Soaring Yet Rooted
ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จจนมีสถานภาพสูงขนาดใหน ขออย่าได้ลืมผู้มีพระคุณที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคุณ
|
|||
ทุกข์ของนักเรียนไทย ตอนที่ผมกลับไทยมาใหม่ๆ ผมรู้สึกทึ่งกับความพยายาม อึด และถึก ของเด็กนักเรียนไทยมาก หลังจากเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายแปดชั่วโมงที่โรงเรียน แทนที่จะกลับบ้านหรือไปเล่นกีฬาพักผ่อน พวกเขาเหล่านั้นกลับแห่กันไปที่สถาบันกวดวิชาเพื่อเรียนพิเศษต่อ เท่านั้นยังไม่พอ วันเสาร์อาทิตย์ แทนที่จะได้พักอยู่บ้าน ใช้เวลากับครอบครัวหรือ ไปเที่ยวเล่นตามภาษาเด็ก ใช้ชีวิตวัยทีนให้คุ้มๆ กลับต้องเดินทางไปกวดวิชาอีก จะขยันอะไรขนาดน๊าน!!! เรื่องพวกนี้จะไปโทษเด็กอย่างเดียวมันก็ไม่ถูกเพราะระบบการศึกษามันถูกออกแบบมาให้เด็กแข่งขันกัน แข่งกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อคะแนนและเกรด ประมาณว่าใบเกรดนี่เป็นอาญาจากสวรรค์ ชี้เป็นชี้ตาย ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่กระดาษแผ่นเดียว เคยมีคนรู้จักที่เป็นรุ่นน้องมาระบายให้ฟัง บอกว่าเครียด ถามว่าเครียดเรื่องอะไร เจ้าตัวบอกว่าเครียดที่เกรดตกจาก 4.00 จนเหลือ 3.89 โถ่ไอ้ตูดหมึก! ไม่อยากจะโม้ว่าเกรดเรา 3.4 เรายังไม่สะทกสะท้านเลย ที่พูดนี่ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องตั้งใจเรียนนะ แต่กำลังจะบอกว่าให้หาจุดสมดุลของชีวิต เวลาเรียนก็ตั้งใจเรียน เครียดได้ไม่ว่า แต่ต้องรู้จักผ่อนคลาย ทำกิจกรรมบ้าง เล่นกีฬาบ้าง แล้วชีวิตวัยรุ่นจะมีสีสันขึ้นอีกเยอะ บางครั้งต้นเหตุของความเครียดก็ไม่ได้มาจากตัวเด็กเอง แต่มาจากผู้ปกครองนั่นแหละ แน่นอนว่าคนเป็นพ่อแม่ย่อมต้องการสิ่งที่ดีให้กับลูก ให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ให้ลูกสอบได้คะแนนดีๆจะได้เข้าเรียนในมหาลัยดังๆได้ จบออกมาจะได้ทำงานสบายๆ ด้วยเหตนี้จึงบังคับให้ลูกไปเรียนพิเศษ อัดลูกด้วยเนื้อหาวิชาความรู้ แต่ผมอยากถามท่านผู้ปกครองสักนิดว่า คุณได้ถามลูกดูหรือยังว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต ความจริงแล้วพ่อแม่ของผมก็ค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับการเรียนเหมือนกันเพราะพวกท่านไม่มีโอกาสได้เรียนตอนเด็กๆเพราะถานะครอบครวยากจน พวกท่านจึงอยากให้ผมได้เรียนสูงๆ แต่พวกท่านก็ไม่เคยดุผมถ้าผมไม่ได้เกรด4 หรือบังคับให้ผมต้องไปเรียนพิเศษ(เพราะที่บ้านนอกไม่มีที่เรียนพิเศษ) บางคนอาจแย้งว่าลูกยังเด็กอาจจะยังไม่รู้เรื่องอะไร พ่อแม่เลยต้องตัดสินใจแทนให้ ผมอยากจะแย้งว่านั่นมันไม่จริงเสมอไปครับ ตอนที่ผมอายุ 11-12ขวบ พ่อแม่มาถามความเห็นผมว่าอยากไปเรียนที่สิงคโปร์ไหมแล้วก็อธิบายเหตผลให้ผมฟังว่าทำไมถึงอยากให้ผมไปสิงคโปร์ ถ้าไม่อยากไป พวกท่านก็จะไม่บังคับ จะเห็นว่าพ่อแม่ผมจะให้โอกาสผมตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตตนเองและเคารพการตัดสินใจของผมค่อนข้างมากเลยทีเดียว แม้กระทั่งตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยพวกท่านก็ให้โอกาสผมได้เลือกว่าอยากเรียนหมอ วิทยาศาสตร์ วิศวะ หรืออยากกลับบ้านไปทำสวน (ถึงแม้ว่าในใจพ่อจะอยากให้ผมเรียนหมอมากก็ตาม) ลองเก็บไปคิดดูนะครับว่าสิ่งที่คุณพยายามให้ลูกทำอนยู่ตอนนี้มันตรงกับความต้องการของลูกหรือเปล่า มันเป็นสิ่งที่ลูกอยากเป็น หรือ สิ่งที่คุณต้องการให้ลูกเป็นกันแน่ |
PS YerDua
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] It's no use knowing a lot if you can't master what you know. มันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยที่จะรู้สิ่งต่างๆมากมายถ้าสิ่งที่คุณรู้นั้นไม่ได้รู้ลึก หรือรู้จริง All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
มันถูกบังคับให้เป็นไปตามกลไกการศึกษาที่เค้าคิดว่าคิดมาดีแล้ว
เก่งแต่หน้ากระดาษ แต่เด็กไทยขนาดทักษะการใช้ชีวิตและการอยู่เหนือทุกข์มากๆ