mavelous_gee
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
แอร์เมืองแขกเปิดเมืองแปลก ที่ Beijing

ย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้ว หลังจากเทียวไปเทียวมาระหว่างBloggang กะ Exteen

วันนี้กี้จะพาไปเที่ยวปักกิ่งกันค่ะ ฉบับเก็บเล็กผสมน้อยเพราะเวลาของเรานั้นน้อยจริงๆ ไปไหนไม่ได้มากนะ ค่อยๆทยอยเอา

ออกเดินทางกันด้วยไฟลท์ EK308 ออกจากดูไบเวลา11โมง ผู้โดยสารเต็มลำ 85% เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งภาษาล้งเล้งเสียงดังมาตั้งแต่เข้าปากประตูกันเลยทีเดียว แล้วพวกเค้าไม่ได้มาแต่เสียง แต่ยังพกพาเอากลิ่นอันเฉพาะตัวเข้ามาในเครื่องอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอด้วยความอนุเคราะห์จากทางบริษัทส่ง Airbus 340 มาเป็นยานพาหนะนำเราสู่จุดหมายในวันนี้ เจอแบบนี้เข้าไปภาษาไทยเค้าเรียก "เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด" น่ะ เพราะเครื่องบินรุ่นนี้อายุค่อนข้างมากกว่ารุ่นอื่นๆที่ใช้งานกันอยู่ ไอ้เก่าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เครื่องบินยี่ห้อนี้มันมีปัญหาเรื่องระบบแอร์ค่ะ มันเย็นนะคะ แต่กว่าจะเย็นนู่นนนนน ทะยานขึ้นฟ้าไปแล้วเป็น10นาที ลองนึกสภาพตอนBoarding กว่าจะ Taxi และ Take off นี่ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเลยนะ ทั่งแอร์ทั้งผู้โดยสารเลยได้อาบเหงื่อต่างน้ำกันก่อนเดินทาง แหม มันช่างสดชื่นดีจริงๆว่ามั้ยล่ะคะ??


บนไฟลท์นี้ก็มีคนประหลาดมาเพิ่มสีสันให้ชีวิตเราอีกแร้ววว มันคือผู้โดยสาร22A มาถึงก็มานั่งแกะซองซี่โครงหมูย่าง เคยเห็นพวกอาหารสำเร็จรูปจากจีนไม๊ค่ะ ที่เป็นพวกเป็ดพะโล้ หมูย่าง อยู่ในถุงพร้อมแกะกินได้เลยน่ะ อีตานี่มาถึงก็แทะใหญ่เลยค่ะ ซี่โครงหมูย่างแถมเลือดซิบๆที่กระดูก เราก็เดินผ่านไปผ่านมาboardingผู้โดยสารตามปกติ เดินกลับมาอีกทีมันเอาทั้งกระดูกเลือดซิบน่ะยื่นให้ ส่งภาษาจีนแปลได้ประมาณว่าเอาไปทิ้งให้หน่อย เราก็บอกมันว่าโทษทีนะ ตอนนี้ชั้นไม่ว่าง คุณเอาไปทิ้งในห้องน้ำสิ มันมีถังขยะ แล้วเราก็เดินจากไป ไอ้service mind น่ะ เรามี แต่มันมี Limit เฟร้ยยย ใครจะไปกล้าจับกระดูกมือเปล่า จิงมั้ย


ผจญภัยอยู่บนฟ้าราวๆ7ชั่วโมงครึ่ง มาถึงกรุงปักกิ่งเวลาประมาณ 5ทุ่มครึ่ง
สนามบินที่นี่ใหญ่โตมากๆพอๆกับสุวรรณภูมิ2อันต่อกัน อากาศตอนกลางคืนอุณหภูมิประมาณ9องศา แต่กลางวันเห็นว่าน่าจะเย็นๆเดินกำลังสนุก

โรงแรมลูกเรือที่ปักกิ่งเป็นเครือโรงแรม Radisson นั่นหมายความว่าเรามีInternet เล่นฟรี อิอิ

