|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี ตรวจก่อน รู้เร็ว รักษาทัน |
|
เมื่อเกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด หลายคนจะเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร หรือโรคกรดไหลย้อน แต่อาการปวดท้องอาจจะไม่ได้บ่งบอกถึงโรคเหล่านี้เสมอไป แต่อาจเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง “นิ่วในถุงน้ำดี” ทั้งนี้กรมการแพทย์ระบุโรคนิ่วในถุงน้ำดีมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1-2 เท่า ชี้กลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก แนะนำป้องกันโรค “นิ่วในถุงน้ำดี” ได้ด้วยการลดกินอาหารมีไขมันและการออกกำลังกายเป็นประจำ
เช็คสัญญาณเสี่ยง “นิ่วในถุงน้ำดี”นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากอะไร ? นิ่วที่ในถุงน้ำดี เกิดจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน (สารเคมีชนิดหนึ่งที่ให้สีเหลืองออกน้ำตาล เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด) ที่มีอยู่ในน้ำดี ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกผลึกของสารเหล่านี้ เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบคอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อน
นิ่วในถุงน้ำดี...ใครบ้างที่เสี่ยง ? - ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป - พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 1-2 เท่า - ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว - ผู้ที่มีระดับคลอเรสเตอรอลสูง - ผู้ที่เป็นเบาหวาน, ธาลัสซีเมีย, โลหิตจาง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว - ความอ้วน คนอ้วนจะเกิดนิ่วที่มีคอเลสเตอรอล เนื่องจากการบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง - การได้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากการรับประทานหรือตั้งครรภ์ ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง - การได้ยาลดไขมันบางชนิด ทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดี - ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมากๆ - การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากไป
อาการ “นิ่วในถุงน้ำดี” - ท้องอืด - แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยหลังทานอาหารไขมันสูง เป็นๆ หายๆ เรื้อรัง - ปวดใต้ลิ้นปี่/ชายโครงด้านขวา - ปวดร้าวที่ไหล่/หลังขวา - คลื่นไส้อาเจียน มีไข้หนาวสั่น - ดีซ่าน/ตัว-ตาเหลือง
วิธีการรักษา วิธีการรักษา “นิ่วในถุงน้ำดี” ที่ดีในปัจจุบัน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบโดยการเจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่านทางช่องท้องสามารถทำได้สำเร็จถึงร้อยละ 95
วิธีการป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี - รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง - ควบคุมน้ำหนัก และระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรอล - ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งละ 20-30 นาที
ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ได้แก่ ของทอด ของหวาน ระวังไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน
ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เฉพาะทันที เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที หรือสามารถเข้ามารับคำปรึกษาที่โรงพยาบาลนนทเวชได้เช่นเดียวกัน โดยโรงพยาบาลของเรามีแพทย์เฉพาะทาง พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้แนะนำค่ะ
ที่มา : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข : https://www.nonthavej.co.th/gallstones.php
Create Date : 12 พฤษภาคม 2563 |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2563 17:13:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 590 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|