดูกันไปว่าจะยังไง แต่ที่คิดๆ ไว้และปรึกษาครูแล้วก็คงว่าจะต้องลองนัดหมอพัฒนาการเด็กดูซักรอบ เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือได้บ้างว่าจะยังไง เกิดเป็นเด็กพิเศษขึ้นมาจริงๆ มันไม่ใช่แค่เก่งหรือโง่ แต่รวมๆ มันจะขึ้นอยู่กับการอยู่ร่วมกันในสังคมที่จะต้องโตขึ้นไปอีก ยังดีที่ได้เรียนในโรงเรียนที่ไม่ใช่ท่องจำ ต้องนั่งกับที่เหมือนสมัยก่อน ไม้งั้นคงได้โดนคาบไม้บรรทัดกลายเป็นเด็กมีปัญหาอะไรเทือกนั้น ทุกอย่างก็ต้องเตรียมรับมือกันอีกแล้ว เพราะด้วยเซนส์ของความเป็นแม่ คิดว่าอารมณ์และการแสดงออกการเรียกร้องความสนใจของจิระจิระไม่ธรรมดาแน่นอน มาลุ้นกันอีกทีว่าจะเอียงไปทางไหน ได้เหนื่อยกันอีกแล้ว เลี้ยงลูกนี่มันยากจริงๆ เฮ้อ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2553 |
|
27 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2553 22:17:31 น. |
Counter : 4298 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: น้ามน กะ ลุงโต้ง IP: 124.122.237.5 29 พฤศจิกายน 2553 22:54:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าผึ้งกะลุงโก้ IP: 1.46.1.75 29 พฤศจิกายน 2553 23:03:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ningky IP: 203.218.112.25 29 พฤศจิกายน 2553 23:14:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้าทรายไผ่ IP: 61.90.17.208 30 พฤศจิกายน 2553 9:50:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจง JunioR IP: 124.121.36.77 30 พฤศจิกายน 2553 11:02:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: snof IP: 117.47.207.107 30 พฤศจิกายน 2553 13:47:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja ) 30 พฤศจิกายน 2553 16:31:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่ต๋อม IP: 115.87.86.55 30 พฤศจิกายน 2553 22:34:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: จูเนียร์ IP: 125.25.40.203 1 ธันวาคม 2553 11:10:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ยาย IP: 58.8.248.99 1 ธันวาคม 2553 11:10:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: มนอเดย์ IP: 58.137.145.116 1 ธันวาคม 2553 16:09:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: BerRum* 4 ธันวาคม 2553 1:33:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงจอร์เจีย IP: 65.49.2.170 4 ธันวาคม 2553 12:59:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ๊ก IP: 223.206.165.99 6 ธันวาคม 2553 8:40:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: punmom 6 ธันวาคม 2553 22:37:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jeban 7 ธันวาคม 2553 9:47:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: padia 9 ธันวาคม 2553 16:34:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องพราว IP: 58.9.7.146 10 ธันวาคม 2553 22:17:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: aiwa IP: 210.213.58.55 15 ธันวาคม 2553 14:59:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ข้าวอุ่น IP: 58.8.32.241 21 ธันวาคม 2553 19:57:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: A+ IP: 192.168.50.251, 183.89.142.194 24 มกราคม 2554 20:57:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
มี๊ไอ้หล่อ (แสบศักดิ์) อายุ 30 ใครๆ ก็เรียกว่า ป้า แต่ยังไม่ยอมแก่ (ก็แน่ล่ะเซร่) กะว่าลูกโตมะไหร่จะควงไปซิ่งแทนป๊ามันซะที อันที่จริงบ๊อกนี้เขียนไว้เป็นบ๊อกของตัวเองแต่โดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว เนียนซะจนมีคนติดต่องานมาทักว่า สวัสดีค่ะแม่น้องจีบัน เอ่อมมม จีบันน่ะชื่อแม่ ส่วนไอ้ลูกชายน่ะ จิระจิระจ้า~!!! คำเตือน : อย่าเชื่อรูปตอแหลในเนท จนกว่าจะเจอตัวจริง!!!
ปล. บ๊อกความงาม โบ๊ะ โบ๊ะ ทั้งหลายย้ายไปที่ www.jeban.com และ บ๊อกที่ถูกยึดอำนาจไปนี้สามารถเข้าได้จากทาง www.jirajira.com ด้วยจ้า
|
|
|
|
|
|
|
|
เอาใจช่วยคุณแม่สุดน่ารักนะคะ คุณป๊าด้วยนะคะ สู้ ๆ