mavelous_gee
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Ciao Roma

วันที่ 24 มิถุนายน 2551 เครื่องบิน boeing 777 เที่ยวบินที่ EK098 ร่อนลงจอดที่สนามบิน Fiumicino International Airport เมือง Roma ประเทศอิตาลี หรือมีชื่อใหม่ว่า Leonardo Da Vinci Airport เวลา บ่ายสามโมง (เวลาท้องถิ่น) หลังจากรับกระเป๋าเดินทางกันครบเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาหน้าสนามบินไปขึ้นรถโรงแรม Hilton Rome Airport ที่มาจอดรออยู่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ก็มาถึงโรงแรม (เห็นมั้ยคะว่าใกล้ขนาดไหน) จริงๆถ้าเดินลากกระเป๋ามาเรื่อยๆตามทางเดินด้านบนก็สามารถไปถึงโรงแรมได้เช่นกัน

หลังจากเช็คอิน และรับเงิน allowance กันแล้วก็เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องค่ะ เพราะกี้นัดกะเพื่อนไว้ว่าจะออกไปเที่ยวในเมืองกัน สภาพห้องก็ถือว่าดีมากแต่รูปที่ถ่ายออกมาจะดูเก่าๆหน่อยเพราะโทนสีที่เค้าใช้ในห้องมันเป็นสีเขียวแก่น่ะ


Photobucket


Photobucket
เตียงนอน ผ้าคลุมเตียงสีเขียวแก่


Photobucket
น้องหมีสุดที่รัก ไม่เอาไปนอนไม่หลับ


Photobucket


บรรยากาศนอกห้องนอน สีเหลืองๆพ้นแนวต้นไม้นั่นคือเส้นทางรถไฟค่ะ



โรมหน้านี้ถือว่าอยู่ในช่วงหน้าร้อนค่ะ แดดค่อนข้างแรงทีเดียว ใครกลัวดำก็ควรเตรียมครีมกันแดดไปด้วย หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อตัวหลวมๆสบายๆ กะกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะเพื่อความสะดวกสบายในการเดิน พร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กๆที่ไม่เอาอะไรไปเลยนอกจากเงิน กับ คีย์การ์ดที่ห้องพัก แล้วก็มีกล้องวีดีโอ กะกล้องถ่ายภาพเอาไว้เก็บภาพสวยๆกัน

เพราะกี้ได้ยินมาว่าอิตาลีขโมยค่อนข้างเยอะไม่ควรเอากระเป๋าสตางค์ไว้หลังกางเกง หรือบางคนก็โดนกรีดกระเป๋า ทางที่ดีควรเอาใส่กระเป๋าสะพายข้างแล้วเอามาไว้ด้านหน้าให้ใกล้ตัวมากที่สุดจะดีกว่า พร้อมแล้วก็ออกเดินทางเข้าเมืองกัน

จริงๆแล้วที่โรงแรมมีรถรับ-ส่ง ออกทุกๆ2ชั่วโมง แต่ว่าวันนั้นกี้ไปไม่ทันรถโรงแรม ก็เลยเดินทางไปด้วยรถไฟกัน ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามบินFiumicino แล้วจะมีทางแยกไปสถานีรถไฟ พอไปถึงก็ต้องไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองโดยต้องไปลงที่สถานี Roma Temini จากข้อมูลบอกว่าออกทุกๆนาที่ 7 และ 37ทุกชั่วโมง ค่าตั๋วรถๆไฟ 11 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่ร้านขายบุหรี่ที่มีป้ายตัว T ตาบัคคิ (Tabacchi) ก่อนขึ้นอย่าลืมเอาตั๋วไปเข้าเครื่องประทับตราด้วย ตัวเครื่องสีเหลืองๆคล้ายตู้โทรศัพท์ด้วย

ใช้เวลาประมาณ30นาทีถึงสถานี Roma Temini แล้วเดินตามป้ายตัว M ที่เขียนว่า Metro สู่สถานีรถไฟใต้ดิน ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินได้ที่ตู้หยอดเหรียญ ราคาใบละ1ยูโร ใช้ได้ภายใน 75 นาที ได้แค่ 1 เที่ยวแต่สามารถต่อรถเมล์ หรือรถรางอีกไม่จำกัดจำนวนครั้งในเวลาที่กำหนด รถไฟใต้ดินอิตาลีนี่น่ากลัวทีเดียว โดนเพ้นท์ด้วยสีเสปรย์เละเทะทั้งขบวน แล้วก้อดูสกปรก แถมไม่เปิดแอร์ด้วย ผู้โดยสารเบียดเสียดแล้วก็พลุกพล่านทีเดียว ขึ้นสาย B ลงสถานีที่ 2 ชื่อว่า โคโลซีโอ

ออกจากสถานีโคโลซีโอก็จะเจอโคลอสเซียมอยู่ด้านหน้า เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโรมเลยก็ว่าได้ มีขนาดความจุ 50,000 ที่นั่ง สมัยก่อนใช้เป็นสถานที่ชมกีฬาโดยให้คนมาสู้กับสิงโต แต่กี้ไม่ได้เข้าไปดูข้างในเพราะเวลาของเรามีจำกัดและใกล้ปิดให้เข้าชมแล้วด้วย โดยสนนราคาค่าเข้าชมโคลอสเซียมราคาคนละ 4 ยูโร

Photobucket


Photobucket


จากโคลอสเซียมเดินออกมาที่ถนน Via dei Fori Emperiali เดินออกมาด้านซ้ายจะเป็น Foro Romano หรือ Roman forum เป็นสถานที่อภิปรายทางการเมืองสมัยยุคโรมัน สังเกตได้ง่ายเป็นพวกเสาโรมันและซากปรักหักพัง


Photobucket


ประตูชัยข้างๆโคลอสเซียม


Photobucket


โรมัน ฟอรัม ที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง จะคล้ายๆแนวอยุธยาบ้านเรา


เดินมาสุดถนน จะเจอกับลานกว้างที่มีชื่อว่า Piazza Venezia เปียซ่า เวเนเซีย เป็นอาคารหลังใหญ่เห็นได้เด่นชัด มีอนุสาวรย์รูปคนขี่ม้า ซึ่งก็ตืออนุสาวรีย์ของ วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล กษัตริย์องค์แรกของอิตาลี


Photobucket


ข้ามถนนตรงไปทางถนน Via del Corso สังเกตป้ายชี้ไปทางวิหารแพนเธออน เป็นวิหารหลังคาโดมขนาดใหญ่ เป็นที่ฝังศพกษัตริย์อิตาลียุคหลังๆ รวมทั้งสถานที่ฝังศพจิตรกรชื่อก้องโลกอย่าง ราฟาเอลด้วย หลายคนอาจนึกผลงานเด่นๆของเขาไม่ออก เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ฟัง


Photobucket


หลายคนคงนึกถึงภาพ 2 หนูน้อยเชอรับนี้ออก เห็นกันบ่อยๆตามการ์ดปีใหม่ ซึ่งเชอรับคือ เด็กเทพที่มีปีก ไม่ใช่กามเทพหรือคิวปิดนะคะ กำลังมองขึ้นไปข้างบน ภาพนี้จริงๆเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ที่มีชื่อว่า Sistine Madonna และเค้าสองคนมองขึ้นไปที่ทารกพระเยซูที่อุ้มโดยพระแม่ Virgin และมีเซนต์ Sixtus และเซนต์ Barbara ยืนอยู่ข้างๆ รูปเต็มๆคือรูปนี้ค่ะ

Photobucket


ภาพนี้ราฟาเอลตั้งใจวาดเพื่อใช้ประดับในสุสานของโป๊บ โดยเชอรับคู่ที่วาด เป็นสัญลักษณ์ของพิธีเฉลิมฉลองในพิธีศพ ในภายหลังรูปนี้ได้ถูกบริจาคให้แก่กษัตริย์ Augustus III ของ Saxony และได้ถูกย้ายไปมอสโคว์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่จะย้ายกลับมาเก็บไว้ที่เมืองเดรสเด็น ประเทศเยอรมัน


ออกจากวิหารแพนเธออน ซึ่งกี้ได้เข้าไปก่อนเวลาปิดให้เข้าชมพอดี เดินต่อไปจะเจอลานกว้างชื่อ piazza navona


