|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
ไข้หวัดใหญ่...โรคภัยยุคใหม่อยู่ใกล้ตัว ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน |
|
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พบได้ตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza Virus มีหลายสายพันธุ์ แบ่งออกได้เป็นประเภท A และ B ซึ่งมีความรุนแรงของโรคใกล้เคียงกัน และเป็นลักษณะภูมิต้านทานแต่ละประเภทเฉพาะตัว ไม่สามารถป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้ลักษณะการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากมีระยะฟักตัวสั้น หมายความว่ารับเชื้อแล้วเป็นเร็ว ทำให้ติดต่อง่ายและรวดเร็ว มีระยะฟักตัว 1-2 วัน แต่ผู้รับเชื้ออาจมีอาการนานเป็นสัปดาห์ และมีความรุนแรงมากต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด โดยมีไข้สูง 39 – 40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ อ่อนเพลียมาก ปวดเมื่อยตามร่างกาย เบื่ออาหาร ซึม ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง จนอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
การแพร่เชื้อ ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อง่ายโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสจากสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำมูกหรือเสมหะ หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อน และนำเข้าระบบทางเดินหายใจ
อาการ ของไข้หวัดใหญ่จะปรากฏแล้วหลังจากรับเชื้อประมาณ 1-3 วัน ผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา ไม่ควรซื้อยากินเองเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนและแพร่กระจายเชื้อไวรัสให้กับคนใกล้ชิด
การรักษา ถ้าหากมีอาการรุนแรงมากและอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรรักษาในโรงพยาบาลและให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส ปัจจุบันมียาฆ่าเชื้อไวรัสที่ได้ผลดี เช่น Oseltamivir (Tamiflu) แต่ควรใช้โดยการกำกับดูแลของแพทย์ และกินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง ปกติจะกินจนครบ 5 วัน ทุกอายุ ทุกเพศ ทุกสายพันธุ์
การป้องกัน สามารถป้องกันได้โดยสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น ล้างมือ ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกในกรณีผู้ป่วย หากอยู่ในภาวะเสี่ยงก็สามารถป้องกันโดยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปัจจุบันมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ครอบคลุมได้ 4 สายพันธุ์ ซึ่งสามารถป้องกันโรคได้ดียิ่งขึ้น และต้องได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
ปัจจุบันทางองค์กรอนามัยโลก (WHO) มีการประกาศใช้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิด คือ แบบ Northern และ Soulthern ซึ่งบางทีพบว่าเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง ทำให้การฉีดวัคซีนอาจจะไม่สามารถป้องกันได้ครบทุกสายพันธุ์ และในคนที่มีความเสี่ยงสูง หรือ คนที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ เช่น ในคนที่อายุมากกว่า 65 ปี อาจจะมีความจำเป็นต้องได้รีบวัคซีนมากกว่า 1 เข็มต่อปี โดยจะพิจารณาให้วัคซีนปีละ 2 ครั้ง ทั้ง Northern และ Soulthern คือ ประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน และ ตุลาคม-พฤศจิกายน เพื่อให้ระดับภูมิต้านทานสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ครบครอบคลุมสายพันธุ์และตลอดปี
บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีดังต่อไปนี้ 1.ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 2.ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก 3.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป 4.เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียน 5.บุคลากรที่ต้องสัมผัสกับบุคคลข้างต้น เช่น ผู้เลี้ยงดูผู้สูงอายุ ผู้เลี้ยงดูเด็ก บุคลากรทางการแพทย์ ครูที่มีหน้าที่สอนนักเรียน
เนื่องจากเชื้อไข้หวัดมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ในแต่ละปี โดยไม่สามารถมีการป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้ จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ โรงพยาบาลนนทเวช พร้อมให้บริการ ปรึกษา รักษา ด้วยเครื่องมือทันสมัยและบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
ด้วยความปรารถนาดี นพ.วีระกิจ หิรัญวิวัฒน์กุล กุมารแพทย์ประจำศูนย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลนนทเวช https://www.nonthavej.co.th/healthy24.php
Create Date : 06 พฤษภาคม 2564 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2564 16:35:52 น. |
|
1 comments
|
Counter : 408 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Pang IP: 49.228.103.48 วันที่: 11 กันยายน 2566 เวลา:11:31:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|