Group Blog
สู่โลกกว้าง
Darth Side
กระตุกหนามเตย
อย่าอ่านเลยก็แล้วกัน
ตุลาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
22 ตุลาคม 2550
Yokoso Japan #5 สัมผัสปรัชญาแห่งเซ็นที่เกียวโตตะวันตก
All Blogs
Yokoso Japan #10 วันสุดท้ายแล้วเหรอ
Yokoso Japan #9 เดินละเมอในโยโกฮาม่า
Yokoso Japan #8 วันอาทิตย์ในญี่ปุ่น
Yokoso Japan #7 แบกขาเที่ยวโตเกียว ฟู่ๆๆ
Yokoso Japan #6 เกียวโตเกียวโตเกียว
Yokoso Japan #5 สัมผัสปรัชญาแห่งเซ็นที่เกียวโตตะวันตก
Yokoso Japan #4 ไปหาแบมบี๊ที่นารา
Yokoso Japan #3 หลากอารมณ์ หลายสถานที่
Yokoso Japan #2 - ฮิเมจิ โกเบ
Yokoso Japan #1 - ต้อนรับการมาเยือนด้วยละอองฝน
Yokoso Japan #0 - เตรียมตัว เตรียมใจ
Yokoso Japan #5 สัมผัสปรัชญาแห่งเซ็นที่เกียวโตตะวันตก
เช้าแล้ว เก็บกระเป๋าออกจาก Raizan กันดีกว่า วันนี้เราย้ายสัมภาระไปพักที่เกียวโตเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง
วันนี้เราไม่ได้ใช้บัตร Pass ใดๆ ผมเลือกเส้นทางที่สะดวกและราคาถูกคือ นั่ง JR จาก Shin-osaka ไป Kyoto โดยคำแนะนำจากเวบ Hyperdia วันนี้เป็นวันทำงานดังนั้นจึงมีมนุษย์ชุดสูทเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวอย่างเราจึงต้องเดินลากกระเป๋าอย่างมีสติ
อีกครั้งหนึ่งเรามาถึงสถานีอันใหญ่โตแห่งนี้
ผมควักเอารูปแผนที่โรงแรมที่เซฟมาในเวบขึ้นดู โรงแรมอยู่ห่างจาก Kyoto tower เพียงแค่ 3 นาทีเดิน
เราต้องข้ามมาอีกฝั่ง ผมชอบข้ามทางม้าลายที่นี่ซะจริง ทุกแยกจะมีสัญญาณสำหรับคนข้ามถนน เวลาไฟเขียวก็หลับตาข้ามอย่างสบายใจ (ผมเคยได้ยินว่าบางประเทศมีคนโดนรถชนบ่อยๆตรงทางม้าลาย) ยิ่งตรงสถานีเกียวโตนี่ยิ่งชอบเพราะทางม้าลายแยกนี้จะมีเสียงดนตรีประกอบหดหู่ๆฟังแล้วน่ารักดี ลองคิดถึงทำนองเพลงหดหู่ของไทยเราอันนั้นน่ะครับ
เดินจากแยกที่ข้ามมานิดนึงก็เจอโรงแรม White Kyoto ครับ
ทำไมต้อง White Kyoto? เพื่อนผมอยากนอนแบบสไตล์ญี่ปุ่น (Ryokan) นอนบนฟูกแบบที่โนบิตะมันนอน ผมก็เลยหา Ryokan ซึ่ง Ryokan ในเกียวโตนั้นส่วนใหญ่แพงมากกกกก ประมาณคนละ 5000 เยนขึ้นไป มีอันนี้แหละ 4300 เยน รวมอาหารเช้าสไตล์เกียวโต (ในเวบเขาว่างั้น) แถมอยู่ใกล้สถานี
เนื่องจากเราไป check in ตอนเช้าห้องยังไม่เสร็จ เลยฝากของไว้ที่โรงแรม วันนี้เราจะไปตะลุยเกียวโตฝั่งตะวันตกกันครับ
การไปไหนมาไหนในเกียวโตต้องใช้รถบัสดีที่สุด ใช้ตั๋ว 1 วัน 500 เยนครับคุ้มมาก
วัดแรกที่เราจะไปคือวัดทอง (Kinkakuji) แต่พอเดินไปท่ารถบัสก็เห็นแถวคนรอไปวัดทองเช่นนี้
เราจึงตัดสินใจไปวัด Ninnaji ก่อนอยู่ทางตะวันตกเหมือนกัน คนต่อคิวนิดเดียวเอง ภายในรถบัสก็ดูทันสมัยดี มีการบรรยายผ่านลำโพงตลอดเวลา ถึงป้ายไหนแล้ว ประตูรถกำลังจะปิด รถกำลังจะออก รถเมล์ที่นี่แล่นแบบหวานเย็นและชิดซ้ายตลอดเวลา (นั่งไม่มันส์เหมือนสาย 8 บ้านเรา) ที่นี่รถติดพอสมควร
นั่งอยู่นานเหมือนกันก็ถึงป้าย ไม่ต้องกลัวเลยป้ายรถเมล์ที่นี่จุดทุกป้าย เห็นประตูวัดอยู่ฝั่งตรงข้าม
