** Noo - Lin - On - Line **
20-04-2555 : C&C C&D, Outside-in Inside-Out

            วันที่สองบรรยากาศเริ่มครื้นเครง ผลจากการเล่นเกมละลายพฤติกรรม แนะนำตัวทางอ้อมกันด้วยหน้าต่างสี่บาน อันได้แก่
1.ความสำเร็จในอดีต
2.ความล้มเหลวในอดีต
3.ความสำเร็จในปัจจุบัน และ
4.สุดท้ายสิ่งที่คาดหวังในอนาคต 
ด้วยวาทะของอาจารย์ที่ขอไว้ว่า "อย่าเก๊กและอย่ากั๊ก" ทำให้บรรยากาศในการนำเสนอเรื่องราวนั้นเกิดความครื้นเครง ตามมาด้วยการสามารถสร้างความคุ้นเคยต่อกันได้เป็นอย่างดี

C&C และ C&D คือ
      จงอย่าลอกและทำอย่างนั้นจนเหมือนกันเป๊ะ คือ C&C (Copy and Copy) เพราะในแง่ธุรกิจ การที่มีสินค้าที่เหมือนกันอยู่ในตลาดมันก็จะแข่งขันกันเองในกลุ่ม เพราะมีความต้องการเดียวกัน ก็ต้องแข่งกันเอง แบ่งเค้กกันเอง แต่จง C&D (Copy and Develop) คัดลอกและพัฒนาต่อไป เพื่อทำให้เกิดความแตกต่าง เพื่อสร้างจุดขาย พัฒนาให้เกิดความแปลกใหม่เพื่อความน่าสนใจ จะได้ไม่ต้องแบ่งเค้กให้ใครเลย (อย่างน้อย ๆ ก็ก่อนที่ใครจะมา CC งานของเราต่ออีกที อิอิ)

       ต่อด้วยทฤษฎี หน้าต่างโจฮารี ของลุงโจเซฟ และลุงแฮรี่ ที่ว่าด้วยการทำความรู้จักตัวเองด้วยจัดคุณลักษณะของแต่ละบุคคลออกเป็น 4 ส่วนหรือหน้าต่างสี่บานคือ
            1. พื้นที่สาธารณะ หรือ พื้นที่เปิด
            2. พื้นที่บอด
            3. พื้นที่ลับ
            4. พื้นที่มืด




พื้นที่สาธารณะ


 พื้นที่บอด


พื้นที่ลับ


 พื้นที่มืด

-  พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่เปิด คือพฤติกรรมที่แสดงออกโดยไม่จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง  เช่นปัจจัยความมีหน้ามีตาในสังคมทั้งหลายแหล่

-  พื้นที่บอด  คือเราไม่รู้ตัวแต่คนอื่นรู้ บอดสำหรับเราเอง แต่คนอื่นไม่อาจบอกเราให้รู้ อาจจะกลัวเราไม่พอใจ โกรธ จนเกิดการปิดกั้นสร้างกำแพงกันต่อไป

-  พื้นที่ลับ ก็คือ พื้นที่ส่วนที่เก็บสิ่งที่เรารู้ เช่นเรารู้จักตัวเอง แต่คนอื่นไม่รู้ เราซ้อนเร้นเอาไว้ เช่นความรู้สึก เจตคติ พฤติกรรม

-  พื้นที่มืด   เราไม่รู้ คนอื่นก็ไม่รู้ แต่เป็นที่บรรจุขีดความสามารถและความถนัดต่าง ๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบ และยังไม่เป็นที่รู้จัก เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ อนาคต หรือไม่ค้นพบ

คิดว่าการเรียนรู้หน้าต่างโจฮารีในว้ันนี้ มีประโยชน์ในแง่การสร้างบรรยากาศอบอุ่น ถ้าเราพร้อมจะเปิดตัวเอง หรือขยายพื้นที่สาธารณะให้กว้างขึ้น คนอื่นก็พร้อมจะสนองตอบมากตามไปด้วยเท่านั้น  ลดกำแพงซึ่งกันและกันนำมาสู่ความเป็นเครือข่าย หรือความเข้าใจเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้มากขึ้นและง่ายขึ้น

