Let the Music Do the Talking

<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 มิถุนายน 2550
 

Goodbye to Romance



ราว 3 ปีก่อน ผมได้เคยเข้าไปมีส่วนร่วมของนิตยสารเฉพาะกิจขนาด 10 เล่มที่มีชื่อว่า 375F ซึ่งจัดทำขึ้นในวาระครบรอบ 10 ปีของค่ายเพลง(อินดี้)ที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญที่สุดค่ายหนึ่งเท่าที่ประเทศเราเคยมีมาคือ เบเกอรี่ มิวสิค โดยหน้าที่ของผมในครั้งนั้นคือ การทำคอลัมน์ที่มีชื่อว่า Theme อันเป็นส่วนเรื่องราวในแต่ละปีของเบเกอรี่ฯ 1 ปี ต่อ 1 เล่ม โดยเรื่องของแต่ละปี นอกจากผู้บริหารทั้ง 3 (+1) คน คือ พี่บอย, พี่สุกี้, พี่สมเกียรติ และพี่เอื้อง แล้ว แน่นอนว่า เรื่องราวจากความทรงจำ ผ่านปากคำของศิลปิน และทีมงานที่เกี่ยวข้อง หรือมีเรื่องราวร่วมกับเบเกอรี่ฯ ในปีนั้นๆ

ซึ่งเมื่อฉบับที่ 3 ที่เป็นเรื่องราวประจำปี 2539 ผมก็มีคิวที่จะต้องสัมภาษณ์วงทรีโอวงหนึ่ง ซึ่งมีผลงานแรกกับเบเกอรี่ฯ ในปีนั้น

วง Tea For Three ที่ประกอบด้วย พี่หล่น-วรุณ ศรีวัฒนะธรรมา, พี่หมู-นิวัฒน์ พานิชผล และ ผี-ศุภวัฒน์ รัตนโกเมน

แต่เนื่องจากในปี 2547 ที่ผมเข้าไปสัมภาษณ์นั้น เป็นปีที่วง Tea For Three ได้มีการปรับเปลี่ยนสมาชิกไปแล้ว โดยฝั่งที่ยังใช้ชื่อ Tea For Three เหลือเพียง 2 คนคือ พี่หมู กับ พี่ผี

ผมยังจำช่วงเวลาที่ผมไปนั่งหัวเราะจนตัวโยนที่ตึกแกรมมี่ได้ไม่มีวันลืมเลือน ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทราบว่า พี่หมู กับพี่ผี มิใช่คนนิ่ง โรแมนติก และอบอุ่น เฉกเช่นเพลงของพวกเขาเลย ตรงกันข้าม แต่ละคนต่างปล่อยมุขกระจาย ซึ่งกว่าครึ่งในนั้นคงไม่อาจนำมาเล่าต่อได้

และผมก็จำได้ว่า วันนั้นดก ช่างภาพ ใช้เวลาอยู่นานมากกับการหามุมในตึกแกรมมี่เพื่อถ่ายภาพพี่ๆ ทั้ง 2 คน

แล้ววันเวลาก็ดึงตัวผมจากไปสู่วิถีปกติ Theme ประจำปี 2539 ที่มีบทสัมภาษณ์ของสมาชิกทั้ง 3 คน (ผมสัมภาษณ์พี่หล่น ในภายหลัง) ก็ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร 375F ฉบับที่ 3 หน้าปก โป้-ปิยะ ศาสตราวาหา แห่งโยคีเพลย์บอย โดยที่ภาพถ่ายของวง ไม่ได้ถูกใช้เลย ด้วยการตัดสินใจ หรือไม่รู้ว่ามีภาพชุดนี้ ของ เจ้าโต๋ อาร์ตไดเรคเตอร์ ก็เหลือที่จะเดา (แต่คาดว่าไม่รู้มากกว่า) ผมก็อดที่จะสงสารทั้ง ดก และพี่ๆ ทั้ง 3 คนไม่ได้ที่ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