แถมรั้วโรงแรมยังติดรั้วคาร์ฟู ฝั่งตรงข้ามเดินไป3นาทีก็ถึง 7-11 แวะเซเว่นรองท้องก่อนนอนด้วยซาลาเปา กับชามะนาว ชี้มั่วๆจากตู้ได้มาลูกลูกละ1.20หยวน ประมาณ6บาท กัดเข้าไป โอ้โห ซาลาเปาไส้จับฉ่ายมีรสแฝงเป็นขนมกุยช่าย เข้ากั๊นนน เข้ากันนน ดีนะ ซื้อมาลูกเดียว


นอนเอาแรงพรุ่งนี้นัดพี่เมย์SFSคนไทยไว้ตอน9โมง จะไปเทียนอันเหมินกับวังต้องห้ามกัน ละก้อที่พลาดไม่ได้ กินเป็ดปักกิ่ง

Photobucket

นัดเจอกับพี่เมย์ที่ล๊อบบี้ ตัดสินใจไปกันด้วยแท๊กซี่ ให้ทางโรงแรมเรียกให้
ถ้าพูดเทียนอันเหมิน แท๊กซี่ไม่เข้าใจ ต้องพูดเหมือนชาวเขาพูดไทยอ่ะค่ะ ตัดตัวสะกดออกไป เทีย-อา-เหมอ เท่านั้นล่ะถึงที่หมายแน่นอน ค่าแท๊กซี่ที่นี่เริ่มต้น 10หยวน กว่ามิเตอร์จะขึ้นนี่ก็นานอยู่เหมือนกัน ถึงที่หมายจตุรัสเทียนอันเหมิน มิเตอร์ประมาณ30หยวน ประมาณ150บาท เหมือนนั่งจากลาดพร้าวไปบางนา

Photobucket

ที่เทียนอันเหมิน พอดีกับวันที่มานี้ตรงกับวันเสาร์พอดีนักท่องเที่ยวเลยมหาศาล หลายพันคน ทัวร์สารพัดทัวร์ ธงสารพัดสี สังเกตว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนทั้งนั้น

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่หน้าหอประตูเทียนอันเหมิน จึงได้ชื่อว่า
‘จัตุรัสเทียนอันเหมิน’ มีความหมายว่า "สงบดังอยู่ในสวรรค์" จัตุรัสเทียนอันเหมินมีเนื้อที่มากที่สุดในโลกโดยมี เนื้อที่ทั้งหมด 440,000 ตารางเมตร จุคนได้นับล้าน

ความโด่งดังของมันคงจะเป็นเหคุการณ์นองเลือดเมื่อปี 2532 ตอนที่เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สั่งให้มีการสลายการชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนราว20,000คนที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยรถถังและทหารติดอาวุธระดมยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และประชาชนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงอยู่รอดอย่างแข็งแกร่งมาจนทุกวันนี้

Photobucket

ด้านหน้ามีรูปประธานเหมา ผู้ใช้สถานที่"สงบดังอยู่ในสวรรค์" แห่งนี้สถาปนาให้จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์

Photobucket

ช่วงโอลิมปิคที่ปักกิ่ง เค้าก็มีการจัดสวน ตกแต่งเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่หน้าจตุรัสเองก็มีสวนกะเค้าด้วยเหมือนกัน ไอ้พู่แดงๆนี่ภาษาจีนเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อ่ะ เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี

Photobucket

ผ่านเข้ามาละนะ กว้างใหญ่มากๆ บริเวณทางเดินต้นไม้ที่เค้าปลูกไว้เป็นต้นพลับล่ะ ลูกพลับเต็มต้นเลย เกิดมาเพิ่งเคยเห็นต้นลูกพลับนะเนี่ย
เราเดินมาจนถึงประตูอู่เหมิน เป็นประตูด้านทิศใต้ และจากประตูนี้ไปจะเป็นทางเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามจริงๆแล้ว ณ จุดนี้ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ60หยวน ประมาณ300บาท และการจะเข้าไปชมพระราชวังจริงๆต้องมีเวลาอย่างน้อย3ชั่วโมง เนื่องจากความกว้างใหญ่ของมัน สำหรับเราเป็นพวกเก็บรายละเอียด พอดีว่าวันนี้เราออกมาก็สายแล้ว กี้ตื่นสายน่ะ
แล้วโปรแกรมหลักของเราคือกินเป็ดปักกิ่ง แล้วพี่เมย์ต้องกลับมาทำธุระตอนเย็น เวลาของเราเลยมีไม่มาก เอาเป็นว่าทริปหน้าจะพาเข้าไปด้านในนะ ขอเอาข้อมูลมาด้วย เที่ยวแบบไม่รู้อะไรเลยนี่ไม่ค่อยสนุกเลยแฮะ

Photobucket

ประตูทางด้านข้าง บานใหญ่มากกกกกกก

เราเดินออกจากพระราชวังต้องห้ามไปลงรถไฟใต้ดิน เพื่อที่จะไป Xitan หรือสถานีซีตาน ฟังจากเพื่อนคนจีนมาเค้าบอกให้ไปshoppingที่นี่
ระหว่างทางผ่าน "มหาศาลาประชาคม"ใช้เป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง และเป็นสถานที่ประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วประเทศจีน ซึ่งเป็นการประชุมสภาผู้แทนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเค้าว่าจุคนได้เป็นหมื่น

Photobucket

รถไฟใต้ดินที่ปักกิ่งเชื่อมต่อกันทั่วเมือง รัฐบาลเตรียมไว้รองรับคนตอนโอลิมปิคที่ผ่านมา แถมมีโปรโมชั่น2หยวน หรือ10 บาทตลอดสาย เพื่อรณรงค์ให้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น แหงล่ะ ถูกขนาดนี้คนเพียบบบ
แล้วเค้าก็ไม่เปิดแอร์ด้วยนะ ดีนะที่แค่สถานีเดียว

ไปถึงย่านซีตาน ที่เค้าว่าก็เประมาณสยามบ้านเรา แต่กี้ว่าเหมือนสำเพ็งมากกว่ามีของขายทุกชนิด คุณภาพก็งั้นๆ แต่แบบก็วัยรุ่นดี เสื้อผ้าที่นี่ก็ถือว่าถูกนะ น่าซื้อไปหมดแต่เป็นยี่ห้อจีนๆ วัยรุ่นเดินเพียบบบ ของนะก็ต้องต่อแบบว่ามันเรียกร้อยนึงต้องต่อเหลือ 20 จริงๆนะ ไปซื้อเสื้อjacketมาตัวนึง มันเรียก1,200 ต่อมาได้เหลือ400 จริงๆคงลดได้มากกว่านี้ แต่ติดปัญหาตรงภาษานี่ล่ะ คนจีนภาษาอังกฤษอ่อนแอมาก yes no ยังไม่ได้เล๊ยย ไม่งั้นคงต่อสนุกกว่านี้อีก ซื้อมากไม่ได้เพราะเมืองจีนหาที่แลกเงินไม่ได้ เดี๋ยวค่าขนมหมด อดกินเป็ดอีก กลับดีกว่า

Photobucket

ด้านนอกเป็นร้านอาหารห้องแถวเรียงสลับกับร้านขายของ วัยรุ่นเยอะเหมือนกัน เค้าจะทานพวกเต้าหู้ หรือผักต่างๆ แบบที่เห็นในรูปมีผักชี เห็ดเข็มทอง มะเขือม่วง เห็ดเป๋าฮื้อ เต้าหู้ หรือจะทานเป็นเนื้อสัตว์ก็มีปลาหมึก เสียบไม้ไว้ มีร้านขายแบบนี้เยอะมากคนทานก็เยอะเหมือนกัน

