|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
การจดเลคเชอร์แบบ Cornell
การจดเลคเชอร์แบบ Cornell ประสาท มีแต้ม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
“คุณรู้ไหม คนเราสามารถคิดได้เร็วกว่าที่อาจารย์พูดถึงสี่เท่าตัว ดังนั้น เราสามารถฟังและจดโน้ตดี ๆ ได้”
1. คำนำ ในแต่ละปีผมพบว่า นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง (ซึ่งยังสด ๆ และมองชีวิตในมหาวิทยาลัยแบบสด ใสอยู่) จำนวนมากใช้วิธีจดเลคเชอร์ของแต่ ละวิชาลงในสมุดเล่มเดียวกัน เมื่อสอบถามได้ความว่า ค่อยไปลอกและทั้งปรับปรุงแก้ไขลงในสมุดของแต่ละวิชาในภายหลัง ผมได้ตั้งคำถามเชิงแนะนำนักศึกษา ไปว่า “มันจะเป็นการเสียเวลาเกินความ จำเป็นไปไหม? ทำไมไม่ลองอีกวิธีหนึ่งซึ่งเปิดโอกาสให้เราสามารถปรับปรุงเนื้อหาได้ดีกว่าโดยไม่ต้องลอกใหม่และเสียเวลาน้อยกว่า” วิธีที่ว่านี้คือ วิธีการจดเลคเชอร์แบบมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell Note Taking Method) ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ของบทความนี้ แต่ก่อนที่จะกล่าวถึงอย่างชนิด ที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้งาน ได้ ผมขออนุญาตชี้ให้เห็นปัญหาของการ จดเล็คเชอร์ของนักศึกษาไทย ก่อน
2. ปัญหาการจดเลคเชอร์ ผมเองเรียนและสอนทางสาขาคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาที่มีปัญหา ในการจดเลคเชอร์น้อยที่สุดเมื่อ เทียบกับสาขาอื่น ๆ เพราะอาจารย์คณิตศาสตร์ (ทั่วโลก) จะเขียนเกือบทุกตัวอักษรลงบนก ระดานในขณะที่สาขาอื่น ๆ อาจารย์นิยมพูดเป็นส่วนใหญ่ ในการสอนวิชาคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นนิยาม ทฤษฎีบท หากเนื้อหาผิดพลาดไปแม้เพียงคำ เดียวก็จะกลายเป็นความผิดพลาด ที่ไม่อาจยอมรับกันได้ อาจารย์จึงต้องเขียนทุกคำบนกระดาน นอกจากนี้ในระหว่างการ “ทำโจทย์” ยังต้องการแสดงให้เห็นถึงวิธีการคิด วิธีการทำอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ในวิชาที่ผมสอนเอง บางครั้งมีบางเนื้อหาที่ไม่จำเป็นต้องจดลงบนกระดาน เช่น การเปรียบเทียบว่าวิธีที่หนึ่ง ดีกว่าวิธีที่สองอย่างไร นักศึกษาก็จดบันทึกไม่ถูก หรือไม่จดเลย เป็นต้น ผมถามอาจารย์รุ่นใหม่ว่า “เคยมีการสอนวิธีการจดเลคเชอร์ในช่วงที่คุณเป็นนักศึกษาบ้างไหม” คำตอบที่ได้คือไม่มีครับ หากใครจดเลคเชอร์ได้ดีก็เป็นเพราะ ความสามารถเฉพาะตัว ไม่ใช่เพราะโดยการเรียนการสอนจากสถาบันการศึกษา ผมเองก็ไม่เคยเรียนเรื่องเทคนิ คการจดเลคเชอร์มาก่อนเช่นเดียว กัน เพิ่งจะได้เรียนรู้ก็ตอนที่โลก เรามีอินเตอร์เนตใช้นี่เอง ขอบคุณอินเตอร์เนตที่เปิดโอกา สให้เราได้ “ท่องโลก” เพื่อการเรียนรู้และนำมาถ่ายทอดต่อในที่นี้ อนึ่ง การที่เราจะจดเลคเชอร์ได้ดีหรือ ไม่ นอกจากจะต้องมีเทคนิควิธีการที่ จะกล่าวถึงแล้ว ยังขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการฟัง การมีสมาธิและการจับประเด็น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และใหญ่มาก ๆ สำหรับสังคมนักศึกษาไทยเราในวันนี้ รวมทั้งในสังคมของผู้ใหญ่ด้วย นักศึกษาบางคนไม่ยอมจดเลคเชอร์ โดยอ้างว่า “ต้องการฟังให้ได้มากที่สุดและทำความเข้าใจเนื้อหาไปเลย แล้วค่อยขอยืมของเพื่อนไปถ่ายเอกสาร” เรื่องนี้นักการศึกษาบางคนถึงกับ เตือนว่า “การจดเลคเชอร์และการทำโน้ตย่อ ขณะอ่านหนังสือ ไม่ใช่เป็นกิจกรรมที่เราชอบแล้วจึงลงมือทำ แต่เป็นกิจกรรมที่ต้องทำ” การจดเล็คเชอร์เป็นการบังคับตัว เราเองให้ฟังอย่างตั้งใจ ไม่เผลอหลับเพราะมีการเคลื่อนไหว ทั้งมือและสมอง เมื่อกลับไปเปิดเลคเชอร์โน้ตในภายหลัง เราจะพบว่ามันคือเข็มทิศที่นำเราไปสู่การค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำราต่อไป นอกจากนี้ โน้ตของเราจะทำให้จำได้ง่ายกว่า ตำรา โดยสรุป การจดเลคเชอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ นักเรียนและนักศึกษาทุก คน แต่จะทำอย่างไรให้ได้ดี คำตอบคือต้องฝึกหัดเหมือนกับที่เราหัดเดินตอนเป็นทารก การจดเลคเชอร์ที่ดีจะส่งผลให้ก ารเรียนของเราดีและได้เกรด ดีขึ้น ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่ยอมรับกัน อย่างกว้างขวางว่าเป็นวิธีที่ ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
3. การจดเล็คเชอร์แบบมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ วิธีนี้ได้คิดค้นโดย Dr. Walter Pauk ผู้ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การอ่านและการศึกษา (Cornell University's reading and study center) ของมหาวิทยาลัย เป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในสาขาพัฒนาการศึกษาและทักษะการเรียนรู้ และเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ How To Study In College ซึ่งเป็นหนังสือที่ถูกจัดเป็นประเภทที่ขายดีที่สุด มหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่และ คิดว่ารวมถึงมหาวิทยาลัยแห่ง อื่นด้วย ไม่มี “ศูนย์” หรือ “สถาบัน” ในลักษณะที่ช่วยพัฒนานักศึกษาเช่นนี้ แต่มีศูนย์ทางด้านธุรกิจและอื่น ๆ มากมาย วิธีการจดเลคเชอร์ มีหลายวิธี แต่ Wikepedia จัดว่าวิธีที่จะกล่าวถึงนี้เป็นวิธีที่มีการใช้กันแพร่หลายมาก โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 การจัดแบ่งหน้ากระดาษ ให้แบ่งหน้ากระดาษออกเป็น 2 คอลัมน์ ถ้าเป็นกระดาษขนาด A4 (ขนาด 8.5x11 นิ้ว) คอลัมน์ซ้ายมือกว้าง 2 นิ้วครึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นคอลัมน์ขวามือกว้างประมาณ 6 นิ้ว ถ้าเป็นกระดาษสมุดก็ปรับตามความ เหมาะสม แต่คอลัมน์ทางซ้ายมือไม่ควรจะ กว้างน้อยกว่า 2.25 นิ้ว เพราะจะต้องใช้พื้นที่ส่วนนี้เขียนข้อความสำคัญในภายหลัง เว้นด้านล่างของกระดาษไว้ประมาณ 2 นิ้ว ไว้สำหรับเขียนสรุปหลังจากได้ท บทวนแล้ว ดังรูป
หมายเหตุ คำว่า Cue ในที่นี้ หมายถึง สัญญาณหรือคำที่ช่วยเตือนความจำ ช่วยให้เราทำกิจกรรมอื่นต่อไป ภาพข้างล่างนี้จะช่วยขยายความถึงการใช้หน้ากระดาษ (ซึ่งจะอธิบายต่อไป)
ขั้นที่ 2 คำแนะนำทั่วไป ถ้าใช้กระดาษขนาด A4 ควรเขียน วันที่ รายวิชา และเลขหน้าไว้บนหัวกระดาษ เพราะเหมาะสำหรับการนำไปรวมกันเป็นแฟ้มของแต่ละวิชาได้สะดวก เช่น 2 มิ.ย. 53 คณิตศาสตร์ 101 หน้า 1 นักศึกษาควรเข้าห้องเรียนก่อนเวลา เล็กน้อย เพราะโดยปกติ ในช่วง 5 นาทีแรกอาจารย์มักจะแนะนำสาระสำคัญของเนื้อหาที่จะบรรยายในคาบนี้ รวมทั้งความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเนื้อหาเดิม การที่เราได้รับทราบแนวของเนื้อ หาก่อนจะทำให้เราสามารถเข้า ใจสิ่งที่จะได้ฟังง่ายขึ้น ควรอ่านเอกสารล่วงหน้า (ถ้าเป็นไปได้) และควรมีปากกาและดินสอหลายสี หากสามารถพกกล่องปากกาติดตัวได้ก็ยิ่งเป็นการดี นักศึกษาชายใส่ในย่าม นักศึกษาหญิงใส่ที่เดียวกับเครื่องสำอาง(!)
