 |
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
9 มกราคม 2554 |
|
 |
 |
|
 |
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
|
เมื่อผมติดคุก...เรื่องจริงที่อยากตีแผ่อีกด้านนึงของสังคมที่หลายคนไม่รู้ จากศาลาประชาคม
อ่านแล้วมีประโยชน์ แต่เข้าไปอ่านในบอร์ดแล้วลายตาขอเอาข้อมูลมาใส่ในบล๊อกให้อ่านง่ายขึ้น เครดิตให้กระทู้นี้นะครับ //www.pantip.com/cafe/social/topic/U10103202/U10103202.html
เมื่อกลางเดือน เมษยายน 2553 ผมเข้ามอบตัวกับตำรวจ (คดีอะไรผมขออนุญาตไม่เปิดเผยนะครับ เอาว่าเป็นคดีเล็กน้อยไม่ร้ายแรง แต่มูลค่าความเสียหายสูง) ตำรวจก็สอบปากคำ ทำสำนวน พิมพ์ลายนิ้วมือ ฯลฯ
พอที่บ้านรู้ข่าว อา(น้องสาวพ่อ),อาม่า ก็รีบมาหาที่ สน. ทันที ภาพในตอนนั้นผมสงสารอาม่ามากครับ ยืนคุยเกาะลูกกรงน้ำตาซึม ตอนนั้นผมก็ร้องไห้เสียใจมาก เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นอาม่าร้องไห้เลย
"ทำไมถึงทำอย่างนี้ละลูก อาม่าบอกแล้วใช่มั้ย อาม่าเตือนแล้วใช่มั้ย แวนไม่อยากอยู่กับอาม่าแล้วหรอ"
ผมร้องไห้โฮ แล้วบอกอาม่าว่า
"แวนทำผิดก็ต้องรับผิด ไม่ต้องประกันตัว ไม่ต้องเดินวิ่งเรืองอะไรทั้งนั้น"
ตอนนั้นในใจผมคิดว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับความเป็นจริง รับกรรมกันไป
หลังจากคุยกับผมได้ซักพัก อาม่าก็กลับบ้าน แล้วมาหาผมอีกทีตอนเย็นๆ เอาข้าว,น้ำ,ผ้าเช็ดหน้ามาให้ เวลานั้น ผมกินอะไรไม่ลงแม้แต่น้ำเปล่า ในหัวสมองมันคิดมากไปหมด ทั้งเรื่องที่บ้าน เรื่องแฟน เรื่องงาน อยากจะนอนอย่างเดียว อยากให้เวลามันผ่านๆ ไป
2วันต่อมา ตำรวจคุมตัวผมไปศาลแขวง เพื่อรอการฝากขังที่เรือนจำ ทุกๆ วันทำงานราชการ จะมีรถรับ - ส่งนักโทษเพื่อนำนักโทษที่อยู่ในเรือนจำออกมาตัดสิน, ให้ปากคำ, เป็นพยาน, เซ็นรับหมายฝากขังต่อ รถจะออกจากเรือนจำประมาณ 8.00น. ถึงศาลประมาณ 8.30น. และขากลับจากศาล รถนี้จะรับผู้ต้องหาที่ฝากขังกลับไปด้วย เวลาประมาณ 16.00 - 17.00น.
ในตอนนั้นคนที่อยู่ในห้องขังที่ศาลแขวง (ห้องขังศาลจะมี 2 ห้อง คือ ห้องขังศาลแขวง และห้องขังศาลอาญา ผมรู้มาว่าห้องขังศาลอาญาคนจะเยอะกว่านี้มาก) มีคนประมาณ 7-8 คน รวมทั้งตัวผมด้วย เป็นนักโทษคนเก่า 3 คน ที่รู้เพราะว่าเค้าใส่ชุดนักโทษ และตีตรวน ก็มีคนมานั่งคุยกัน ถามว่าใครเป็นยังไง โดนจับคดีอะไรมา ฯลฯ
อาม่าและอา ก็มาเยี่ยมที่ศาล ซื้อข้าว, น้ำ ที่ผมกินไม่ลงเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งผู้ต้องขังเก่าคนนึงบอกผมว่า
"กินๆ ไปเถอะ เดี๋ยวเข้าไปข้างในไม่มีให้กินดีๆ แบบนี้อีกแล้ว"
ผมจึงต้องจำยอมกินข้าวหมูแดง+ข้าวผัดกะเพรา+น้ำอีกขวดใหญ่
กระทั่งได้เวลาประมาณ 4โมงเย็น ผู้คุมที่เฝ้าอยู่หน้าห้องก็บอกว่า "รองเท้า กระเป๋า รองเท้า ทรัพย์สิน ห้ามเอาติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว ยกเว้นเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เท่านั้น" "ไม่มีญาติมา ก็ถอดทิ้งไว้ที่นี่ ถ้าญาติมาค่อยมารับคืนที่นี่"
เค้าจะมีตู้เก็บไว้ให้แบบลวกๆ
ก่อนออกจากห้อง ผู้คุมก็จะใส่กุญแจมือคนใหม่ไว้ด้วยกัน4คน ในรถนั่นมีทั้งผู้ต้องขังเก่าที่ศาลเบิกตัวมา และผู้ต้องขังใหม่ เบียดเสียดกันในรถ (ร้อนตีนมาก พื้นรถเป็นเหล็กไม่ได้ใส่รองเท้า) ผมรู้สึกอื้ออึงไปหมด มันคิดฟุ้งซ่าน ยอมรับว่ากลัวเหมือนกัน แต่ละคนน่ากลัวทั้งนั้น
จนกระทั่งถึงเรือนจำ... ประตูของเรือนจำจะมี 3-4 ชั้น พอรถจอดผู้ต้องขังใหม่จะลงจากรถและไปตรวจค้นสิ่งของต้องห้ามก่อน ในด่านนี้ต้องแก้ผ้าหมดทุกคน แล้วผู้คุมจะให้ยืนกางขา อ้าแขน ยกมือ เอามือสะบัดผม อ้าปาก แหกก้น ส่วนเสื้อผ้าที่เราใส่มา "ผู้ช่วยงาน" (ซึ่งเป็นนักโทษด้วยกันนี่แหละครับ) จะเป็นคนค้นทั้งหมดทุกชิ้น ถ้าเป็นกางเกงขายาวเค้าจะใช้กรรไกรตัดให้สั้น ถ้าเสื้อผ้ามีของมีคมที่เป็นอาวุธได้ เค้าจะตัดออก