ที่นี่ใส่กระโปรงสั้นเข้าวัดได้ไม่ผิดกาลเทศะแต่อย่างใด หุๆๆ
ภายในวัดก็จะแบ่งเป็นห้องๆตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม
ประตู หน้าต่าง ระเบียงทางเดิน ดูสง่างามและสงบ ผมเดินดูแต่ละห้องอย่างช้าๆเพื่อซับซับ
ด้านหลังของวัดเป็นสวน ใบไม้ยังเขียวขจีแต่ก็ยังสวย ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าดีแล้วที่เรามาตอนที่ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี เพราะถ้ามันเปลี่ยนสีผมอาจเสียสติไปเลยก็เป็นได้ และอาจต้องเสียเงินซื้อเมมเพิ่ม
หลังจากซึบซับวัดแรกก็เดินไปวัดต่อไปที่อยู่ใกล้ๆกัน คือวัดเรียวอันจิ อันนี้เป็นร้านที่เจอระหว่างทาง
แค่เห็นรูปสวนหินในหนังสือคนทั่วๆไปก็คงจะลังเลอยู่ไม่น้อยกับค่าเข้า 500 เยนที่ต้องเสีย
เข้าไปก็เจอหินนับได้ 14 ก้อน แต่ในป้ายเค้าบอก 15 นะ กลุ่มเด็กด้านขวาเข้าถึงเซนถึงกับควัก DS มาเล่นกันสนุกสนาน
ดูไปก็ทึ่งกับคนคิดที่ช่างกล้านักที่ออกแบบสวนที่ไม่มีต้นไม้ มีแต่หินกับผืนทรายลายทาง สวยหรือไม่สวย ซาบซึ้งหรือเสียดายตังค์ จะนับได้กี่ก้อน ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน
ถ้าแค่คนเรานั่งมองหินแล้วมีความสุขทางใจ เราคงใช้ชีวิตบนโลกนี้ง่ายขึ้นเยอะ
เต็มอิ่มกับปรัชญาเซ็น เราก็ออกมาเติม Soft cream ลงกระเพาะกันหน่อย ยิ่งกินยิ่งชอบ
เรานั่งรถบัสไปวัดที่สามคือวัดทอง เช่นเดียวกับวัดเรียวอันจิ ผมได้ยินมาว่าวัดทองนั้น "ไม่มีอะไร" แค่เดินไปเจอวัดสีทองๆอยู่กลางน้ำแค่นั้นเองแลกกับเงิน 500 เยน แต่วัดนี้ก็พิสูจน์อีกครั้งสำหรับวลี สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ดูแล้วมันก็เป็นวัดสีทอง แต่ด้วยบรรยากาศโดยรอบ เงาของตัววัดที่ทอดลงกลางน้ำเป็นประกาย โชคดีที่วันนี้มีแดดผมจึงได้สัมผัสความงามพลางกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็พบว่ารูปที่ออกมาไม่สามารถบรรยายความงามตามจริงได้
เราเดินไปเรื่อยๆก็ถึงทางออกซะแล้ว ผมยังรู้สึกไม่อิ่มจึงขอตัวเข้าไปอีกรอบ โดยให้เพื่อนนั่งคอยด้านนอก กะจะไปถ่ายแบบ lomo อยากรู้ว่ามันจะออกมาสีทองโคตรๆเลยรึเปล่า แต่รูปที่ได้เลยเจ๊งเพราะกล้องวาสลีนเสียซะแล้ว
สถานที่ต่อไปคือ ปราสาทนิโจ บริเวณนั้นมี Manga musuem อยู่ด้วยเพื่อนผมจึงอยากจะไปดูซะหน่อย ระหว่างทางไปเจอร้านราเมง นี่ก็บ่ายโมงกว่าแล้วขอกินซะหน่อย
ร้านนี้มีคุณลุงคุณป้าช่วยกันทำสองคนมือเป็นระวิง
ผมสั่งราเมนสาหร่าย กินแล้วนึกถึงเพื่อนที่ชอบกินสาหร่ายเป็นชีวิตจิตใจ เวลากินต้องเอามาจุ่มไข่ดิบที่ตีไว้ด้วยนะครับ เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่ผมลองกินไข่ดิบ ก็พบว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ถึง Manga musuem ให้เพื่อนไปเจรจาก็พบว่ามันเป็นเหมือนศูนย์รวมการ์ตูนมากกว่าที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติศาสตร์การ์ตูนญี่ปุ่น เพื่อนผมเลยไม่เข้าไป เรากลับไปจุดหมายเดิม ปราสาทนิโจ
ซื้อตั๋วกันก่อน 600 เยน
