Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

เลือกที่จะอยู่ หากรู้จักปรับตัว....1











ภาพนี้ถ่ายเอง สวยมั้ยจ๊ะ .......ขนาดดอกไม้ยังปรับตัวเองเพื่อให้อยู่รอด แล้วคุณหล่ะ.....



หลายคนมักพูดว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก....แต่บางครั้ง คนเรา ก็ต้องการ ลองสิ่งแปลกใหม่ เพราะมันคือ


"ประสบการณ์ชีวิต"


ชีวิตที่เราไม่รู้ว่า เราจะใช้มันคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ต่อเมื่อเราได้ลอง และสัมผัส ถึงจะได้รู้ คำว่า "รสชาดของชีวิต"มันมีค่าเพียงใด และการที่จะได้มาในแต่ละอย่าง มันต้องแลกด้วยปัจจัยบางอย่าง ทั้งแรงกาย แรงใจ และความพยายาม ......


ผู้เขียนเกิดและเติบโต ที่ จังหวัดเชียงใหม่ พอเรียนจบ ป.โท ที่
มอชอ ก็แต่งงานและย้ายมาอยู่ที่ แวนคูเวอร์ บริติช โคลัมเบีย ช่วง
แรกๆ ทางบ้านไม่มีใครเห็นด้วย อยากให้อยู่และทำงานที่เมืองไทย
แต่เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า ก็อยากลองคว้าไว้ อย่างน้อยก็ได้ เรียนรู้
ถึงประสบการณ์ชีวิตในแดนไกล


...............วินาทีแรกที่มาถึงแคนาดา ........แบบ Landed Immigrant...or PR : Permanent Residence............ผู้เขียนจำได้ว่า ตื่นเต้นมากๆ ถึงแม้จะไม่ใช่ทริป แรก เป็นทริปที่สาม ที่มาแคนาดา แต่ครั้งนี้ตื่นเต้นที่สุด เพราะมาแบบย้ายถิ่นฐาน ทุกๆ ครั้งผู้เขียนมาเอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน แฟน ก็ลุ้นว่าจะรอดจาก Custom หรือเปล่า..........


......ใช้เวลาไม่นานนักในการทำบัตรและตรวจเอกสารที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่ร้ายกว่านั้น ปกติ เค้าจะสุ่มตรวจกระเป๋าเดินทาง ...ทริปนี้ผู้เขียนโชคดีอีกเช่นเคย รอดมาได้ ....กระเป๋า ใบใหญ่ สองใบ ใบหนึ่ง เต็มไปด้วยอาหารแห้ง เครื่องปรุง น้ำพริก แอบเอาแหนม มาด้วย อิอิ ที่แน่ๆ ผู้เขียนไม่รู้ว่าแม่แอบใส่ ตะไคร์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต พืชผัก ไว้ในกระเป๋า โชคดีที่เค้าไม่ได้ตรวจ ไม่งั้น โดน.......


......วันแรกที่มาถึง ก็เหมือนกับทุกๆ ครั้ง jet Lag ประมาณ สามสี่วัน กลางวันนอน กลางคืนตื่นมาทานอาหาร เพราะเวลาที่แคนาดา ตรงข้ามกับไทย.......


......คำแรกที่แฟนบอก ต้องฝืนตัวเองนะ พยายามอย่านอนกลางวัน ให้ทานกาแฟ จะได้ปรับตัวเร็ว ....คร๊าบบบบบบบบบบบบบ


.....วันถัดไป แฟนพาผู้เขียนไป City Hall คล้ายๆ ศาลากลาง บ้านเรา เพื่อทำบัตร Care Card & SIN Card or Social Insurance Number


......สองบัตรนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบริติช โคลัมเบีย ให้ความสำคัญ ต่อ Care Card จะมีหมายเลขของผู้ถือบัตร สำหรับติดต่อเข้ารับการรักษาโรค หรือสุขภาพ.... ส่วน SIN Card เป็นบัตร หมายเลขประจำตัวของผู้เสียภาษี ถ้าไม่มีบัตร ก็ทำงานไม่ได้