หลังจากตรวจของแล้ว ก็จะมี "ผู้ช่วยงาน" เดินนำผู้ต้องใหม่ไปยัง "แดน5" ซึ่งเป็นแดนที่รับผู้ต้องขังใหม่ เรือนจำแห่งนี้จะมีทั้งหมด 6 แดน รองรับนักโทษได้ 3,000คน แต่ตอนผมติดอยู่ มีประมาณ 5,000กว่าคน ผู้ต้องขังโทษสูงสุดไม่เกิน 15 ปี ถ้าเกินกว่านี้ จะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม
แดน 1 - เป็นแดนที่เล็กสุด มีนักโทษประมาณ 400 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีทั่วไป แดนนี้เค้าว่ากันว่าเป็นแดนที่สบายที่สุด (สำหรับนักโทษ) สบายในที่นี้ก็คือ นักโทษในแดนนี้ สามารถออกไปทำงานช่วยเหลือสังคมข้างนอกได้ เช่น ล้างท่อน้ำ (แบบที่เห็นในหนัง นช. นักโทษชาย) เก็บขยะตามคลอง ตัดต้นไม้ใบหญ้าภายในพื้นที่ของเรือนจำ (ต้องมีญาติเซ็นรบรอง และเงินค้ำประกัน 30,000บาท) และ เป็นแดนที่เป็นโรงครัวทำอาหารให้นักโทษทั้งเรือนจำกว่า 5,000 ชีวิต ผู้ต้องขังเก่าที่ศาลเบิกตัวไป จะกลับมากินข้าวที่แดนนี้เท่านั้น (ยกเว้นนักโทษใหม่ที่ต้องไปกินที่แดน 5)
ผู้ต้องขังที่จะย้ายมาแดนนี้ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษที่ใกล้จะพ้นโทษแล้ว (หรือพวกฝาก พวกเส้น ยัดเงิน) ไม่ต้องทำงานอะไรมากมาย ยกเว้นพวกที่ทำอาหาร และพวกที่ได้ออกไปช่วยงานสังคมข้างนอก
การช่วยงานสังคมข้างนอกแดน จะได้วันลดโทษด้่วย เช่น ออกช่วยงานสังคม 1 วัน จะได้วันลดโทษ 1 วัน แต่ 1 เดือน จะออกได้ไม่เกิน 10 วัน หมุนเวียนนักโทษกันไป
แดน 2 - มีนักโทษประมาณ 400 คน เป็นแดนที่เรียกว่า "ส่วนควบคุมพิเศษ" เพราะนักโทษในแดนนี้ ถูกตัดสินจำคุกมากกว่า 10 ปี จำเป็นต้องคุมเป็นพิเศษเนื่องจาก เป็นนักโทษจำคุกมากกว่า 10 ปี เรือนนอนทุกห้อง จะมีกล้องวงจรปิด 2 ตัว (ฟังเค้าเล่ามาอีกที) ไม่ต้องทำงานอะไรมาก
แดน 3 - มีนักโทษประมาณ 500 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษคดี เสพยา โทษไม่เกิน 2-3 ปี เรียกได้ว่าเป็นแดนบำบัดยาเสพติด, ให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด
แดน 4 - มีนักโทษประมาณ 1,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษคดี เสพยา คล้ายแดน 3 โทษไม่เกิน 2-3 ปี แดนนี้จะมีสนามบอล, สนามเปตองไว้จัดแข่งระหว่างแดนผุ้ต้องขังในเรือนจำ งานที่ผู้ต้องขังต้องทำบางทีก็เย็บรองเท้า, แพคสำลี ฯลฯ จิปาถะ
แดน 5 - มีนักโทษประมาณ 1,200 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษคดี จำหน่ายยาฯ โทษไม่เกิน 10 ปี แดนนี้เป็นแดนแรกรับ ผู้ต้องขังใหม่ทุกคนต้องมาสอบประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ตัดผม โกนหนวด ที่แดนนี้ มีห้องสมุด ห้องเรียน ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องศิลปะ ผู้ต้องขังต้องมาเรียนที่นี่เท่านั้น
แดน 6 - สถานพยาบาล (พ.บ.) มีนักโทษประมาณ 1,200 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษคดีทั่วไปทั้งหมด โทษไม่เกืน 10 ปี พวกลักทรัพย์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์, วิ่งราว, ต่างด้าว, พรบ.ปืน, ฉ้อโกง, ยักยอก, พรบ.เช็ค, เมาขับ, ฆ่าฯ ฯลฯ มีสถานพยาบาลของเรือนจำอยู่ในแดนนี้ ผู้ต้องขังที่จะหาหมอต้องมาที่แดนนี้เท่านั้น เป็นแดนที่แออัดที่สุด เพราะต้องรับนักโทษที่ระบายมาจากแดน 5 หรือแดนอื่นๆ ต่างด้าวเยอะมากกกกก พม่า,เขมร,ลาว บางทีมากันเป็นร้อย
เอาล่ะครับ อธิบายลักษณะของเรือนจำไปแล้ว เข้าเรื่องต่อดีกว่า...