Photobucket


จะเจอคาเฟ่น่ารักๆมากมาย และกลุ่มนักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อน ดื่มกาแฟ ไม่ก็ทานอาหารกัน บริเวณลานกว้างก็จะมีศิลปินมานั่งวาดรูปบ้าง หรือไม่ก็เป็นแผงขายรูปภาพต่างๆ นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีอ่างน้ำพุ ขนาดกลางอีกอันหนึ่ง ชื่อ Fontana dei Quattro Fiumi ล้อมรอบเสาหินรูปโอบิลิสก์ที่เห็นไกลๆในรูปนั่นเอง อิอิ


Photobucket


Photobucket



ส่วนอ่างน้ำพุอันนี้ตั่งอยู่ไม่ไกลกัน แค่ปลายของจตุรัสเท่านั้นเอง เรานั่งพักขา ดื่มน้ำกันที่นี่ ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆก่อนจะออกเดินทางไปจุดหมายสุดท้ายที่ตั้งใจเอาไว้ Fontana di Trevi



เดินย้อนออกมาที่ถนนสายหลัก Via del Corso ไปสู่น้ำพุเทรวี่ ที่แอบอยู่ใจกลางของตึกสูงที่ล้อมรอบไว้ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มแล้วที่โรม แต่ว่า ท้องฟ้ายังสว่างมากอยู่เลย หน้าร้อนของที่นี่กลางวันยาวมากๆ เหมาะสำหรับการถ่ายรูปจริงๆ


Photobucket


น้ำพุเทรวี่นี้ถูกออกแบบโดย Nicola Salvi ตัวเอกในเรื่องนี้ที่ยืนอยู่กลางฝาหอยก็คือเทพโพเซดอน เจ้าแห่งท้องทะเล ด้านล่าง คือยักษ์ไตรตัน 2 ตน กำลังปราบม้าพยศ ผู้คนมากมายต่างพากันมาโยนเหรียญที่น้ำพุเทรวี่แห่งนี้โดยเค้ามีความเชื่อว่าถ้าได้โยนเหรียญลงที่น้ำพุเทรวี่นี่แล้ว จะได้กลับมาเยือนโรมอีกครั้งหนึ่ง


Photobucket


มีหรือที่เราจะพลาดโยนเหรียญ แต่เค้าบอกว่าวิธีการโยนที่ถูกต้องคือให้หันหลัง โดยถือเหรียญไว้ในมือขวา โยนข้ามไหล่ซ้ายลงไป ^^ เหรียญจำนวนมากมายที่เก็บได้จากน้ำพุ จะถูกนำไปบริจาคที่สภากาชาด อิอิ


Photobucket


บริเวณรอบๆ จะมีร้านขาย เจลาโต้ ( jelato ) หรือไอศครีมอิตาเลียนรสต่างๆ ขอบอกว่าอร่อยมากๆ มีทั้งโคนเล็ก กลาง และใหญ่ กี้เลือกโคนขนาดกลาง สามารถเลือกได้ 3 รส เราคนไทยลูกชาวสวน ก็ต้องเลือก เมลอน กีวี่ และ เบอรี่ ราคา 2.5 ยูโร แม้ว่าจะเจ็บคอเพราะเป็นหวัดแต่ว่าต้องขอลองซะหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

เริ่มหิว คิดจะหาอะไรทาน เปิดหนังสือคู่มือเที่ยว เค้าก็แนะนำให้ไปทานอาหารที่ย่าน Trastevere อ่านว่า แทรสเทเวเร่ หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปยังไงดี จะต่อรถรางก็ลงไม่ถูก แล้วก็เริ่มมืดมากแล้ว ตัดสินใจใช้บริการแท๊กซี่ที่จอดอยู่แถวๆนั้น ต้องเป็นแท๊กซี่ที่ติดมิเตอร์เท่านั้นนะคะ นั่งจากบริเวณน้ำพุเทรวี่ไปย่าน Trastevere ทั้งหมด 15 ยูโร แพงก็จริงแต่ว่ามาถึงแล้วต้องลองซักครั้งไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสมาอีกเมื่อไหร่ รถแท๊กซี่มาส่งบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ Tevere

บรรยากาศยามค่ำคืนนี่โรแมนติกมากๆ นึกอิจฉาคนมาเป็นคู่กันจริงๆ ลงมาจะเจอตรอก ซอยเล็กๆ ตัดกันไปมา แล้วแต่ละที่ก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร และ คาเฟ่มากมาย เป้าหมายวันนี้ตั้งใจจะมาทานสปาเก็ตตี้ที่เส้นสีดำๆ กะพิซซ่า ซักหน่อย เดินหาร้านอยู่นาน เพราะเลือกไม่ได้ว่าจะนั่งร้านไหนดี สุดท้ายร้านที่เลือกก็ไม่มีพิซซ่า กะสปาเก็ตตี้สีดำๆด้วยอ่ะ

