เรื่องน่ารู้ "ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัย" (เก็บตกจากการไปต่อใบขับขี่)
จากการที่ฉันไปต่ออายุใบอนุญาตขับขี่รถที่กำลังจะครบกำหนด เมื่อยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการทดสอบเกี่ยวกับสายตา และยังต้องเข้ารับฟังการอบรมเกี่ยวกับการขับขี่ให้ปลอดภัยอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกคนได้มีความรู้ความเข้าใจ ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำอย่างไรจึงจะลดการเกิดอุบัติเหตุเหล่านั้นได้ ซึ่งฉันเห็นว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์แก่ทุกคน จึงอยากจะนำมาบอกต่อกันค่ะ
= = > การขับขี่ยานพาหนะให้มีความปลอดภัย < = =
หนึ่ง การคาดเดาล่วงหน้าถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุนั้นก็เนื่องมาจากตัวผู้ขับขี่เอง ที่มักจะขับขี่ด้วยความประมาท ไม่ใส่ใจต่อกฎจราจร ไม่สนใจป้ายสัญลักษณ์ตามข้างทาง เส้นแบ่งถนน และสัญญาณไฟ
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ผู้ขับขี่ไม่มีการคาดสถานการณ์ล่วงหน้าต่ออุบัติเหตุ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งหลายคนละเลยและไม่ใส่ใจกับสิ่งนี้
เช่น -กรณีจอดติดไฟแดงที่สี่แยกแล้วเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผู้ขับขี่มักจะออกรถทันที โดยไม่มีการคาดการณ์ว่า รถที่กำลังวิ่งผ่านสี่แยกขณะสัญญาณไฟได้เปลี่ยนไปแล้วนั้น ได้แล่นผ่านไปหมดหรือยัง หรือมีรถที่ฝ่าไฟแดงกำลังวิ่งมาหรือไม่ เมื่อไม่ได้คิดล่วงหน้าไว้แล้วรีบออกรถทันที อาจจะชนกับรถที่ฝ่าไฟแดงมาก็ได้
-กรณีขับรถมาทางตรง แต่ข้างทางด้านซ้ายมีรถจอดบังอยู่ ที่เรียกว่า จุดบอด ซึ่งเราจะมองไม่เห็นว่ามีคน หรือสัตว์ วิ่งออกมาหรือไม่ หากไม่มีการคาดไว้ล่วงหน้า ก็อาจขับชนคนหรือสัตว์ก็ได้
-จุดบอดอีกกรณี คือการขับรถผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร แต่ทางด้านซ้ายและด้านขวามีตึกอยู่ตรงมุมซึ่งไม่อาจมองเห็น ว่ามีรถกำลังขับมาหรือไม่ หากไม่คิดเผื่อถึงสถานการณ์ที่ อาจเกิดขึ้น แล้วรีบผลุนผลันขับผ่านไปอาจเกิดการชนกันได้
-หรือจุดบอดอีกกรณีหนึ่งก็คือ การที่กระจกด้านข้างไม่สามารถ มองเห็นได้ครอบคลุมเพียงพอว่ามีรถขับตามมาอยู่ด้านข้างๆหรือไม่ เมื่อต้องการจะเลี้ยว แต่รถที่ขับตามมาข้างๆ ไม่อาจมองเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวจึงไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นกัน
-กรณีรถติดยาวบนถนน แต่มอเตอร์ไซค์ขี่ผ่านตามช่องว่างทางซ้ายมือ หากผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นไม่ได้คิดล่วงหน้าไว้ แล้วเกิดมีรถยนต์เลี้ยวเปลี่ยนเลนมา หรือมีมอเตอร์ไซค์อีกคันพุ่งออกมาเพื่อเปลี่ยนเลนเช่นเดียวกัน ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดการชนกันได้
-กรณีวิ่งมาถึงทางโค้งก็ดีหรือทางตรงก็ดี แล้วเห็นว่ามีรถฝั่งตรงข้ามขับตามกันมาสองคันวิ่งสวนทางมา โดยไม่คาดคิด รถคันหลังเกิดขับแซงล้ำเลนเข้ามาทางฝั่งของเรา จึงเกิดการปะทะกันขึ้น แต่หากประเมินเหตุการณ์ล่วงหน้าแล้วว่า รถคันที่สองอาจแซงขึ้นมา เราจะสามารถชะลอรถเพื่อให้เขาแซงได้พ้น หรือเบี่ยงออกข้างทางเพื่อหลบการปะทะได้ทัน จะเห็นว่าจากกรณีตัวอย่างทั้งหมดที่กล่าวมา เราสามารถเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เสมอ จากการประเมินสถานการณ์ไว้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ขับขี่มักมองข้าม