หลังจากผมผ่านประตูเข้าแดน 5 มาแล้ว ก็จะมี "ผู้ช่วยงาน" มาพิมพ์ลายนิ้วมือ สอบประวัติว่า พ่อ-แม่ชื่ออะไร ที่อยู่, การงาน, พี่-น้องชื่ออะไร, มีแผลเป็นที่ไหน, เรียนจบที่ไหนอย่างไร, บวชรึยัง ฯลฯ พวกนี้เป็นนักโทษเหมือนเรา แต่พูดจาได้หยาบปลวกมาก ถามอะไรก็ตะคอกมั่ง หัวเราะเยาะมั่ง
หลังจากนี้ ผชง. ก็จะตัดผมคนใหม่ทุกคนให้สั้นเกรียน (เสียดายผมมากๆ เพิ่งทำสี+ดัดมา) ระหวางนั้น เหลือบไปเห็นกะเทยนางหนึ่ง ผมยาว หน้าตาค่อนข้างดี โดนตัดผม ตัดปุ๊บ ดูไม่จืดเลย
เสร็จจากขั้นตอนนี้ ผชง. ก็จะเดินพาไปที่อาบน้ำ ลักษณะที่เห็นแบบในหนัง กลางแจ้ง ตอนนั้นประมาณ ทุ่มกว่าๆ แล้ว ต้องแก้ผ้าอาบทุกคน กะเทยก็ไม่เว้น มีสบู่เน่าๆ กับขันให้อาบราด 5-6 ทีแค่นั้น
ตอนนั้นผมไม่อายอะไรอีกแล้ว เพราะไม่ได้อาบน้ำมา 2 วันแล้ว แต่ไม่ได้แคร์อะไร เค้าให้อาบก็อาบ ล้างเศษผมตันๆ ด้วย
อาบเรียบร้อย ก็ใส่เสื้อผ้าทั้งที่ตัวยังเปียกนั่นแหละ มอมมาก สภาพตัวเองถ้ามีกระจกคงดูไม่ได้
นาทีแรกที่เห็นภาดข้าวกินไม่ลงจริงๆ ครับ ถาดสแตนเลสมันแผลบและดำมาก เหมือนกับจุ่มน้ำแล้วตาก กับข้าวเป็นต้มผักเย็นๆ ไม่มีเนื้อ ไม่มีรสชาติอะไรเลย ผมกินข้าวเปล่า 2 คำ และไม่กินอีกเลย
กินเสร็จก็รวมนับเพื่อจะขึ้นเรือนนอนชั้นบน... ต่อนะครับ การขึ้นเรือนนอนชั้นบน ต้องมีผู้คุม หรือ "นาย" พัสดีเวร มาเปิดและปิดขังเท่านั้น ลักษณะของตึกเรือนนอนจะมี 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นโรงเลี้ยงอาหาร ชั้น 2 เป็นโรงฝึกอาชีพ (ทำงานนั่นแหละ) ชั้น 3-4 เป็นเรือนนอน จะมีชั้นละ 16 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งละ 8 ห้อง รวม 32 ห้อง แต่ละห้องมีนักโทษประมาณ 35-45 คน
แว๊บแรกที่เห็นห้องนอน โอ้...แม่เจ้า ให้นึกภาพตามนะครับ ห้องขนาด 4x10 เมตร มีห้องน้ำอยู่ท้ายห้อง เอ...อย่าเรียกว่าห้องน้ำดีกว่า ผมไม่รู้จะเรียกอะไร (ที่นี่เรียกกันว่า box "ไปเข้า box ก่อนนะ" อะไรเงี้ยครับ) มันไม่มีประตู ไม่มีอะไรเลย แค่กำแพงปูนสูงแค่เอว แล้วโถชักโครกขอบอกว่า "โสโครกมาก" ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตครับ โฮกกกกกกกก แถมช่วงหลัง 6 โมงเย็นน้ำก็ไม่ไหล ตอนน้ำไหลต้องรองน้ำใส่ขวดไว้ เวลาถ่ายหนักจะได้มีน้ำล้าง+ราด 40 ชีวิต ในห้องๆ เดียว ส้วมก็ใช้ร่วมกัน แถมน้ำไม่ไหล หยือ!! ในห้องทุกห้องจะมี ทีวี 21นิ้ว แขวนไว้ทุกห้อง
ผมละคนใหม่อื่นๆ เข้าห้อง 3/12 ชั้น 3 คนใหม่ส่วนใหญ่จะนอนห้องนี้ และจะจำแนกห้องอีกภายใน 3-4 วัน หลังจากปิดขังแล้ว หัวหน้าห้องก็ถามและพูดคุยกับคนใหม่
"ใครมีคู่คดี ใครมีโจทก์ในแดนนี้ ให้บอกก่อน มีมั้ย จะได้บอก "นาย"
บอกกิจวัตรประจำวัน นายจะเปิดขัง 7 โมงทุกวัน นั่งรวมใต้ตึกเช็คยอดตรงไหน สำหรับคนใหม่ จะถูกกักตัวไว้ไม่ได้ลงไปข้างล่าง 1 วัน เพื่อรอดูอาการว่า ใครเป็นโรคอะไรรึเปล่า จะได้ไม่แพร่เชื้อสู่นักโทษคนอื่นๆ
เวลา (แต่ละเรือนจำคงไม่เหมือนกัน) ข้าวเช้า 7.30น. เข้าแถวเช็คยอด 8.00น. ข้าวกลางวัน 11.30น. ข้าวเย็น 15.00น. ขึ้นเรือนนอน 15.30น. สวดมนต์ 20.00น. นอน 21.00น.
