Bloggang.com : Explorer : Blockbuster vs Netflix & Redbox

Blockbuster vs Netflix & Redbox

Blockbuster เป็นร้านเช่าดีวีดีที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เจอคู่แข่งที่เข้ามาใหม่และใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างทำให้สถานการณ์ของ Blockbuster ไม่ค่อยดี ต้องปิดร้านเช่าดีวีดีไปหลายร้าน และต้องหันมาปรับกลยุทธการดำเนินการใหม่

Netflix ใช้วิธีให้เช่าดีวีดีแบบออนไลน์โดยส่งดีวีดีไปให้ถึงบ้าน ใช้บริการไปรษณีย์อเมริกา และ warehouse กระจายไปตามเมืองต่างๆ ในการรับส่งดีวีดี สามารถส่งได้ภายใน 2 วันทำการ ด้วยค่าบริการที่ถูกเพียง $9 ต่อเดือนสามารถเช่า ดีวีดี ได้ทีละ 1 เรื่อง (เดือนหนี่งก็ดูได้ประมาณ 9 เรื่อง) แถมดูหนังออนไลน์ได้ไม่จำกัด โดยสามารถดูได้ผ่านเครื่อง ดีวีดี รุ่นใหม่ๆที่มี Netflix ready ซึ่งกลายเป็นฟังก์ชันของเครื่องเล่นดีวีดีรุ่นใหม่ สำหรับไว้ดูหนังออนไลน์

Netflix ยังกลายเป็นคู่แข่งของช่อง Premium cable เช่น HBO ไปด้วยเพราะสามารถดูหนังได้ไม่จำกัด ด้วยราคารายเดือนที่ถูกกว่า HBO (ที่มีราคาถึง $15 ต่อเดือน) แถมยังต้องดูหนังตามโปรแกรมที่ระบุ ขณะที่ Netflix จะดูเรื่องไหนเมื่อไหร่ก็ได้

Netflix ประสบความสำเร็จแค่ไหน ให้ดูราคาหุ้นของ Netflix ครับ ขึ้นมาเกือบ 4 เท่าในปีที่ผ่านมา มีสมาชิก 20 ล้านคน

//chart.finance.yahoo.com/z?s=NFLX&t=1y&q=&l=&z=l&p=s&a=v&p=s&lang=en-US®ion=US

Redbox ใช้วิธีเอากล่องเช่าดีวีดีสีแดงขนาดเท่าเครื่องถ่ายรูปสติกเกอร์ในเมืองไทย ไปตั้งไว้ตาม supermarket, ร้านแม็กโดแนล และ ปั้มน้ำมัน ให้เช่าดีวีดีเรื่องละ $1 ดูเสร็จก็มาคืนในวันถัดไป สามารถเช็คออนไลน์ได้ว่ามีหนังเรื่องไหนอยู่ใน Redbox ใกล้บ้านบ้าง กว่าที่คู่แข่งจะรู้ตัว Redbox ได้วางตู้ไปแล้ว 25,000 ตู้ทั่วอเมริกา เวลาขับรถไปไหนจะเห็นกล่อง Redbox อยู่ทั่วไปประหยัดงบโฆษณาได้อีก

//upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/1/14/Redbox_Kiosk.jpg/450px-Redbox_Kiosk.jpg

Blockbuster ต้องหันมาปรับกลยุทธการดำเนินการใหม่โดย ให้เช่าดีวีดีแบบออนไลน์เหมือน Netflix และติดตั้งกล่องสีฟ้า Blockbuster สำหรับมาสู้กับ Redbox กล่องแดง แต่กว่าจะขยับตัว Netflix ก็ได้กลายเป็น brand สำหรับเช่าดีวีดีออนไลน์ และ Redbox ก็ได้วางกล่องแดงไว้ตามจุดที่เห็นได้ชัดไปทั่วแล้วแล้ว

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554

Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2554 11:10:50 น.

0 comments

Counter : 2544 Pageviews.