ช่วงครึ่งปีแรก มันเป็นอะไรที่ อึดอัด ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ไว้ใจใคร อาจ
เป็นเพราะ ยังยึดติด กับขนบธรรมเนียม วิถีชีวิตแบบไทยๆ เลยค่อน
ข้าง ปิดตัวเอง .......คำว่าเพื่อนที่นี่ ไม่เหมือนเพื่อนที่เรานิยาม เอาไว้
ยิ่งอยู่ ต่างประเทศ โดยเฉพาะ อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่มีคนหลายเชื้อ
ชาติ แน่นอน "Culture Shock & Cross Culture " เป็นอีกเหตุและ
ผลที่ตามมา


.....คิดถึงเพื่อนจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...............






ถ่ายที่ตรัง 2009 เฮ้อออออออออออออ


......................................................................................


เรื่องราวต่อไปนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกตอน นะคะ แต่จะพยายามเรียบเรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เห็นในภาพโดยรวม






จำได้ว่า ผู้เขียน มาอยู่ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ตัดสินใจทำงานทันที
บอกกับแฟน ว่าอยากทำงาน แต่ช่วงนั้น ภาษาอังกฤษ ไม่ดีจริงๆ ทั้ง
การพูดการเขียน แฟนแนะนำให้ทำงานพาร์ทาม ที่ห้างชื่อดังแห่งหนึ่ง
เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ปัจจุบัน เจ้าของเป็นกลุ่มชาวอเมริกัน มีเครือ
ข่ายมากกว่า 300 กว่าสาขา ในอเมริกา และแคนาดา


โชคดีที่แฟนของผู้เขียนเป็นคนกว้างขวาง จึงฝากงานให้ ทำให้รู้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ๆ เครือข่าย หรือเนตเวิรด์ มันยิ่งใหญ่ จริงๆ
แม้งานที่ได้อาจไม่ใช่ งานที่ตนเองใฝ่ฝัน แต่ที่นี่ งานคืองาน และ
งานก็คือเงิน ไม่มีใครแบ่งชนชั้น แบ่งระดับ ทุกๆ คนมีสิทธิเท่าเทียม
กัน พูดง่าย ๆ คือ รู้จัก speak up for yourself , learn from your
misstake


ผู้เขียน ต้องมานั่งเขียน Resume' เพื่อใช้ในการสมัครงาน เสริทหา
แบบฟอร์มการเขียน ที่ถูกต้อง เพื่อใช้ในการสมัคร เรียบเรียงคำพูด
ภาษาที่ใช้ ให้ออกมาแบบ Professional พอถึงวันสัมภาษณ์จริงๆ
บอกได้คำเดียวว่า ไม่มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ เข้าใจ
แต่ตอบไม่ได้ทันที เพราะต้องเรียบเรียง ความคิด จากภาษาไทยเป็น
ภาษาอังกฤษ อีกที แต่สุดท้าย ก็ได้โอกาสให้ทำงาน เป็น

Sales Associate ..................I give you a chance, and the
door always opens for people who are challenging.


ผู้เขียนจบ ตรี ด้านการบริหาร จบโท เศรษฐศาสตร์ ตั้งแต่เรียนจบมา
ก็ทำงานด้านการตลาด งานขายมาตลอด แต่วินาทีนี้ มันเป็นการขาย
ปลีก อยู่แผนกเสื้อผ้าแฟชั่น แบรนด์เนม ....ในใจ คิดอยู่เสมอ จะทำ
ได้ไหมนะ .............