Outside-in Inside-Out  อันนี้น่าสนใจ....
   แนวคิดการตลาดแบบ Inside-out
เกิดขึ้นเพราะต้องการปรับปรุงการตลาดแบบเถ้าแก่ธรรมด๊า ธรรมดาให้ดีขึ้นเพื่อให้ลูกค้าพอใจมากขึ้นจากเดิมที่เถ้าแก่อาจจะฟังจากคนทำงานไม่กี่คนแล้วไปทำการตลาด มาเป็นสำรวจเพิ่มเติมโดยการจ้างคนหรือบริษัทมาวิจัยมาสำรวจข้อมูลในตลาด หลังจากนั้นก็เอามาวิเคราะห์ แปรรูปออกมาเป็นกิจกรรม เช่น โฆษณา ใช้สื่อประชาสัมพันธ์ งาน event ต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ในตัวสินค้าและบริการ เพื่อให้ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 
        รูปแบบ Inside-out เนี่ย นอกจากผลการวิจัยมันจะช่วยให้เถ้าแก่เค้าสามารถจัดการกับสต๊อคได้ ยังช่วยประเมินทิศทางความต้องการสินค้าได้แม่นยำด้วยนะ เพราะใช้บริษัทมาวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลกันงัย แบบเนี่ยแน่นปึ้ก การคำนวณการกักตุนสต๊อคถูกต้องไม่ต้องเอาเงินไปจม และเพราะรู้ข้อมูลมากและแม่น ทำให้ส่งผลดีในเรื่องการเจรจาต่อรองในเรื่องต้นทุนสินค้าได้อีก เค้าถึงว่า ผู้รู้ข้อมูลข่าวสารได้เร็วมักได้เปรียบ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ Inside-Out ก็ได้ผลอยู่ระยะนึง เมื่อการตลาดมันแข่งขันกันดุเดือด  Copy&Copy กันเข้าไป คนอื่น ๆ ก็ลอกกิจกรรมนี้ไปทำกันหมด จ้างบริษัทมาวิจัยกันใหญ่ ทำเหมือน ๆ กันเปี๊ยบ ยกเว้นโลโก้สินค้าเท่านั้นที่แตกต่าง  Inside-Out ก็เลยชักจะไม่ work  เมื่อเป็นแบบนี้แนวคิดเรื่อง "ลูกค้ายึดติดหรือภักดีต่อแบรนด์ที่ใช้ประจำ" ก็เริ่มไม่จริง ลูกค้าเริ่มไม่ผูกพันเพราะมีทางเลือก ในเมื่อมีการนำเสนอกันหลากหลาย ลูกค้าก็เริ่มนอกใจสิ

แล้ว Outsitd-in น่าสนใจยังงัย 
           แนวคิดการตลาดแบบ Outside-in นั้นเกิดเพราะปัญหาความไม่แน่นอนในใจลูกค้า อันที่จริงแล้วเมื่อวิธีเดิมมันไม่ work แนวคิดนี้จึงสอนให้คนหันมาดูพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยแทน เรียกว่าการตลาดรายบุคคลก็ว่าได้ มีการคาดการณ์ว่าจะถูกนำมาใช้มากขึ้นในอนาคต จากแนวคิดดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนการแนวคิดการตลาดแบบ Outside-in คือแทนที่จะเก็บข้อมูลทั่วไปมาวิเคราะห์และคิดเอาว่าลูกค้าต้องการอะไร ก็กลับมาเป็นการเก็บข้อมูลลูกค้าจากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าแต่ละคน และนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ เพื่อจะใช้จัดกิจกรรมการตลาดที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ราย

สรุปแล้ว : วันนี้ได้รู้เรื่องการวิเคราะห์ตัวเองอย่างเป็นระบบ จะทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อให้กลับมาส่องกระจกถามกันอีกครั้งว่า ...ไหวมั้ย  อิอิ

ปล. เย็นนี้ สปา แอนด์ อโรม่า ช่วยด้วย






Create Date : 22 เมษายน 2555
Last Update : 3 ตุลาคม 2555 12:12:48 น. 0 comments
Counter : 1013 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

slino
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับ กัลยาณมิตรทุกท่าน ^^
Group Blog
 
 
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add slino's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.