พนักงานแนะนำสปาเก็ตตี้ชื่ออะไรไม่รู้ กี้จำไม่ได้ แต่ว่าแปลเป็นไทย คือ สปาเก็ตตี้ผัดหอยกาบ ชื่ออาจไม่น่าทานเท่าไหร่นัก แต่เค้าบอกว่าเป็น hilight ของร้านเลยต้องลอง



Photobucket


หน้าตาสปาเก็ตตี้ผัดหอยกาบของเรา คำแรกเฉยๆรู้สึกว่ามันจืดๆ ทานไปมันอร่อยขึ้นเรื่อยๆเลย รสชาติมันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทั้งๆที่อิ่มมาก แต่ก็ต้องทานจนหมดเพราะมันอร่อยจริงๆ ค่าเสียหายจานนี้ 13 ยูโร

ทานอาหารเสร็จแล้วเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า คอก็เริ่มแสบเพราะไม่ได้ทานยาตอนกลางวัน แถมยังต้องรีบกลับไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ทำไฟลท์กลับตอน 11 โมง จากโรมไปรับผู้โดยสารที่มิลานแล้วกลับดูไบ ถ้านอนหลับพักผ่อนไม่พอจะทำให้เหนื่อยมาก แล้วก็หน้าตาอาจเป็นศพได้ แล้ว make up ใดๆก็ช่วยคุณไม่ได้ ท่านผู้โดยสารที่รักจะตกใจเอา เราจึงต้องจำใจลาจากสถานที่แห่งนี้ เผชิญหน้ากลับสู่โลกแห่งความจริงกันต่อไป

บรรยากาศบริเวณรอบๆมืดแต่ว่ามีแสงไฟสลัวๆจากร้านอาหาร แล้วก็ไฟถนน แถมมีเสียงเพลงเพราะๆจากกีตาร์คลาสสิค ผสมกับ เม้าท์ออแกน ดังแว่วๆมาจากที่ไกลๆ ให้ความรู้สึกที่โรแมนติกมากๆ เห็นอย่างงี้นี่ทำให้กี้คิดถึงมิมากๆเลย ตั้งแต่ออกมาเที่ยวแล้ว ปกติเราจะไปเที่ยวด้วยกันเสมอ หลงทางก็เป็นประจำ หลงทีก็ทะเลาะกันตลอด เดี๋ยวนี้ต้องออกมาเที่ยวคนเดียว กะเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักกันบนเครื่อง มันก็เหมือนเที่ยวกะคนแปลกหน้านั่นแหละ ไม่หลงทางก็จริง แต่ก็คิดถึงตอนที่เที่ยวด้วยกัน หลงทาง และทะเลาะกันมากกว่า เหมือนอย่างที่เค้าเคยพูดเอาไว้เสมอว่า ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ต้องการเสมอไป ถ้ามีโอกาสเราคงได้ไป

เที่ยวด้วยกันที่นี่ ..... Roma





Create Date : 25 กันยายน 2551
Last Update : 25 กันยายน 2551 2:38:52 น. 3 comments
Counter : 2001 Pageviews.

 
น้องกี้น่ารักมากเลยคร่า...

รักษาสุขภาพดีๆนะคะ แล้วจะมาเยี่ยมเรื่อยๆค่ะ


โดย: Ta mo วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:17:41:33 น.  

 
ชอบรูปตุ๊กตาหมีนั่งชมบรรยากาศจังเลย
ผมก็เพิ่งกลับมาจากอิตาลีได้ไม่นาน(5เดือนละ...อิอิ)
กำลังเล่าเรื่องกรุงโรมอยู่เหมือนกันเลย
อย่าลืมตามไปชมด้วยนะครับ

Grazia .....


โดย: popkit วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:0:02:22 น.  

 
Hi I am eddie nice to meet you here and I really enviously you indeed...I hope someday I 'll be there like you do. Please be cheering on me.


โดย: eddie (flaptop ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:36:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

giftky
Location :
กรุงเทพฯ / Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add giftky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.