ความคิดเกิดขึ้นและดับไปเอง


บันทึก :  บัลลังก์หนึ่งในห้องพระอาจารย์  (จันทร์ 8 เมษายน 2562)

ตอนแรกจิตไปอยู่ที่ท้อง ดูท้องพองยุบ ผ่านไปสักระยะนึง  จิตมันเคลื่อนขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ  ดูลมหายใจจนจิตนิ่งเป็นสมาธิ (ลมละเอียด)  แต่ก็มีจิตผู้รู้ผู้ดูอยู่  เห็นสภาวะของความคิดที่ลอยเข้ามาแล้วก็หายไป คือความคิดเกิดขึ้น ผ่านเข้ามาใกล้ มีจิตผู้รู้ดูอยู่ ไม่จับเอา ก็ดับไป  เห็นอยู่เรื่อยๆเลย ก็ดูไปอย่างนี้  มันเป็นสภาวะกึ่งๆอะไรไม่รู้ มีสัมปชัญญะดี ไม่รู้จะเรียกอะไร เหมือนสมถะผสมวิปัสสนา เป็นสัมมาสมาธิ

ลักษณะของความคิด ที่เห็นคือ มันเป็นควันๆ มีภาพ(เคลื่อนไหว) มีเสียง แต่มันไม่ได้เกิดที่จิต ไม่รู้สิ เห็นชัดว่ามันแยกกัน จิตไม่ได้จับเอา ความคิดมันเป็นสภาวะธรรมหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วเข้ามา ถ้าจิตจับเอาก็เป็นจิตคิด   

แต่นี่มีจิตผู้รู้นิ่งดูอยู่เฉยๆ  ดูความคิดมันเกิดดับของมันเอง มันมาจากสัญญา จากความปรุงแต่ง 

สภาวะกึ่งๆอะไรไม่รู้เนี่ย เรียกไม่ถูก  นั่งหลับตายังกะลืมตา  หลับตานอก ลืมตาใน แต่รับรู้ทั้งในทั้งนอก (ในชัดกว่านอก)  บอกไม่ถูก ถึงบอกว่ามันกึ่งๆ  คือสภาวะข้างนอกก็รู้ ข้างในก็รู้  แต่รู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้กระโจนเข้าไป คือนิ่งมาก ดูอย่างเดียว

คือปกติจะรับรู้ว่าจิตคิดเกิด จิตคิดดับ รับรู้ทางใจ  จะไม่ได้เห็นเป็นกลุ่มของความคิดเป็นตัวๆเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนี้  แต่ครั้งนี้มันเห็นเป็นตัวความคิดเลย ถึงบอกได้ว่าลักษณะมันเป็นยังไง

น่าจะเป็นบัลลังก์ที่ 18 ของการฝึกรอบนี้
วันที่ 5 ของการฝึก (ไม่นับวันแรกที่ไปถึง)

หมายเหตุ : อาจจะไม่ถูกในเรื่องของการเรียก หรือการอธิบายเท่าไรนัก เพราะไม่ชำนาญปริยัติ ไม่ค่อยรู้เลย  อธิบายได้แค่สภาวะธรรมที่เห็นจริงๆ ตอนเห็นก็สักแต่ว่ารู้ว่าดูอยู่ ไม่ได้คิดว่ามันเป็นอย่างนี้ๆหรือต้องเป็นอย่างนี้ๆ หรือมันมาจากไหน มาได้ยังไง แค่เห็นมันแสดงไตรลักษณ์ให้ดูเท่านั้น

ตอนอธิบายให้พระอาจารย์ฟัง ก็อธิบายไม่ค่อยถูก มีตกหล่นไปบ้าง  แต่พระอาจารย์ก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ และเข้าใจ (เห็นจากสีหน้าและแววตา)


#ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม



*** พยายามจะหารูปประกอบให้มันใกล้เคียงที่สุดที่พอจะสื่อได้  ภาพภายนอกที่เห็นมันจะเบลอๆ(อาจเพราะเราโฟกัสไปที่สภาวะภายในมากกว่า) เหมือนพื้นหลังเบลอๆ ส่วนตัวความคิดที่ลอยเข้ามา ชัดเหมือนดอกไม้ที่ถูกโฟกัสในรูปนี้แหละ ถ้าจะให้เหมือนอีกต้องมีควันๆรอบดอกไม้ด้วย  มันก็จะประมาณนี้แหละ  (อ้อ แต่ของจริงมันมีเสียงด้วย)  ฉะนั้นเปรียบเทียบคือดอกไม้คือตัวความคิดที่ลอยเข้ามา เป็นสภาวะภายในที่เห็น  ส่วนพื้นหลังเบลอๆคือสิ่งภายนอกที่มองเห็นได้หากลืมตา ก็คือสภาพแวดล้อมในห้องนั่นแหละ   นี่แหละที่ว่าเห็นทั้งในและนอกพร้อมๆกัน แต่เห็นในชัดกว่านอก.  นี่คือสิ่งที่จิตผู้รู้ผู้ดูเห็น และไม่ได้กระโจนเข้าไปเกลือกกลั้ว



** อธิบายเพิ่มเติม  :   สภาวะนั้น ความรู้สึกถึงร่างกายไม่มีแล้ว เหลือแต่จิตหนึ่งตั้งมั่นสว่างไสวอยู่  รับรู้ธรรมทั้งหลายที่เข้ามาปรากฏแล้วหายไป  คือทำกรรมฐานจนเหลือแค่จิตดวงเดียวดูสภาวะธรรม

 



Create Date : 03 กรกฎาคม 2562
Last Update : 1 ตุลาคม 2562 11:10:01 น.
Counter : 250 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3956820
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กรกฏาคม 2562

 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31