แจกแจงเรื่องกฎระเบียบเรียบร้อย ผมก็เข้านอน ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะหลับลง มันเบียดกันมาก ผมต้องนอนตะแคง แต่ก็หลับไปเพราะเพลียมาก เนื่องจากเครียด+คิดมากหลายๆ เรื่อง ผมรู้สึกตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน 6โมงเช้าแล้วหรือนี่?? วันนี้คนใหม่ทุกคนยังไม่ต้องลงข้างล่าง จะมีคนเอาอาหารขึ้นมาให้ 3 เวลา ผมไม่ทำอะไร ไม่คุยกับใครทั้งนั้น นอนอย่างเดียว อยากจะนอนให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ แป๊ปๆ เรียกกินข้าว แป๊ปๆ เรียกกินข้าว
ในตอนนั้น ผมนอนคิดเรื่องต่างๆ ข้างนอกจะเป็นยังไง จะมีใครมีเยี่ยมผมมั้ย? จะมีใครรู้มั้ยว่าผมติดคุก? เรื่องแฟนที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ผมไม่อยากให้เค้ารู้ เค้าจะสงสัยมั้ยว่าผมหายไปไหน? มันเครียดมากจริงๆ ครับ ใครไม่เจอกับตัวจะไม่รู้เลย ทั้งสถานที่ บรรยากาศในคุก กลิ่นควันยาสูบ, บุหรี่ เรียกได้ว่า ว่างเมื่อไหร่เป็นดูดยาเลย ช่องระบายอากาศก็ไม่ค่อยมี พ่นควันกันพุ้ยๆ อย่างกะเวทีคอนเสริต ผมเป็นคนไม่สูบบุหรี่ เอาเป็นว่า 40 คน สูบบุหรี่ 35 คน แถมอากาศร้อนมาก ขนาดมีพัดลมเพดาน 4 ตัว นอนเหงื่อออกทั้งคืนเลยครับ
นักโทษที่อยู่ในคุก 90% จะมีรอยสักเกือบทุกคน บ้างก็มีนิดหน่อยเท่าฝ่ามือ บ้างก็เยอะทั้งตัว ทั้งลายยันต์ ลายกราฟฟิค ลายจิปาถะ บางคนก็สักมาตั้งแต่ข้างนอก บางคนก็สักในนี้ (ลักลอบสัก)
ความจริง การสักนี้เป็นเรื่องต้องห้ามนะครับ ถ้าผู้คุมจับได้ มีโทษสถานหนัก ทุกครั้งที่มีการสอบประวัติ ก็จะมีการตรวจรอยสักทั้งตัวด้วย ว่ามีการสักเพิ่มระหว่างอยู่ในเรือนจำหรือเปล่า รอยสักนี่มีผลต่อการทำวันลดโทษ, การเลื่อนชั้นของนักโทษ ฯลฯ
2-3 วันแรกเป็นอะไรที่ลำบากมากครับ สุดๆ แล้วในชีวิต ซ้ำยังติดวันหยุดสงกรานต์ที่มีม๊อบเสื้อแดง รัฐประกาศหยุดทั้งสัปดาห์ ฝ่ายเยี่ยมญาติของเรือนจำปิด ทรมานมากครับ ข้าวก็ไม่กิน เพราะไม่มีช้อน บวกกับกินไม่ลงด้วย เชื่อมั้ยว่า 3 วัน ผมกินข้าวไปแค่ 3 ข้อน นี่งคิดนอนคิดว่าข้างนอกจะเป็นไงบ้าง ครอบครัว พ่อแม่ แฟน การงาน เฮ้อออออ ชีวิต ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาเจอแบบนี้
วันหยุดราชการ นักโทษไม่ต้องทำงานครับ ส่วนใหญ่ก็นั่งๆ นอนๆ บ้างก็เล่นหมากรุก (แรกๆ ก็งงว่าหามาจากไหน) แล้ววันหยุดเนี่ย เป็นวันแห่งการซักผ้าและทำความสะอาด เพราะสามารถตากผ้าไว้ตรงไหนก็ได้ทั้งแดน จะอาบน้ำตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องอาบตามเวลา อาบได้ทั้งวัน
ผมไม่รู้จะทำอะไรก็นอนอย่างเดียว หามุมสงบๆ นอน จู่ๆ กะเทยนางนั้นที่เข้ามาพร้อมผมก็เข้ามาทัก เราคุยกันได้ซักพัก ก็ได้รู้ว่า ชื่อโอเล่ เป็นชาวลาว บ้านเกิดอยู่แขวงสะหวันนะเขด อายุ 25 ปี เข้ามาอยู่ กรุงเทพฯ ได้ประมาณ 7-8 ปีแล้ว มาพร้อมกับแม่ซึ่งเป็นชาวลาวเหมือนกัน แต่แม่แต่งงานใหม่กับชายไทย จึงได้สัญชาติไทยไปด้วย