พอสัมภาษณ์เสร็จ อีกวันก็ให้มาทำงาน ครึ่งวันแรก จะมีคนเทรนงานให้ สอนและแนะนำการใช้ cash register บอกได้คำเดียวไม่เข้าใจ ฟังไม่รู้เรื่อง เร็วมากๆ ผู้เขียนไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน ยกเว้นการใช้เครื่องคิดเลข พออีกวันก็ให้เริ่มงาน


ถามว่าค่าจ้างเยอะไหม ขั้นต่ำที่ บริติช อยู่ที่ 8 เหรียญ ต่อชั่วโมง ผู้เขียน ได้ 10 เหรียญ ต่อชั่วโมง งานบริการประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการทำงาน และ ชั่วโมงงานที่ทำกับบริษัท ทุกๆ สามเดือน จะมีการประเมินผล การทำงานของแต่ละคน โดย ผู้จัดการแต่ละฝ่าย และแต่ละปี จะมีการพิจารณาปรับค่าจ้าง ตามความเหมาะสมและสภาพเศรษฐกิจ แต่ผู้เขียนโชคดีที่ ทุกๆ ปี ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น


เริ่มงานวันแรก ผู้เขียนยอมรับว่าเกร็งมากๆ โดยเฉพาะทำงานร่วมกับคนหลายเชื้อชาติ ทั้ง ชาวแคนาดา คนจีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินเดีย เป็นต้น อีกทั้งความสามารถในการสื่อสารของผู้เขียนยังไม่ดีพอ ทำให้ช่วงแรกๆ รู้สึกท้อ เหมือนตนเองโง่ และถูกดูหมิ่น เพราะโดยเนื้อแท้ ของตัวผู้เขียนเอง proud of myself พอสมควร 55555


คำว่า Sales Assocaite อาจดูสวยหรู แต่แท้ที่จริงก็คือพนักงานขายของนั่นเอง แต่เมืองนอก เค้าให้เกียรติทุกๆ อาชีพ คำว่า พนักงานขาย ที่นี่ บอกได้คำเดียวว่าทำงานคุ้มค่า ทำทุกๆ อย่าง จริงๆ ผู้เขียนต้องเป็นทั้งแคชเชียร์ แนะนำสินค้า สไตล์การแต่งตัว ถือของให้ลูกค้า เตรียมห้องลองเสื้อผ้า เก็บเสื้อผ้า นำเสื้อผ้าที่ลูกค้าลอง ไปเก็บไว้ที่เดิม ทำความสะอาด เอาไม้แขวนเสื้อไปทิ้ง เข้าคอร์สอบรม แฟชั่น เรียนและหาความรู้เพิ่มเติม ทางอินเตอร์เนต จากเว็ปไซต์ของบริษัท และทำทะเบียน Client Telling


.... เห็นใส่ชุดดำ ไม่ได้ไปงานศพ นะจ๊ะ แต่เป็นสีที่เราต้องใส่ทำงาน จะเป็นชุดอะไรก็ได้ ขอให้ดูโปร...และเป็นสีดำ 55555


....ผู้เขียนทำงานพาร์ทาม ที่นี่ ได้ สามปีแล้ว กะเปลี่ยนอาชีพเหมือนกัน ภายในปีสองปี นี้ แต่ก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ เฮ้อออออออ



.....อึม ถ้ายังเป็นแฟนคลับนภัทร แบบโงหัวไม่ขึ้น สงสัยต้องกลับไปทำงานเมืองไทย หรือไม่ก็ต้องเปิดบริษัทเอง 55555555 จะได้มีเวลาส่วนตัว ...........






...วันหนึ่งขณะที่ทำงาน มีลูกค้าชาวแอฟริกา เดินเข้ามา พูดรัวและเร็วมาก ผู้เขียนฟังไม่ทันและไม่รู้เรื่อง เค้าถามเกี่ยวกับมีเสื้อผ้าที่ทำจาก เนื้อผ้ากำมะหยี่ไหม ช่วงนั้นผู้เขียนยังฟังไม่ออก แปลไม่ถูก ก็เลยถามกลับไป


Excuse me, I didn't catch it. Could you repeat and explain?

So what ?

That customer said, " If you don't understand, why do you work here"

Oh ! OMG !


