เรื่องเล่าก่อนเกิดเรื่อง
เนื่องจากทางบริษัทเราจะโกอินเตอร์เลยจ้างอาจารย์มาสอนภาษาอังกฤษมันเป็นวิชาที่เกลียดที่สุด ที่คิดว่าชาตินี้คงไม่เจออีกแล้วหลังจากที่เรียนจบ แต่มันกลับตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่ได้ยิน ที่เจอ...ไม่รู้เวรกรรมอะไรและแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องสอบและสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษโดยชาวต่างชาติไม่อยากจะบรรยาย นี่อะเหรอข้อสอบสำหรับเทสต์จะบ้าตายที่อ่านมา 1 คืนไม่ได้ช่วยไรเลย ทั้งหมด 70 กว่าข้อ เ่ราเลยเพิ่มกริยาช่วยเวลาทำข้อสอบคือ verb to guess (เดา) ขนาดคนที่เป็นยังบอกว่ายากเลย ประเทศไทยเขาให้เราใช้ของไทยไม่นิยมของนอกไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงนิยมภาษานอกอะอยากรู้จริง ๆ ภาษาไทยที่ใช้กันอยู่ทุกวันยังเขียนผิด ๆ ถูก ๆ กันอยู่เลย อ่านก็ผิดนับประสาอะไรภาษาอื่น แต่เขาวิจัยมาแล้วคนที่เป็นหลายๆ ภาษา เมื่อแก่ตัวไปจะสมองเสื่อมช้ากว่าคนที่เป็นภาษาเดียวไม่รู้มันเอาอะไรมากำหนด ถึงเวลา้ต้องไปสัมภาษณ์แล้วยังพอได้บ้างวุ้ยอิอิ...ยังดีที่อาจารย์พูดไทยได้แต่ไม่เข้าใจทำไมต้องถามว่า "แต่งงานยัง" ส่อแววม่อแล้วไงแก่แล้วยังหัวงูอีก เหนี่ยวเลย... คำถามที่ถามแล้วตอบไม่ได้ เขาถามว่าปากกาที่เขาใช้สีอะไร มันเป็นสีม่วงอะ แต่ไม่รู้ศัพท์ว่าจะสีม่วงพูดไง? เอาสีง่ายๆ ก็ไม่ได้ อายไหมนั่น...เด็กประถมยังตอบได้เลยมั้งนี่และแล้วก็รอดมาได้โล่งใจมากหลังจากที่เครียดมา 3วันแต็ม ๆ แทบอยากจะลาออกจากบริษัทเมื่อรู้ว่าต้องมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี้ก้รอฟังผลว่าเราอยู่ระดับไหนเพราะว่าเขาต้องคัดคนออกถ้าอยู่ระดับต่ำกว่าเพื่อนๆ ไปซื้อหนังสือสอนแกรมม่ามา เล่มเล็ก ๆ พกง่าย ๆสรุปมาแล้วทุกอย่าง 44 บาท สรรหาโหลดสื่อการสอนภาษาอังกฤษ โหลดมาได้ 2 อาทิตย์แล้วยังไม่ได้แตะเลยแบบว่าขอทำใจก่อนที่จะเรียน ยังไม่อยากเครียดกับมัน ถ้าได้เรียนต้องมานั่งเรียนหลังเลิกงานตั้งแต่ 6 โมง ถึง2 ทุ่ม อาทิตย์ละ 4 ชม. โอ้...4 ชม.นี้ถือว่าเป็นโอทีด้วยได้ไหม สุดท้ายแล้วแต่ชะตาจะพาไปฝากข้อคิดสัก 1 ข้อก่อนลาจากกันว่า "English never die"
พรุ่งนี้แล้วๆ ตื่นเต้นแทน