โอเล่ถูกจับในคดีปลอมแปลงเอกสาร และพรบ.คนเข้าเมือง เนื่องจากใช้บัตรประชาชนปลอม ผมอยากรู้เลยถามว่าปลอมได้ด้วยหรอ เค้าบอกว่าได้ ง่ายมากๆ เสียเงินประมาณ 10,000 บาท ได้ทั้งบัตรประชาชน และ ทะเบียนบ้าน ถ้าไม่ได้เปิดฐานข้อมูลดูไม่รู้เลยครับว่าเป็นของปลอม ส่วนทำที่ไหนผมขอไม่เปิดเผยนะครับ
โอเล่จึงชวนผมไปแถวหลังห้องศิลปะ แนะนำให้ผมรู้จักชายคนนึง หลายคนเรียกเขาว่า "น้าต่าย" น้าต่ายอายุประมาณ 50 ปี ไม่มีลายสักที่ตัว หลังจากที่พูดคุยกันได้ซักพัก น้าต่ายก็เอาช้อนให้ผมไว้กินข้าว น้าต่ายโดนจับคดัจำหน่ายเมทฯ ศาลจัดสินจำคุก 5 ปี รับสารภาพเหลือ 2 ปี 6 เดือน แกบอกผมว่า แกติดคุกมา 22 ปีแล้ว เข้าๆ ออกๆ แบบนี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบ มศว. เนื่องจากผมเป็นนักโทษใหม่ ไม่มีเงินในบัญชี และติดวันหยุดญาติมาเยี่ยมไม่ได้ ซื้อของกินของใช้ไม่ได้ เห็นคนอื่นกินข้าวแกงที่เป็นถุงๆ โอ๊ยยยย อยากกินมากเลยครับ อาหารในโรงเลี้ยงมันกินไม่ได้จริงๆ
หลังจากนั้นผมก็จะเดินมาหาน้าต่ายที่หลังห้องศิลปะตลอด เพราะคิดว่าเป็นคนเดียวที่คุยกับผมได้ ผมได้ฟังเรื่องราวชีวิตของแก แกเรียนจบศิลป์ฯ ที่ มศว. ส่วนฝีมือวาดรูปของแกนั้นระดับอาจารย์เลยทีเดียว เพราะทางเรือนจำจะให้แกวาดรูปขนาดใหญ่ใส่กรอบรูปนึงราคาหลายพันบาท ตั้งขายที่ผลงานของผู้ต้องขังหน้าเรือนจำ แต่เงินปันผลที่ได้จากการขายรูป ปีที่แล้วแกวาดทั้งปี ได้แค่ 24 บาทเข้าบัญชีนักโทษ นอกจากนี้ พัสดียังให้แกเป็นอาจารย์ศิลปะ สอนนักโทษวาดรูปทั้งเรือนจำ ไม่น่าเชื่อว่าแกจะรู้จักคนที่มีชื่อเสียงหลายคน จนหลายๆ ครั้งผมต้องพูด
"จริงหรอ...จริงหรอครับ" อยู่บ่อยๆ
น่าแปลกที่แกยอมรับว่าถ้าพ้นโทษออกไป แกก็ต้องทำอีกเหมือนเดิม
น้าต่ายแกไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย ผมถามว่าทำไม ได้รับคำตอบว่า คนที่บ้านเอือมระอา ไม่มีใครอยากมาเยี่ยมแล้ว ว่างๆ จะมีคนเอารูปมาให้แกวาด พวกรูปเหมือน วาดเสร็จแล้วส่งให้ทางบ่้าน อะไรประมาณนั้น ส่วนค่าจ้างก็แล้วแต่คนจะให้ไม่ได้หวังอะไร บุหรี่บ้าง นมกล่องบ้าง เป๊ปซี่กระป๋อง ฯลฯ
จนกระทั่งเปิดทำงานวันแรกหลังจากหยุดสงกรานต์ต่อเนื่องมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ มีนักโทษใหม่เข้ามาเยอะเป็นพิเศษ วันนึงรับเข้าประมาณ 10 คน แต่ปล่อยวันนึงแค่ 2-3 คน การอบรมนักโทษใหม่จึงเริ่มขึ้น จะมีหมอ กับ พัสดีที่คุมนักโทษมาแนะนำการใช้ชีวิตในเรือนจำ ไม่สบายหาหมอต้องทำยังไง ฯลฯ
โรคส่วนใหญ่ที่เป็นกันมากในเรือนจำ คือ TB หรือ วัณโรค และโรคเอดส์ ในเรือนจำมีผู้ติดเชื้อ HIV กันเป็นจำนวนมาก นักโทษ 100 คน จะเป็นกันซัก 2 คน ทั้งได้รับเชื้อจากนอกเรือนจำและภายในเรือนจำ จากการสักร่างกาย และ มีเพศสัมพันธ์ (ไม่แปลกนะเออ)