ความอดทนของผู้เขียนเริ่มจะทะลักออกมาเป็นไฟ แต่ก็พยายามอดทน เพราะลูกค้าคือพระเจ้า เลยตอบกลับว่า


Sorry Mam, today was my first day and English wasn't my mother's tongue. It was great to be here to practice English,and if you weren't satified, you can find somebody else.

So, she looked at me like I was a jerk.


มันเป็นการเริ่มต้น ที่จะเรียนรู้ และเป็นแบบนี้จริง คนที่อ่อนแอ ไม่พูด ไม่แสดง ความคิดเห็น บางครั้งก็ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเพื่อนร่วมงาน อยู่ ต่างประเทศ ผู้เขียนชอบ เพราะเรามีโอกาสพูดอย่างเสรี แสดงความคิดเห็น


....อีกไม่กี่วัน ก็มีเรื่องขำขันอีกแล้ว เมื่อมีลูกค้า เดินมาถามผู้เขียนว่า แผนกชุดว่ายน้ำ อยู่ที่ไหน

Where can I find bathing Suits?


ด้วยความที่ผู้เขียน ยังไม่แม่น เลยบอกว่าไปชั้นสอง อิอิ คิดว่า bedding หรือ อาจพวก ชุดนอน เพราะสำเนียงของฝรั่ง พูดเร็ว รัว เฮ้อออออออออออออออออ


...และแล้ว ลูกค้า คนนั้น ก็ไป Customer Survice บ่นใหญ่ เลยจ้า


ผู้เขียนเลยถามเพื่อน คราวนี้จำจนวันตาย กับสำเนียง เบดิ้งสูท 555555




....และนับจากวันนี้ ผู้เขียนยอมรับว่า ทนไม่ได้ที่ให้ใครมาดูถูก แต่ดูถูก ก็ยังดีกว่าดูผิด จริงไหม วันต่อมา บอกกับแฟน อยากเรียนภาษาอังกฤษ


ที่นี่ ถ้าเป็น new immigrant สามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ฟรี ถ้าจำไม่ผิด หรือไม่ก็เสียตังค์ แค่ ยี่สิบเหรียญ แต่ด้วย ประวัติของผู้เขียน School Board ไม่รับ บอกว่าอาจง่ายเกิน ไป ไปเรียนในมหาลัย ดีกว่า เฮ้ออออออออออออ


ผู้เขียนสมัครสอบเรียนภาษาอังกฤษ เสียตังค์ 200 เหรียญ ค่าลงทะเบียนและค่าสอบ อีกเกือบ ร้อย ถ้าจำไม่ผิด สอบมีทั้ง ข้อเขียนและการฟัง ผลปรากฏว่า ผู้เขียน grammar (level pre-foundation) and listening-speaking (level foundation)


อึม ................


ผู้เขียนตั้งใจเรียนมากๆ เรียนสองปี ได้ 60 เครดิต GPA 3.6 ปกติ ถ้าเกรด เอ ขึ้น และเรียนครบ 60 เครดิต จะได้ Diploma in English Second Language แต่ผู้เขียนไม่ได้ มหาลัยอ้างว่างผู้เขียนต้องเลือกเรียนเพิ่มอีกสองตัว ซึ่งเป็น University Courses


เฮ้อออออออออออออออ กะไปเรียนอีกที ในปีหน้า


ถามว่าค่าเรียนที่นี่ถูกไหม คำตอบประเทศแคนาดา ค่อนข้างให้ความสำคัญ กับ New Immigrant ใครที่มีรายได้ไม่เยอะ สามารถ ขอให้ รัฐบาล Subsidy ได้ แต่ถ้าเป็น International Students จ่ายสามถึงสี่เท่า


ผู้เขียนเรียน เทอมละ 3 ตัว ตกประมาณ เกือบ พันกว่าเหรียญ ไม่รวมค่าหนังสือ ที่นี่ หนังสือแพงมากๆ แต่พอเรียนจบคอร์ส ใครที่ไม่อยากเก็บ ก็เอาไปขายคืน ได้ ถึงแม้จะได้ไม่มาก แต่ก็ยังดี


