บันทึกนักเดินทางตามใจฝัน
|
||||
นิราศ@โรแมนติก: เยือกเย็นและร้อนแรงบนยอดมหาวิหารฟลอเรนซ์ เรื่องราวนิราศโรแมนติกที่ผ่านๆมาจะพาไปตามรอยสถานที่ท่องเที่ยวที่ปรากฏในละครหรือภาพยนตร์รักโรแมนติกโดยตลอด แต่ครั้งนี้จะขอฉีกแนวไปตามสูดกลิ่นไอโรแมนติกจากหนังสือนวนิยายรักแทน เชื่อว่าถ้าเป็นคอนิยายแนวเลิฟโรแมนติกย่อมต้องรู้จักนิยายรักญี่ปุ่นที่เขียนออกมาเป็นหนังสือสองเล่มชื่อว่า Blu กับ Rosso แน่นอน หนังสือเรื่อง Blu (เยือกเย็น) เขียนโดยนักประพันธ์ชายชื่อท์ซึจิ ฮิโตนาริ ในขณะที่ Rosso (ร้อนแรง) เป็นผลงานของนักเขียนหญิงเอคุนิ คาโอริ ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของจุนเซนักศึกษาญี่ปุ่นที่มาร่ำเรียนศิลปะที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence)ประเทศอิตาลีกับหญิงสาวนามว่าอาโออิ จุนเซกับอาโออิให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าในวันเกิดครบรอบอายุ 30 ปีของอาโออิ (ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคมปีค.ศ. 2000)ทั้งสองจะขึ้นมาฉลองกันบนยอดโดมมหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Duomo) แต่แล้วทั้งคู่มีเหตุต้องเลิกรากันไปก่อนถึงวันนั้น หนังสือเรื่อง Blu ถ่ายทอดเรื่องราวหลังเลิกรากันผ่านมุมมองอารมณ์ถวิลหาของจุนเซ ในขณะที่ Rosso เล่าเรื่องราวเดียวกันผ่านความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ของอาโออิ แล้วให้ลุ้นกันในตอนท้ายว่าทั้งสองจะกลับไปเจอกันบนยอดมหาวิหารฟลอเรนซ์เมื่อถึงวันที่ให้คำมั่นสัญญากันหรือไม่ เสน่ห์ของหนังสือที่ถูกกล่าวขานกันมากก็คือเทคนิคการเล่าเรื่องราวเดียวกันแต่ผ่านมุมมองตัวละครที่ต่างกัน จริงๆแล้วหนังสือสองเล่มนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นครั้งหนึ่งเมื่อปี 2001 ตั้งชื่อเป็นภาษาอิตาเลียนออกเสียงยากๆว่าCalmi Cuori Appassionati แปลเป็นไทยก็คือ ระหว่างความเยือกเย็นและร้อนแรง นำแสดงโดยยูทากะ ทาเคโนะอุจิและนักแสดงสาวฮ่องกงเฉินฮุ่ยหลิน (Kelly Chen) เกริ่นมาซะขนาดนี้คงเดากันได้แล้วว่าผมจะพาไปเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งคำมั่นสัญญาระหว่างจุนเซกับอาโออิ นั่นก็คือยอดโดมมหาวิหารฟลอเรนซ์ มหาวิหารฟลอเรนซ์มีชื่อเป็นทางการว่า Basilica di Santa Maria del Fiore เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1296 เสร็จสิ้นเมื่อปี 1436ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของเมือง ที่ฟลอเรนซ์จึงมีกฎหมายตราไว้ว่าห้ามสิ่งปลูกสร้างใดๆสร้างสูงกว่ายอดมหาวิหาร