ภายในตัวปราสาท ด้านในก็จะมีรูปปั้นบุคคลต่างๆในสมัยโบราณ แต่ที่ชอบคือพอเราเดินไปบนพื้นไม้จะเกิดเสียงคล้ายเสียงนกร้อง ยิ่งมีคนมากก็มีนกหลายตัวร้องกันระงม มีคนมาเที่ยวมากมาย มีทัวร์ที่ไกด์กำลังอธิบายอย่างละเอียดฟังแล้วก็น่าอิจฉาลูกทัวร์ต่างจากเราที่เดินอ่านข้อมูลตามป้าย ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง
เดินมาทั้งวันขอนั่งพักหน่อยนะครับ
บ่ายแก่ๆเรากลับที่พัก เอาของเข้าเก็บห้อง ขนาดห้องที่นี่ไม่ต่างจากที่ Raizan มากนัก เพิ่มมาคือห้องอาบน้ำส่วนตัวไม่ต้องแย่งกับใคร กับทีวี "หยอดเหรียญ"
มีหนังสือให้อ่านด้วยนะเออ
มีอุปกรณ์ชงชามาให้ด้วยเพื่อบรรยากาศ
นั่งพัก อาบน้ำให้สบายตัว ก็ถึงเวลาที่เราต้องออกไปตามล่าหาเกอิชากันอีกครั้งหลังจากผิดหวังมาเมื่อวาน เรานั่งรถไปลงแถววัด Kiyomizu มีคนบอกว่าวัดนี้อาจจะเปิดตอนดึก
เดินไปตามทางเข้าวัดซักพักก็เปลี่ยนใจ เดินไปอีกทางแล้วก็พบกับโคมเหล่านี้
ดูไปดูมารู้สึกคุ้นๆ ที่นี่ก็คือศาลเจ้า Yasaka ที่เรามาเมื่อวานนั่นเอง แต่ตอนนี้ได้อัพเกรดตัวเองให้ดูสวยไฮโซกว่าเดิมหลายเท่านัก
ผมรีบทำเวลาถ่ายภาพเนื่องจากเรามีเกอิชารออยู่ เราเดินไปตามทางใน guide หลังโรงละคร Minamiza ก็เจอ Gion corner ซักที
มีเหล่าฝรั่งมาตั้งกล้องดักซุ่มเกอิชากันดูราวกับจะมาถ่ายสารคดี เช่นเดียวกับเรา
เราเจอเกอิชาหนึ่งคน!!! เธอเดินไวมาก แป๊บเดียวหายวับ
หลังจากนั้นพวกเธอก็ไม่ปรากฏตัวอีก.... เราจึง.... ไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า หิวมากกกก เย็นพรุ่งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้วนะกับ An encounter of geisha
ด้วยความหิวมากเลยสั่งชุดใหญ่ซะเลย มื้อนี้เน้นอิ่ม ไม่เน้นรสชาติ
อันนี้ของเพื่อนครับ
แน่นอนชายผู้นี้ต้องตบท้ายด้วยสิ่งนี้
กินอิ่มก็เดินดูยามราตรีของเกียวโตซักพัก ไม่มีอะไรหวือหวามากนัก อ้อ จะมีก็ร้านใกล้ๆแม่น้ำ Kamo ที่ตกแต่งสวยๆแบบโบราณน่าเข้า แต่ไม่มีตังค์เข้า
พรุ่งนี้วันสุดท้ายของเกียวโต วันสุดท้ายของคันไซ และโอกาศสุดท้ายกับการไล่ล่าเกอิชา
Create Date : 22 ตุลาคม 2550
Last Update : 23 ตุลาคม 2550 2:34:10 น.
2 comments
Counter : 1445 Pageviews.
Share
Tweet
ว้าววววว อ่านตั้งแต่ entry แล้วต้องติดตามต่อปาย....จะได้เจอเกอิชาไหมเนี้ย????? ทำไมเค้าถ่ายรูปกันใกล้ๆเลยหรอคะ เกอิชาไม่ว่าหรอคะ หรือ ปกติถ่ายได้อยู่แล้ว
รออัพต่อปายยยยย
โดย: กว่าจะ ( สวยลากไส้...มาคอมเม้นท์ ) (
laramania
) วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:21:25:07 น.
จี้เล่าเรื่องสนุกดี แถมภาพสวยอีกตะหาก
โดย: เอ็มหมี IP: 202.44.4.62 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:48:53 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Favorite Nightmare
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Favorite Nightmare's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
รออัพต่อปายยยยย