ไม่ต้องไหว้พระถึง 9 วัดก็สุขใจแล้ว

อีกไม่นานจะตรุษจีน เลยอยาก ชวนเพื่อนไหว้พระกันอีกที
ผมเคยคิดว่าทำไมต้องไหว้พระเก้าวัดสู้ไปไหว้น้อยวัดแต่สบายใจดีกว่า เพราะ ไหว้เก้าวัดแม้จะได้เลขสวย ได้พระที่มีมงคลนาม แต่ โอยมันเหนื่อยนะครับแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
เอาครับ วันนี้อยากชวน กลับมาที่อยุธยา ที่ผมมักไปประจำทุกเดือน แต่จะมากวัดน้อยวัดขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาสบางครั้งถ้ามีเวลามากก็มักไปค้างที่ อยุธยากับลูก ได้กินเที่ยว หาเพื่อนฝูงที่นั่น
มันเหมือนได้กลับบ้านไงไม่รู้
วัดแรกที่แนะนำให้ไปกันคงไม่พ้น วิหารพระมงคลบพิตร ที่นี่ เหมือนกับเป็นอะไรที่ คลาสสิคของอยุธยา ท่านเป็นเหมือนอะไรที่ผมพูดไปก็เหมือนจะเพ้อเจ้อ แต่ หลายครั้ง ที่ผม มีปัญหาอะไรเครียดเรื่องงานหรือชีวิต ผมจะมาไหว้ท่านประจำแล้วก็สบายใจดี ขับรถ จากกรุงเทพฯมาอยุธยา ชั่วโมงกว่า ไหว้พระเสร็จทักทาย แม่ค้าที่รู้จักกันที่ขายของข้างองค์พระแล้วก็กลับ
เดิมท่านนั่งอยู่กลางแจ้ง ไม่มีอะไรคุ้มกันแดดฝนเลยแม้แต่น้อย ต่อมา รัชกาล พระเจ้าทรงธรรมท่านได้ สร้างมณฑปครอบองค์พระ แต่ฟ้าดินไม่เป็นใจฟ้าผ่าลงมาต้องพระกรหัก แต่แล้วเมื่อคราวเสียกรุง พม่าคิดว่าท่านเป็นทองทั้งองค์เลยเอาไฟเผาสำรอกทองออกมา เหลือองค์ดำไหม้ อยู่มาถึง ปี 2535 ตอนนั้นองค์พระยังเป็นสีดำ สนิท ไม่มีความสดใส มูลนิธิพระมงคลบพิตรร่วมกับมูลนิธิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ร่วมใจกันติดแผ่นทองเหลืองทั้งองค์พระ ให้แลดูงดงามเหมือนดังปัจจุบัน
บางครั้งงาน ที่ ต้องเจอคู่แข่ง ลุ้นที่จะต้องเซ็นต์สัญญาให้ได้ นี่ต่อให้ใครจะว่าคอมพิวเตอร์มันวิทยาศาสตร์แต่ผมก็บอกว่า บางครั้ง ก็ต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้กำลังใจเหมือนกัน
ล่าสุด งานชิ้นหนึ่ง สองแสนกว่าบาท ทำกับเพื่อนสองคน เงินแสนอาจจะไม่มากสำหรับคนบางคนแต่สำหรับมากล้นเหลือ ดังนั้น ขอให้ท่านช่วย หากสำเร็จจะถวาย หัวหมูหนึ่งหัว
เรียบร้อย ครับ ทุกอย่าง สำเร็จชนะคู่แข่ง สี่ห้าเจ้าได้ โดยไม่คาดคิด
ทุกวันนี้ที่ผม ได้งานต่อเนื่อง ก็เพราะท่าน ด้วยสัญญาใจที่ว่า หากมีงานต่อเนื่อง จากมากราบไหว้ท่านทุกเดือน มาแต่เช้า เจ็ดโมงคนยังไม่เยอะ วิหารเปิดใหม่ ๆ ก็สบายใจดี แต่หากไม่สะดวกผมก็ มีพระมงคลบพิตรจำลองไว้ กราบไหว้ในโต๊ะพระที่บ้าน
ไหว้เสร็จแล้วไปต่อครับ …………..