แต่ด้วยตารางชีวิตที่แน่นขนัด ทำให้ผมไม่ได้ตรองใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้นานนัก และความรู้สึกผิดก็ถูกซุกเอาไว้ในซอกของความทรงจำ ที่พร้อมจะถูกนำไปสูญสลายด้วยเครื่องทำลายที่ชื่อว่า กาลเวลา

จนกระทั่งวันหนึ่ง น้องคนหนึ่งในกองบรรณาธิการ ได้บอกกับผมในขณะที่ต้องติดต่อพี่เขาอีกครั้ง ว่า ทางพี่หมู กับพี่ผี ไม่พอใจกับบทสัมภาษณ์ที่ผมทำ และต้องการคุยกับผมเพื่อไขข้อที่พวกเขาข้องใจ

ด้วยเหตุนั้น ผมจึงต้องโทรไปคุยกับพี่ๆ สองคน ทั้งเพื่อให้รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่พี่ๆ เขาขุ่นเคืองนั้นคืออะไร และเพื่อให้พี่ๆ เขาได้เคลียร์กับงานที่ผมทำ

บ่ายวันนั้นผมต้องใช้เวลากว่าชั่วโมง กว่าที่จะคุยกันจนตะกอนที่ถูกกวนอยู่ในใจของพวกเราทุกคนจะเริ่มเจือจางไป

โดยผมก็ได้ประสบการณ์ที่มีค่า สำหรับการทำงานในอนาคตเกี่ยวกับการเรียบเรียงบทสัมภาษณ์ ในด้านความรอบคอบ และประณีต รวมถึงเข้าอกเข้าใจถึงความเป็นศิลปินได้ลึกซึ้งขึ้นอีก

หลังจากนั้นผมก็ได้พบกับพี่ๆ อีกครั้งตอนที่พวกเขามาถ่ายมิวสิควิดีโอ ร่วมกับศิลปินเบเกอรี่ฯ คนอื่นๆ เป็นสตูดิโอที่อยู่ภายในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ซึ่งผมจำไม่ได้เสียแล้วว่าเป็นที่ไหน วันนั้นผมก็ได้คุยกับพี่หมู กับพี่ผีอีกครั้ง แบบสั้นๆ ซึ่งพวกเขาดูจะไม่ได้มีข้อขุ่นใจอะไรกับผมแล้ว

ถึงแม้ว่ามันจะยังคงเป็นบดแผลในชีวิตการทำงานของผมอยู่บ้างก็ตาม

แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป ผมยังได้พบกับพี่ผีอยู่บ้าง ตามงานคอนเสิร์ต หรืองานเปิดตัวอัลบั้มของ Trea For Three ที่ผับแห่งหนึ่งแถวๆ อาร์ซีเอ จนกระทั่งวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ผมได้แวะเข้าไปในงาน a book fair ที่จัดขึ้น ณ Playground ทองหล่อ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานให้กับการเกิดขึ้นของหนังสือ Bakery & I ที่เป็นอัตชีวประวัติของพี่สุกี้ และค่ายเบเกอรี่ฯ ซึ่งผมเป็นคนเรียบเรียง แน่นอนว่าด้วยเครดิตของสำนักพิมพ์ และการลดราคาชนิดมโหฬาร จึงดึงดูดนักอ่านมาได้เป็นจำนวนมหาศาล จนแทบจะไม่มีที่เดิน

ที่นั่น ผมได้พบกับ พี่ผี ที่ตัดผมสั้น และใส่แว่นเรียบร้อย เดินช้าๆ ไปมา ด้วยผลสืบเนื่องโรคฮีโมฟีเลีย หรือเม็ดเลือดไม่แข็งตัว อันเป็นโรคประจำตัวของเขา ซึ่งทำให้ผมอดทึ่งและชื่นชมไม่ได้กับอารมณ์ขันอันเหลือเฟือของเขา ทั้งที่ภายในร่างกายยังคงต้องเจ็บปวดและเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายมาเนิ่นนาน