Photobucket

เค้าจะเอาไปทอดบนกระทะแบนๆ ราดน้ำซอสเป็นพริกมันๆสีแดงๆ เกลือ พริกไทย โรยต้นหอม ละก็เอาไอ้แผ่นเหล็กแบนๆมากด ดึงไม้ออก แล้วก็ใส่ถ้วยให้เรา ที่เห็นเห็ดเข็มทอง2ไม้นั่นน่ะ ของกี้เองงงงง
รสชาติบอกได้คำเดียวว่า เค็ม ละก้อมันมากกกกก ทริปนี้เผลอกินนมเมลามีนด้วยล่ะ ลืมตัว สั่งชาไข่มุก มัวแต่บ่นที่มันไม่ใส่น้ำแข็ง เป็นชานมอุ่นๆใส่ไข่มุก ไม่ถูกปากเราอีกเหมือนกัน ดูดไปครึ่งแก้ว เพิ่งนึกได้.....................

ปิดท้ายทริปปักกิ่งสั้นๆวันนี้ด้วยการไปทานเป็ดปักกิ่งอันขึ้นชื่อ serch ข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ตว่าร้านนี้เปิดขายมานานแล้ว ร้อยกว่าปี แม้จะไม่ใช่ร้านแรกแต่ก็เป็นร้านดัง สมัยท่านจูเอินไลร้านนี้มักใช้เป็นที่รองรับแขกบ้านแขกเมือง ผู้นำประเทศดังๆในโลกมาปักกิ่งต้องได้กินเป็ดร้านนี้ เขาโฆษณาว่าขายเป็ดไปแล้ว 200 ล้านตัว มีอยู่หลายสาขา มีชื่อว่าเฉวียนจวี้เต๋อ สาขาที่เราไปทานอยู่ใกล้กับจตุรัสเทียนอันเหมินนั่นแหละ

Photobucket

Photobucket

ต้องเดินผ่านย่านที่เค้าขายของฝาก ของที่ระลึกเข้าไป คนเยอะๆๆๆๆๆมาก ไม่ชอบเลย ทำอะไรก็ต้องแย่งกัน เป็นร้านขายพวกชาจีน ของฝากจากจีน ผ้าไหม รองเท้า แต่ละร้านเค้าก็จะตกแต่งหน้าร้านกันสวยงาม คนเยอะมากอ้ะ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา

Photobucket

Photobucket

ในที่สุดก็มาถึง ร้านนี้ตั้งอยู่ด้านใน ลึกมากๆ จากรูปร้านที่เป็นสีเขียวๆด้านขวามือนั่นล่ะค่ะ สังเกตุจากจำนวนคนที่ออกันอยู่ที่หน้าร้าน เราต้องไปต่อคิวกลางแดดเพื่อกินเป็ดนะเนี่ย รออยู่นาน พวกที่แบบมาเนียนๆจะไม่ต่อคิวก็เยอะเหลือเกิน ยังดีที่มีคนจัดคิวหน้าร้าน รออยู่ครึ่งชั่วโมงได้ แล้วก็ถึงคิวของเรา

Photobucket

ร้านก็แบบธรรมดา คนเยอะต้องแชร์โต๊ะกับคนอื่นอีก ไม่ชอบเลย ทำไมไม่เหมือนในรูปที่เราเห็นเลยแฮะ สงสัยแบบนั้นต้องมากันเยอะๆสั่งเป็นตัวๆ
เราสั่งเป็ดจานเล็ก (เค้าบอกว่าจานนี้น่ะทานได้แค่คนเดียวนะ) แป้ง ก้านบร๊อคโคลี่เย็น ปอเปี๊ยะทอด ละก็แผ่นแป้งทอดกรอบมาทานเป็นเครื่องเคียง ราคาอาหารก็ค่อนข้างแพงเลยล่ะ แหงล่ะ allowance หน่อยเดียวเอง นี่ถ้าที่แลกเงินไม่หายากนะป่านนี้คงเข้าเนื้อไปแล้วว