สำหรับพวกกะเทย, เกย์, ชายรักชาย พบ.ก็จะมีถุงยางอนามัยแจกให้ ไปขอได้เลย ส่วนชีวิตของพวกนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่กินกันฉันผัวเมีย หรือไม่ก็มีคนเลี้ยงแลกกับกายบ้างก็มี รายละเอียดลึกๆ ผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ
ระหว่างฟังการอบรม ผมก็นั่งฟังรายชื่อออกเยี่ยมญาติ รอบเช้าไม่มี เฮ้ออออ... จนรอบบ่อยเกือบจะสุดท้ายได้ยินเสมียนแดนประกาศชื่อ ผมดีใจมาก ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ
การออกเยี่ยมญาติ ต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดหลวง (ชุดนักโทษ) ห้ามใส่รองเท้า, กางเกงใน ก่อนออกนอกแดนและก่อนกลับเข้าแดน จะโดนตรวจค้น ตอนเดินออกไปห้องเยี่ยมญาติ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้ใส่รองเท้าออกไป มันคงยัดยา, ยัดระเบิดมาไม่ได้หรอก เดินตีนเปล่ากันออกมาทุกคน ร้อนมาก ตีนพองกันเลยทีเดียวครับ
วันนี้คนเยี่ยมญาติเยอะมาก เพราะติดวันหยุดยาว ทางเดินไปห้องเยี่ยมจะเป็นอุโมงค์กว้างประมาณ 2 เมตร ต้องรอเรียกเบอร์ตามคิว ผมนั่งรอด้วยความตื่นเต้น ประมาณ 45 นาทีก็ถึงคิวผม จะมีทั้งหมด 5 ห้อง แต่ละห้องจะมีผู้ต้องขังเข้าไปประมาณ 7-8 คน รอบละ 20-30 นาที แต่วันแรกที่ญาติผมมา ได้คุยแค่ประมาณ 15 นาทีเอง จึงไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมาก ให้ฝากเงินกับซื้อของกิน ของใช้ เท่านั้นเองครับ
เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังใหม่ สัปดาห์แรก ญาติสามารถมาเยี่ยมได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นญาติครับ เป็นเพื่อน หรือใครก็ได้ ฝากเงินและซื้อของได้เหมือนกัน แต่หลังจาก 7 วันแล้ว จะเยี่ยมได้แค่ จันทร์ - พุธ - ศุกร์ 8.00-14.00น.
ฝากเงินได้วันละไม่เกิน 5,000 บาท แต่ผู้ต้องขังจะใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 บาท
ซื้อของได้ 1 ถุงใหญ่ จำกัดแค่นั้น
ญาติผู้ใหญ่ผมช่วง 7 วันแรก มาเยี่ยมทุกวันครับ ผมก็เกรงใจ เพราะมาครั้งนึงเสียเวลา 3-4 ชม. เสียเงินซื้อของครั้งละ 1,000.- ฝากเงินอีก 1,000.-
ขอเล่าเสริมในมุมผู้เยี่ยมค่ะ (เคยไปเยี่ยมญาติบ่อยมากๆ) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ(ชาย)
มีมินิซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ซื้อของ และปิดผนึกตอนจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ของใช้ ญาติใครมีเงินก็กินอยู่ดี และสามารถสั่งผ่านเจ้าหน้าที่เรือนจำที่รับออร์เดอร์ เชสเตอร์กลิล , เคเอฟซี , เอสแอนด์พี , Mc ไปให้คนข้างในได้ ส่งผ่านเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่นี้ (ญาติสั่ง จ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ตรวจรับและนำส่งในแดน ถูกกฎนะคะไม่ใช่แอบเข้าไปเป็นสวัสดิการค่ะ) บางครั้งเราสั่งให้ จนญาติอีกคนบอกว่า นักโทษกินดีกว่าญาติอีก สั่งเอสแอนด์พีให้เค้าบ่อยมากๆๆ
และหากสั่งอาหารเป็นมื้อๆก็มี ที่สโมสร สามารถสั่งอาหารเป็นรายเดือนได้(ผูกปิ่นโต) โดยเราเขียนรายการอาหารและขนม จากนั้นจ่ายเงินล่วงหน้า