ทันทีที่เห็น ผมก็ตั้งใจว่าจะเข้าไปไหว้พี่ผี เพื่อทักทายแบบไม่รื้อฟื้นความหลัง (เพราะผมมั่นใจว่าแกคงจำผมไม่ได้แน่ๆ) แต่ด้วยปริมาณคนที่ขวักไขว่จอแจ ทำให้ผมตัดสินใจรอให้จังหวะการจราจรนำเราใกล้กันอีกนิด แล้วคงจะได้ทักทายกันอย่างเป็นทางการเสียที

น่าเสียดายว่าที่สุดแล้ว ด้วยงานที่ต้องไปต่อ ทำให้ผมไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ และจากมาด้วยความคิดว่า เราคงจะได้พบกันอีก

แต่แล้ว เมื่อผมได้อ่านข่าวผ่านทางอีเมล์ ผมก็รู้สึกว่าหัวใจของผมมันหายไปจากร่าง ณ ชั่ววินาที

“เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน ร.ต.ท.ภาสิงห์ สุรเสน ร้อยเวร สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 35/23 วดาพาร์ท ชั้น 2 ซอยพระราม 9 เลขที่ 31 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพบศพ นายศุภวัฒน์ รัตนโกเมน อายุ 36 ปี นักร้องนำวงทีฟอร์ทรี อดีตนักร้องสังกัดค่ายเบเกอรี่ มิวสิค ล่าสุดย้ายมาอยู่ค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยสภาพศพขึ้นอืดอยู่ภายในห้อง เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน”

คำไทยโบราณที่ว่า “ผัดวันประกันพรุ่ง” ได้เข้ามาตอกย้ำลงในหัวใจของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ในความสำคัญของมัน ว่า ชีวิตคนเรานั้นสั้นเกินกว่าที่เราจะสามารถผัดสิ่งที่ตั้งใจหรือต้องทำไปจนพรุ่งแล้วพรุ่งเล่า

ทุกวินาทีของชีวิต คือสิ่งที่เราต้องใช้มันอย่างรู้คุณค่ามากที่สุด

เพราะแม้ว่า ถึงที่สุดแล้วลมหนาวจะต้องเวียนวนกลับมาในทุกปี
แต่ก็คงไม่มีสรรพสิ่งใดที่จะสามารถยั่งยืนรอคอยสัมผัสแห่งลมหนาวได้จนตลอดไป


ผมขออุทิศหน้า Blog ในครั้งนี้ให้กับ พี่ผี-ศุภวัฒน์ รัตนโกเมน
ขอให้พี่ได้ไปสู่สุขคติ ในแดนภพที่พี่ปรารถนา อันไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดใดอีกต่อไป
ผมจะจดจำพี่ และเพลงของพี่ เอาไว้ในใจเสมอ ไม่ว่าลมหนาวจะเวียนผ่านมาจนอีกสักกี่ครั้งก็ตาม

Goodbye To Romance

Yesterday has been and gone
Tommorow will I find the sun
or will it rain
Everybody's having fun
Except me I'm the lonely one
I live in shame

(chorus)
I said goodbye to romance, yeah
Goodbye to friends, I tell you
Goodbye to all the past
I guess that we'll meet,
we'll meet in the end
I've been the king, I've been the clown
now broken wings can't hold me down
I'm free again
The jester with the broken crown
It won't be me this time around
to love in vain

(repeat chorus)

and I feel the time is right
although I know that you just might say to me
what you gonna do
what you gonna do
But I have to check this chance
goodbye to friends and to romance
And to all of you
And to all of you
Come'on now!

(repeat chorus)

and the winter is looking fine
and I think the sun will shine again
and I feel I've cleaned my mind
all the past is left behind again

(repeat chorus)

(From 'Goodbye To Romance' By Ozzy Osbourne)




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550
1 comments
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 12:30:50 น.
Counter : 803 Pageviews.

 
 
 
 
ผมก็คนนึง ที่ชอบผัดวันไปเรื่อย ๆ แม้รู้ว่ามันไม่ดี แต่บางครั้งก็เผลอไปจริง ๆ
 
 

โดย: oO (yosa ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:13:02:40 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Jackpot Sparrow
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Jackpot Sparrow's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com