รสชาติบอกได้คำเดียวว่า "งั้นๆอ่ะ" เป็ดเมืองไทยอร่อยกว่าเยอะ แถมมีแต่หนังกรอบๆ ที่นี่เค้าทานเป็ดแบบติดเนื้อมาด้วย หนังมีนิ๊ดดเดียว ความรู้สึกไม่ต่างจากกินเป็ดย่างธรรมดา น้ำจิ้มก็มาแบบเค็มๆ ไม่เหมือนเมืองไทยน้ำจิ้มจะต้องหวาน ไม่ถูกปากเราเลย อร่อยอย่างเดียว ปอเปี๊ยะ อร่อยมากกกกก ถูกด้วย2ชิ้น3หยวน 15 บาทเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นร้านดัง บริการเหมือนอาหาร Fast Food ใช้จานพลาสติกบางๆสำเร็จรูป ชนิดที่ว่าเป่าทีเดียว ปลิว ส่วนเป็ดจะถูกแล่มามาไว้แล้วห่อwrapมา มาถึงก็แกะwrap เสิร์ฟ หมดmoodเลย

Photobucket

ละก็ดีนะ สั่งเป็ดจานเล็ก พอทานไปทานมา ทานไม่หมด เลี่ยน หลังๆเริ่มเกี่ยงกันกินกะพี่เมย์ พี่เมย์ว่าอาหารจีนแท้ๆน่ะไม่อร่อย ที่อร่อยน่ะอาหารฮ่องกง รสชาติจะถูกปากคนไทยมากกว่า คนที่นี่นิยมทานอาหารที่ทำจากแป้ง ละรสชาติจะออกเค็มและมัน

ขากลับแวะคาร์ฟู ซื้อพวกบ๊วย กับผัก ซื้อผักบุ้ง แอปเปิ้ล ลูกพลับ(อิอิ ได้กินพลับถูกๆแล้ว หลังไปเสียรู้ที่ซิดนีย์ลูกละ90) ลูกฟัก ละตลกมากก ในห้างนะพนักงานมันจะมาตะโกนขายสินค้า คนขายไก่สับไก่ไปตะโกนไป คนขายพวกของแช่แข็ง จัดของไปยังตะโกนไป ดังจิงๆนะ เหมือนตลาดเลย ละโซนเนื้อสัตว์นี่น่ากลัวมากก มีทุกอย่างงงงง เนื้อ หนัง ตับ ไต ไส้ สมอง ขาดขนกะอึ๊มันแค่นั้นล่ะ

ตอนนี้ที่เมืองจีนเค้าคงรณรงค์พวกขยะ ทำเหมือนที่เมืองนอกเลย เค้าคิดค่าถุงพลาสติกค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นคนเดินหิ้วของที่ตัวเองซื้อมา ไม่ก็เค้าก็เอาถุงผ้า ถุงพลาสติกมากันเอง ประเทศเราน่าเอาเป็นแบบอย่างบ้างเนอะช้อปปิ้งเสร็จละกลับมานอนเอาแรงค่ะ ทำไฟลท์กลางคืนกลับดูไบ จบทริปปักกิ่งเวลาสั้นๆแต่บรรยายไม่สั้นไว้แค่นี่ละกันนะคะ
Bye Bye



PS. Servival kit ที่เมืองจีน ขาดไม่ได้เลยคือ "ช้อน" ที่นี่ไม่มีช้อน อะไร
ที่เป็นน้ำๆ น้ำซุป น้ำก๋วยเตี๋ยว ต้องยกซดเอาล่ะ คราวหน้าไม่มี
พลาด อิอิ





Create Date : 16 ตุลาคม 2551
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 20:34:36 น. 1 comments
Counter : 1510 Pageviews.

 
อยากไปบินด้วยจังเรยยค่ะ เมื่อไหร่จะมีโอกาสน้า


โดย: sweet butterfly วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:22:07:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

giftky
Location :
กรุงเทพฯ / Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add giftky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.