สำหรับผู้เขียน เก็บไว้หมดทุกๆ เล่ม เพราะมันมีประโยชน์มากๆ กะเอาไป บริจาค ถ้ากลับเมืองไทย


ระยะเวลาที่เรียนสองปี พร้อมๆ กับทำงานพาร์ทาม หนักพอควร เพราะการเรียนในต่างประเทศ ไม่เหมือนเรียนที่เมืองไทย ผู้เขียนชอบระบบการเรียนการสอน ที่นี่มาก อาจารย์เค้าจะไม่ป้อนกล้วยเข้าปาก ตลอดนะ ต้องไปขวนขวาย จากข้างนอกมาด้วย ส่งงานต้องตรงกำหนด มีการออนไลน์ แชท เรียนด้วย ส่งงานทางเมล์ส่วนตัว ใครสอบได้ต่ำกว่า ซี ให้ตก ตกสามรอบ เชิญออก


ส่วนใหญ่ จะเป็นนักเรียนต่างประเทศที่มาเรียนปรับภาษา พอเรียนจบสองปี ก็เรียนต่อ ป.ตรี ที่มหาลัย แห่งนี้ หรือไม่ก็โอนหน่วยกิตหลังจากเรียนจบ 1 ปีแรก คอร์สมหาลัย แล้วย้ายไปเรียนมหาลัยชื่อดัง เพราะอย่างที่บอก ค่าเรียน มหาลัยต่อเทอม อยู่หลัก 15000 เหรียญ อัพ และค่าเรียนแต่ละที่จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคณะที่เรียนด้วยจ้า


การเรียนการสอน ห้องหนึ่ง มีนักเรียนไม่เกิน 20 คน โดยประมาณ จะมี 12 คน ต่อคลาส กฏเหล็ก คือ ห้ามพูด ภาษาจีน หรือภาษาอื่นๆ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ปิดมือถือ แต่ที่ผู้เขียนไม่ค่อยชอบคือ อาจารย์บางคน เคี้ยวหมากฝรั่งในห้อง บอกตรงๆ รับไม่ได้ บางคนใส่กางเกงยีนส์มาสอน เฮ้ออออออออออออออออ


เราก็ต้องพยายามปรับตัว นี่เราอยู่ต่างประเทศ ใครจะทำอะไรก็ได้





.......ดอกไม้ยังมีหลายสี เช่นใด คนเราหากรู้จักปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ย่อมอยู่ได้นาน

.......คนที่ไม่รู้จักปรับตัว หรือ ไม่หาเกราะกำบัง จากอันตรายใดๆ
บุคคลผู้นั้น ยากที่จะอยู่และเรียนรู้.............

.......และไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน การรู้จักปรับตัวเองและยอมรับที่จะเรียนรู้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี...............


........To be continued.................





 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553
1 comments
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2553 4:03:27 น.
Counter : 780 Pageviews.

 

ได้ความรู้ดีมากจ้าและคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่คิดจะไปอยู่แคนาดาหรือไปเรียนนะ...น้องนายความจำดีอ่ะ...จำเรื่องตั้งแต่มาอยู่ใหม่ๆ ได้อีก....ยอดมากน้องจ๋า....

 

โดย: พี่เคธี่ IP: 90.208.12.190 13 พฤศจิกายน 2553 0:56:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Only You in my heart
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จำนวนผู้เยี่ยมชมบล๊อก ณ เวลานี้ .... ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาเยี่ยมเยือนเและเป็นกำลังใจให้กันนะคะ ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่ากำลังใจที่เรามีให้กันและกันเสมอมา เพราะมันคือพลังและแรงผลักดัน ให้เกิดความพยายาม และความมุ่งมั่น .....Thanks a million
Friends' blogs
[Add Only You in my heart's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.