เอ่อ..แดนหนึ่งเค้าเรียกแดนไฮโซหรือแดนแรกรับ ใครๆ(นักโืทษ)ก็อยากอยู่ ยืนยันตามจขกท
เวลาไปเยี่ยม ถือว่าทุ่มเทพอสมควร เพราะ รอคิวเข้าเยี่ยม รอคิวซื้อของ รอคิวฝากเงิน เหนื่อยและร้อนเพราะต้องเดินตากแดดไปสโมสร หากฝนตกก็ต้องวิ่งฝ่าฝนไป ขากลับก็วิ่งฝ่าฝนกลับมาพร้อมของเต็มมือ
ที่นั่น เงินสำคัญที่สุด(ข้างนอก) ส่วนข้างในบุหรี่สำคัญที่สุด(ใช้ระบบบราเตอร์) หลังจากเยี่ยมญาติเสร็จแล้ว เราต้องเดินกลับเข้าแดนมาเอง ถ้าญาติซื้อของเค้าจะประกาศเรียกเป็นรอบๆ ช่วงที่เราเดินไปเอาของจะมีพวกผีมาคอยขอส่วนบุญ ==' ส่วมผมจะให้ "น้าต่าย" ไปรับแทนทุกครั้ง เพราะเป็นคนเก่า และไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งกับแก ได้มาก็เก็บไว้แบ่งแกกินบ้าง แบ่งยัยโอเล่กินบ้าง
ถ้าเป็นพวกติ๋มๆ ก็จะโดนพวกขาใหญ่ไถทุกครั้งที่มีของเยี่ยมญาติส่งเข้ามา บางทีทั้งถุง 10 ชิ้น ไม่ได้ซักชิ้นก็มี
ผมใช้ชีวิตแบบเดิมๆ จนผ่านไป 7 วัน ก็ได้รู้จักกับ "ป้าหรั่ง" ซึ่งยัยโอเล่แนะนำมาให้รู้จัก ป้าหรั่งเข้ามาหลังผมได้ประมาณ 10 วัน (เรือนจำแดนนี้ เค้าจะเอาคนแก่อายุ 55-60 ขึ้นไปกับพวกกะเทยนอนรวมกัน)
แว๊บแรกที่ผมเห็น "ป้าหรั่ง" นึกว่าแกคงเป็นพวกนักธุรกิจ หรือพวกอาแปะขายของ แต่พอแกพูดว่า
"ว๊ายยย...ลำบากมากเลยเนี้ยยย ข้าวก็กินไม่ค่อยลง นอนไม่หลับ เสื้อผ้าก็ไม่มี ใส่ชุดเดิมมา 2 วันแล้ว"
อ้าว ป้าเป็นกะเทยหรอ กำ
หลังจากพูดคุยกับ "ป้าหรั่ง" แกอายุประมาณ 53-54 ปี แกโดนจับคดี พรบ.สถานพยาบาลฯ (คลินิคเถื่อน) เป็นคดีความตั้งแต่ปี 2548 แต่แกสู้มาตลอด ประกันตัว 3 ชั้นศาล จนศาลไม่ให้ประกันตัวแล้ว แกโดนจับวันนั้น และศาลตัดสินวันนั้นเลย ไม่ต้องรอฝากขัง (เออดีเนอะ แล้วผมจะบอกว่าดียังไง)
"ป้าหรั่ง" แกเล่าว่า คลินิคที่ทำอยู่เป็นพวก ศัลยกรรม ฉีดหน้า ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดนม ฉีดก้น จนถึงฉีดอวัยวะเพศ แกบอกว่ารายได้ดีมากกกกก พวกดาราหลายคน ก็รู้จักกับแกนะเออ (ป้าแกเผาหมดเปลือกเลย พวกดาราเนี่ย)
เอาเป็นว่า เงินที่แกได้แต่ละวัน ใส่กระเป๋าหลุยส์วิตตอง ใบใหญ่ เต็มกระเป๋า ไม่ต้องนับเงิน โยนเข้ากระเป๋าอย่างเดียว
โอ๊ยยยยยย ป้าาา ครับบบบบ ออกไปจะไปทำกับป้าด้วยได้มั้ยเนี่ย อิอิ
"ป้าหรั่ง ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน แต่รับสารภาพ ลดกึ่งนึงเหลือ 3 เดือน โอ้...น้อยกว่าผมครึ่งนึง แต่ถ้าเทียบผมกับคนอื่นแล้วดูจิ๊บๆ ไปเลย แต่ละคน มากกว่า 3 ปีทั้งนั้น แกเล่าว่า คดีของแกต้องใช้ผู้พิพากษาถึง 3 คน ช่วยกัน (มันคงจะยากมากเลยมั้ง)
ทั้งผม โอเล่ และป้าหรั่ง เพิ่งจะติดเป็นครั้งแรก เลยต้องปรับตัวอย่างหนัก
ส่วนตัวผมเอง ตอนนั้นไม่ค่อยคิดถึงเรื่องข้างนอกแล้ว คิดแต่ว่าอยู่ข้างในนี้จะเอาตัวรอดยังไง มื้อต่อไปจะมีอะไรกิน พยายามทำตัวให้ดี ไม่งั้นอาจโดนไม้กระบองได้ ==' แต่ผมก็ไม่เคยโดนนะ