ดังนั้นในการขับขี่ทุกครั้ง เราควรคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิด พึงระวังจุดบอดที่ทำให้มองไม่เห็น เช่น มีรถหรือมีตึกบังทางแยก มีรถจอดข้างทางแล้วมักจะมีคน สัตว์หรือวัตถุต่างๆโผล่ออกมาอย่างไม่คาดคิด เราต้องระมัดระวัง ต้องรอบคอบ โดยการมองตรงไปข้างหน้าดูระยะให้ไกล เพื่อประเมินสถานการณ์ในการขับขี่อยู่เสมอ ควรมองทางข้างหน้าสลับกับการมองกระจกด้านซ้าย ด้านขวา และกระจกหลังบ่อยๆ เพื่อความปลอดภัย
สอง เว้นระยะห่างให้เพียงพอ ควรเว้นระยะห่างระหว่างรถข้างหน้าให้เพียงพอต่อการหยุดรถได้ทัน ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุชนท้าย อย่าขับจี้ท้ายรถคันหน้า หากมีรถขับจี้ท้ายให้เปลี่ยนเลนหรือให้สัญญาณเพื่อให้แซงไปก่อน หรือหากจะต้องเบรคเพื่อหยุดรถ ไม่ควรเหยียบเบรคหยุดรถในทันที ควรแตะเบรคเบาๆ 2-3 ครั้งก่อน เพื่อให้รถคันท้ายเห็นสัญญาณ และมีเวลาเตรียมพร้อม
สาม สิทธิ์การใช้ทาง อุบัติเหตุหลายๆครั้ง เกิดจากการที่ผู้ขับขี่ไม่รู้สิทธิ์ในการใช้ทางของตนเอง
ดังนั้น เมื่อถึงทางสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร -จะต้องให้รถที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นผู้ได้ไปก่อน -หากต้องการเลี้ยวไปทางใดทางหนึ่งในเส้นทางเดียวกัน จะต้องให้รถทางตรงได้ไปก่อน -หากมีรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต้องการเลี้ยวตัดผ่าน ควรยอมให้ไปก่อน -หากไม่แน่ใจว่าใครควรได้สิทธิ์ในการใช้ทางก่อน ควรรอและพิจารณาให้ดี อย่าขับออกไปในทันที
สี่ การแก้ไขเมื่อเกิดการปะทะ ถ้าหากว่าเราขับขี่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังอย่างดีแล้ว แต่บางครั้งก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุนั้นได้ นั่นก็เพราะมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือ ผู้ขับขี่รถคันอื่น ซึ่งหากเราได้มีการมองระยะไกลและได้ประเมินสถานการณ์ ล่วงหน้าไว้แล้ว เราจะมีเวลาเตรียมตัว
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าจะต้องเกิดการปะทะอย่างแน่นอน เราควรตั้งสติ อย่าเหยียบเบรคทันทีเพราะจะทำให้ล้อล๊อค จนรถลื่นไถลไป ควรปล่อยคันเร่ง เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ พยายามควบคุมพวงมาลัย แล้วจึงเหยียบเบรค
หากหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้ให้ใช้ด้านข้างเข้าชนเพื่อลดความเสียหาย หรือเมื่อเสียหลักออกข้างทางให้เลือกกระแทกกับสิ่งที่อ่อนนุ่ม เช่น พุ่มไม้แทนการพุ่งชนต้นไม้ใหญ่หรือเสาไฟฟ้า หากไม่มีวัตถุอ่อนนุ่มเลยก็ให้ใช้ด้านข้างเข้ากระแทกแทนเช่นกัน
ห้า หากตัวผู้ขับขี่อยู่ในสภาวะไม่พร้อมควรงดการขับรถ สาเหตุจากตัวผู้ขับขี่มีอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ อาการง่วงนอนจากการเหนื่อยล้า การอดนอนและฤทธิ์จากยาบางชนิด เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ควรฝืนขับรถด้วยตนเอง ควรหาคนขับแทนให้ หรือหยุดพักร่างกายจนกว่าจะพร้อมขับขี่
นี่คือ 5 ข้อที่ทุกคนควรปฏิบัติเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย ที่ฉันอยากนำมาบอกต่อค่ะ ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาให้อ่านนี้ อาจจะไม่ครบถ้วนและสมบูรณ์ในรายละเอียดทั้งหมด ต้องขออภัยด้วย เพราะฉันทบทวนจากความจำเอา
สุดท้ายนี้ ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านเป็นผู้ขับขี่อย่างปลอดภัยนะคะ
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 17:12:19 น. |
Counter : 1103 Pageviews. |
|
|
|