ขั้นที่ 3 การฟังและจดเลคเชอร์ - จดเนื้อหาสำคัญลงในคอลัมน์ขวา มือ (Note Taking Area) ในชั่วโมงบรรยาย - อย่าจดทุกคำ เลือกเฉพาะที่ประเด็นสำคัญ พร้อมเหตุผลสนับสนุน ถ้าจดละเอียดมากเกินไปจะทำให้เป็น นักฟังแย่ลงและจดไม่ทัน - อย่าเขียนให้เป็นประโยค ถ้าสามารถใช้วลีได้ และอย่าเขียนเป็นวลี ถ้าสามารถเขียนเป็นคำเดียวโดด ๆ ได้ - พยายามใช้ตัวย่อ สัญลักษณ์ ลูกศร เช่น ใช้ “&” แทน “และ”, "~" แทน "ประมาณ" - หากจับประเด็นไม่ได้หรือจับไม่ ทัน ควรเว้นกระดาษพร้อมทำเครื่องหมาย ? เพื่อถามเพื่อนหรือค้นเพิ่มเติม ภายหลัง อย่าเสียดายกระดาษ ความรู้มีค่ามากกว่ากระดาษ - พยายามตั้งใจฟังประโยคสำคัญ ๆ เช่น “เรื่องนี้มีเหตุผล 3 ประการคือ” หรือฟังการย้ำ การเน้นเสียงของอาจารย์
ขั้นที่ 4 การทบทวนและทำให้เลคเชอร์โน้ตกระชับ - หลังจากจดเลคเชอร์มาแล้ว (เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) ให้อ่านที่จดมาได้ ไม่ใช่ศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ แต่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องกับ ตำรา ถ้าพบที่ผิดก็แก้ไข ปรับปรุง - ทบทวนและทำเนื้อหาให้กระชับและ สั้นลง โดยเขียนประเด็นสำคัญ (Main ideas) คำถาม แผนผัง สัญญาณเตือนความจำลงในคอลัมน์ซ้าย มือ (Cue Column) เขียนเมื่อได้ทบทวนเนื้อหาแล้ว ถ้าสามารถทบทวนได้ภายใน 24 - 48 ชั่วโมงหลังจากการฟังคำบรรยาย เรายังคงจำเนื้อเรื่องได้ถึง 80% ถ้าเลยเวลานี้ไปเราจะลืมไปแล้ว 80% นั่นหมายความว่าเราต้องเสียเวลา เรียนใหม่เกือบทั้งหมด - เขียนเฉพาะคำสำคัญ หรือวลี เพื่อสรุปประเด็นสำคัญ เขียนคำถามที่คาดว่าน่าจะเป็นข้อ สอบ ขั้นที่ 5 เขียนสรุปลงในส่วนที่สาม สรุปเนื้อหาสัก 1- 2 ประโยคด้วยภาษาของเราเองลงในส่วนที่ 3 ของกระดาษ โดยเขียนหลังจากที่เราได้ทบทวน และทำความเข้าใจบทเรียนแล้ว 4. สรุป ข้างล่างนี้คือตัวอย่างหนึ่งที่ ได้ทำครบถ้วนทุกขั้นตอนแล้ว อาจจะช่วยให้เราเข้าใจดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลัมน์แรก อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่เริ่มต้นลงมือทำ เราก็ไม่มีวันที่จะเป็น ทุกอย่างต้องมีการฝึกฝนครับ
อ้างอิง : //www.facebook.com/profile.php?id=558237906#!/note.php?note_id=120014341366983 อาจารย์ ประสาท มีแต้ม: การจดเลคเชอร์แบบ Cornell
(เพื่อนส่งต่อๆกันมา)
Create Date : 29 มิถุนายน 2553 |
|
11 comments |
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 21:39:56 น. |
Counter : 11573 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ผ้าใบเปื้อนฝุ่น IP: 118.172.226.21 29 มิถุนายน 2553 21:42:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: น่าสนใจมาก IP: 180.183.57.17 17 สิงหาคม 2553 12:35:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: swkt (tewtor ) 11 เมษายน 2554 23:16:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: 000... IP: 118.172.158.76 5 มีนาคม 2557 11:19:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: MolellaJok IP: 190.2.133.230 14 มิถุนายน 2564 13:29:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Walterembex IP: 89.38.97.125 11 ธันวาคม 2564 16:30:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: DJGiankoJek IP: 92.119.179.84 8 กุมภาพันธ์ 2565 22:06:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jeffreytrady IP: 213.159.38.90 17 พฤษภาคม 2565 1:20:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: Patricksoymn IP: 89.39.106.222 21 มกราคม 2566 6:46:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: SteveNon IP: 45.132.194.17 2 ธันวาคม 2566 5:32:05 น. |
|
|
|
| |
|
|
อิอิอิ