วัดหน้าพระเมรุ เป็น วัดที่สองที่ผมอยากจะแนะนำให้ไป เราขับรถเรื่อยไปจาก หลังองค์พระมงคลบพิตร แล้ว เลี้ยวขวาไปถึง ถนนเรียบคูเมือง จะเห็นทางเข้า วัดหน้าพระเมรุ
วัดนี้ มีองค์พระประธานที่นับว่า อยากให้เพื่อนๆ ได้ดูศิลป์อยุธยาเหลือเกิน เพราะเป็นพระประธานองค์สุดท้ายก็ได้ที่ หลงเหลือสมบูรณ์อยู่ เป็นพระทรงเครื่อง กษัตริย์ ที่ ทำตามพุทธประวัติตอนที่ พระพุทธเจ้าทรงโปรดท้าวชมพู ที่เป็นกษัตริย์ พระองค์นี้ท่านมีนามพระ “พระพุทธโมลีพิชิตมาร” ท่านเนรมิตองค์ทรงเครื่องกษัตริย์ไปโปรด วัดนี้เงียบมาก สมัยก่อน คนยังไม่ค่อยรู้ เห็นองค์พระแล้วต้อง รู้สึกเหมือนมีมนต์สะกด ให้เราต้องกราบท่าน
จำได้ว่าตอนที่มีการ บูรณะ โบสถ์หลังนี้ เขาขอค่า เขียนลายกนกต้นเสา ต้นละแปดหมื่น ใจอยากจะสร้างถวายซักต้น แต่ติดด้วย เงินทุนตอนนั้น เพิ่งเจ็บตัวจาก IMF เลย ขอแค่ ถวายเงินเล็กน้อย ไปก่อน เพื่อบูรณะให้พระศาสนาดำรงต่อไป
ไหว้พระมาสองวัดแล้ว
วนรถเรื่อยมาทางเจดีย์วัดสามปลื้ม เห็นเจดีย์เอียงๆ อยู่ไกลๆ ลิบ ๆ เจดีย์ไม่ได้เอียงนะ ครับแต่ สงสัย ที่ดินมันคงจะเอียง เพราะขับรถใกล้เข้าไปที่เจดีย์นั้น
เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดนี้ เป็นอีกวัด ที่เวลาในหนึ่งวัน เราจะได้ไหว้แบบสบายๆ วัดนี้เป็นวัดเก่า มีมาหลายชื่อ ไม่ว่าจะ ชื่อ
วัดพญาไท ที่พระเจ้าอู่ทองสร้างให้แก่ เจ้าแก้ว เจ้าไท
วัดป่าแก้ว ด้วย วัดนี้เคยเป็นที่พักของพระสงฆ์คณะป่าแก้วที่ ไป ศึกษาพระไตรปิฎกที่ ลังกา เลยได้ชื่อนี้
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นชื่อที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชทาน ให้เป็นการฉลอง เมื่อครั้ง รบชนะศึกพระมหาอุปราชา
ในโบสถ์เก่านี้จะมีพระประธานที่ผมว่า เหมือนพระพม่ามากกว่า รอบกำแพงโบสถ์ก็มีรูปจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องราวสมัยที่สมเด็จพระนเรศวร รบชนะพม่า
หิวแล้วหน้าวัด นี้ มี ก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดใหญ่ ร้านที่ปักป้ายว่า ก๋วยเตี๋ยววัดใหญ่นี่แหละ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หมูสะเต๊ะ โอย คิดแล้วหิว เลย ร้านนี้ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์นะแทบไม่มีที่นั่งกันเลย
แล้วก็ไปวัดที่สี่ วัดสุดท้าย ………….
ในรอบวันนี้ คือวัด พนัญเชิง เลยวัดใหญ่ ไปทางบางปะอินนิดเดียว จะเห็น วัดขนาดใหญ่อยุ่อีกแห่ง นี่แหละในโบสถ์มี พระไตรรัตนายก นั่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกอย่างของอยุธยา
พระองค์นี้ท่านนั่งมาก่อน ที่จะมีอยุธยา ถึง 26 ปี เวลามาไหว้พระที่วัด นี้ ไม่ควรจะมาตอนตรุษจีน เพราะโอย สุดๆ ของที่จอดรถเห็นลานจอดใหญ่ขนาดนี้ แล้ว ตรุษจีนนี่ไม่มีที่จอดรถ เพราะ………….
ในวัดยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เรียกว่าเป็นตำนานเจ้าสายน้ำผึ้งที่ เล่ากันว่า เจ้าสร้อยดอกหมากนี้ เป็นพระราชธิดา ของ จักรพรรดิจีน ถ้าเดาๆ คิดตามประสาผมก็น่าจะ ราว สมัย ราชวงศ์หยวน หรือไม่ก็หมิงตอนต้นกระมัง ก็เดินทางมาเพื่อจะอภิเษกกับเจ้าสายน้ำผึ้ง พอเรือมาถึง อยุธยา พระนางก็รอให้เจ้าสายน้ำผึ้งมารับ
แต่ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก็คิดว่า เจ้าสร้อยดอกหมาก จะขึ้นมาจากเรือ สุดท้ายรอกันไปรอกันมา
นางสร้อยดอกหมาก เสียใจคิดว่า ไม่มีใครสนใจเลย กลั้นใจตายในเรือ นั่นเลย
ก็เลยมีศาลอยู่ที่ริมแม่น้ำข้างวัด …..
สี่วัดแค่นี้ ก็เรียกว่าหมดวันแล้วถ้าหากเรา คิดจะไหว้แบบไม่เร่งรีบ แบบสบายๆ เพราะอยุธยา นอกจากสี่วัดที่กล่าวมานี้ ยังมี วัดสุวรรณดาราราม วัดพุทธไธสวรรค์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม วัดพระญาติ ที่เราคิดจะไหว้ให้ครบเก้าวัด แต่เห็นแต่ละคน ที่คิดจะไหว้ให้ครบ ล้วนแล้วแต่ ต้องไปมาแบบเร่งรีบ ไหว้พระก็ไหว้เหมือนขอไปที
ในวัดแต่ละแห่งล้วนแต่มีมุมสงบร่มรื่น มี อะไรดีๆ หลายอย่างในวัด ค่อย ๆ เดินดู สิ่งต่างๆ ช้าๆ หรือถ้าคิดจะให้ครบ ก็ค้างซะหน่อย ก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก ผมเอง เวลาว่างจากงาน เสาร์อาทิตย์ก็บ่อยไปที่ต้องไปค้าง เสียค่าโรงแรมพันเศษๆ แต่กิน อีกสองพัน เพราะ ถนัดหาของกินกัน ไม่ว่าจะร้านอาหาร ในวัดกษัตราธิราชของ ครอบครัวคณแสงชัย สุนทรวัฒน์ หรือ ร้านก๋วยเตี๋ยวอยุธยา ที่อร่อยครบเครื่อง

Create Date : 26 มกราคม 2548		4 comments
Last Update : 26 มกราคม 2548 19:27:41 น.
Counter : 1064 Pageviews.
Share Tweet