ตัวมหาวิหารสร้างจากหินอ่อนสีขาว เขียวและชมพู ส่วนโดมเป็นผลงานของ Fillipo Brunelleschi ปกติคนไปเที่ยวฟลอเรนซ์จะนิยมขึ้นไปชมวิวจากหอระฆัง (Campanile) ซึ่งสามารถยลความงามของยอดโดมได้ แต่ผมกลับพิสมัยปีนยอดโดมเพื่อสัมผัสกลิ่นอายโรแมนติกมากกว่า การจะขึ้นยอดโดมจะต้องซื้อตั๋วเข้าชมมหาวิหารก่อน ซึ่งในตั๋วนี้สามารถเข้าชมส่วนต่างๆของมหาวิหารรวมทั้งยอดโดมได้ การขึ้นไปยอดโดมต้องผ่านบันได 463 ขั้น ไม่มีลิฟท์บริการ จะปีนขึ้นไปใช้ได้แค่สองเท้ากับใจมุ่งมั่นเท่านั้นบันไดช่วงแรกๆจะวนรอบโถงโบสถ์สามารถมองลงมาเห็นด้านล่างได้ แต่พอไต่สูงขึ้นไปถึงส่วนหลังคาโดมจะเป็นทางเดินผ่านกำแพงแคบๆ มีช่องหน้าต่างเล็กๆเจาะให้มองชมวิวภายนอกได้เป็นระยะๆ งานนี้เล่นเอาเหนื่อยหลายแฮ่กกว่าจะถึงยอด แต่พอเห็นวิวตระการตาแล้วทำเอาลืมเหนื่อยไปซักพัก เมืองฟลอเรนซ์มุมสูงจากยอดโดม สามารถมองเห็นแลนด์มาร์คสำคัญๆของเมืองได้ บ้านเรือนในฟลอเรนซ์คุมโทนสีออกขาวเหลืองน้ำตาล หลังคาสีส้ม ทำให้ดูคลาสสิก เงายอดโดมมหาวิหารทาบทับหลังคาบ้านเรือน หอระฆังชูตระหง่าน ปลายติ่งยอดโดมเมื่อแหงนมองจากจุดชมวิว เดินเก็บภาพวิวซักพัก ก็สังเกตเห็นว่าเสาหินอ่อนรอบๆรกตาไปด้วยรอยปากกาขีดเขียนจารึกชื่อของผู้มาเยือน ถึงแม้มีป้ายห้ามติดหราก็ตาม ไม่รู้ว่าเป็นอิทธิพลจากหนังสือ Blu Rosso รึเปล่า ส่วนมากจะเป็นจารึกชื่อจากคู่รัก เท่าที่เดินๆดูไม่เห็นลายมือภาษาไทย ก็ไม่รู้ว่าคนไทยมือไม่บอนหรือคนไทยไม่นิยมปีนขึ้นมาบนนี้กันแน่ ถึงแม้พื้นที่บนยอดโดมเล็กนิดเดียว ใช้เวลาแป๊บๆก็เดินวนได้ทุกตารางนิ้วแล้ว แต่อุตส่าห์ออกแรงปีนมาขนาดนี้ ไม่อยากรีบร้อนลงไป ก็เลยนึกสนุกลองมโนฉากบนยอดมหาวิหารจากหนังสือเล่นๆ (ตัวอย่างภาพจากภาพยนตร์) อุปโลกน์กระทาชายนายหนึ่งที่ยืนเกะกะกล้องให้เป็นจุนเซที่ขึ้นมารออาโออิอย่างใจจดใจจ่อ และแล้วในที่สุดอาโออิก็ปรากฏตัว (พร้อมแม่?) ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากยอดโดมไปด้วยกันอย่างมีความสุข ระหว่างทางเดินลงก็เห็นว่ากำแพงทางเดินอุดมไปด้วยลายมือขีดเขียนของคนมือซนเช่นกัน เว็บไซด์ของ Florence Duomo สามารถเช็คเวลาเปิดปิดของโดมและราคาตั๋วเข้าชมได้ที่นี่ เมืองของเค้าสวยจริงๆนะคะ แต่ก็งดงามคนละแบบกับบ้านเรา
โดย: au_jean วันที่: 29 พฤษภาคม 2557 เวลา:9:43:02 น.
|
สมาชิกหมายเลข 714858
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
เป็นนิยายและหนังที่ชอบมากๆค่ะ
จนเอามาแต่งเป็นโลเคชั่นนิยายเรื่องที่สองเลย ^^
ขอบคุณสำหรับรีวิว+ภาพสวยๆค่า