มันก็มีบ้างนะครับที่คิดถึงบ้าน คิดถึงที่นอนสบายๆ เตียงนุ่มๆ อาหารที่อาม่าทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมชอบบ่นอยู่บ่อยๆ ว่ามันไม่อร่อย มันไปบ้าง เค็มไป หวานไป ค้างคืนตั้งหลายวัน ทำแบบอื่นได้มั้ย เบื่อ ฯลฯ สารพัดจะบ่น
แต่ตอนนี้รู้ซึ้งเลยครับ กับข้าวของอาม่าอร่อยมากๆ ผมคิดเรื่องนี้ตอนอยู่ในคุก ผมน้ำตาซึมทุกที ผมอยากจะร้องไห้ ผมพูดทำร้ายจิตใจอาม่า แต่แกไม่เคยโกรธ แกมาเยี่ยมผมทุกครั้ง ถ้าเปิดให้เยี่ยมทุกวัน แกก็คงมาทุกวัน หลังจากนั้นผมกับ "ป้าหรั่ง" ก็กลายเป็นคู่บัดดี้กันไปโดยปริยาย ผมอยู่ไหน ป้าหรั่งก็อยู่นั่น กินข้าวด้วยกัน ทำงานด้วยกัน
ผมกินข้าวได้มากขึ้น เพราะมีเงินในบัญชี สามารถสั่งซื้อกับข้าวได้แล้ว ไม่ต้องไปนั่งกินกับข้าวหลวงในโรงเลี้ยงอีก
ระบบขับถ่ายเริ่มกลับมาเป็นปกติ เชื่อมั้ยครับว่า 3 วันแรก ผมปัสสาวะแค่ 2 ครั้ง ผมไม่ถ่ายหนักเลย 15 วันถ่ายครั้งนึง
การอาบน้ำ เนื่องจากป้าหรั่งแกเป็นกะเทย ไม่อยากอาบน้ำรวมกับคนอื่นๆ ผมกับน้าต่ายจึงเอาถังไปตักน้ำมาให้แกอาบทุกวัน
อ้อ..ที่นี่เค้าห้ามแก้ผ้าอาบน้ำนะครับ ถ้าผู้คุมเห็นโดนไม้กระบองทันที ต้องใส่กางเกงใน
การทำงานของแดน 5 นั้น จะมีหลายกองงาน กระจายๆ คนกันไป
1. กองงานกล่อง - พับพวกกล่อง ตอนที่ผมอยู่นั้น พับกล่องที่เค้าเอาไปใส่ไก่ทอด "ผู้พัน" (คงจะรู้นะครับว่ายี่ห้ออะไร) ต้องทากาว และนั่งพับๆ ทีละใบๆ มันน่าขำตรงที่ว่าข้างกล่องเขียนว่า "กล่องนี้ผ่านการฆ่าเชื้อ" ดูจากการแพคกิ้งหลังพับเสร็จแล้ว เค้าจะเอาส่งไปตามสาขาเลย คงไม่ได้ฆ่าเชื้อหรอก ==' ใครที่ชอบกินแบบสั่งกลับบ้าน กล่องกระดาษสีน้ำตาลน่ะ
"ฝีมือผมกับป้าหรั่ง และนักโทษนะ 5555"
2. กองงานพับถุงกระดาษ - พับพวกถุงกระดาษที่เค้าใส่ให้ลูกค้าตามห้าง หรือร้านค้า หลายยี่ห้อดังๆ
3. กองงานสบู่ - ทำพวกสบู่ ทำยังไงผมไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้เข้าไปเห็น
4. กองงานถ้วย - พับถ้วยกระดาษ ถ้วยกระดาษที่เรากินตามโรงพยาบาล ตามห้าง หรือออฟฟิศนั่นแหละ !! ไม่ได้ใช้เครื่องจักรนะครับ ฝีมือนักโทษทั้งนั้น เค้าจะนั่งคลี่กระดาษ เอากาวทาๆ แล้วจะมีกรวยทรง 3 เหลี่ยม ทำทีละใบๆ แต่อันนี้เค้าจะเอาไปฆ่าเชื้ออีกครั้งนึง สบายใจได้ครับ
ยังมีอีกหลายกองงานที่ผมไม่รู้ และยังไม่ได้สัมผัส เอาไว้ผมจะเล่าในส่วนต่อไปเมื่อผมย้ายไปแดน 6 ละกันนะครับ ช่วงปลายเดือนเมษา เป็นครั้งแรกที่ผมต้องออกศาลไปเซ็นรับหมายฝากขังต่อ ผมจะต้องไปรับหมายทุกๆ 6 วัน เป็นเวลา 4 ครั้ง ผู้คุมจะมาเปิดขังตั้งแต่ 6 โมงเช้า ผมรีบอาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนชุดหลวงเพราะกลัวไม่ทันคนอื่นเค้า วันนี้แดน 5 มีคนออกศาลประมาณ 10 คน
ก่อนจะขึ้นรถก็ต้องรอตรวจค้น, พิมพ์ลายนิ้วมือ, ใส่โซ่ตรวน (ยกเว้นคนพิการ) โอ้...รู้สึกเหมือนนักโทษขึ้นมาบ้าง เหมือนในหนังเลย กลางสายโซ่จะมีเชือกให้เราดึงขึ้นเวลาเดินจะได้ไม่เสียงดังครับ แดน 1 จะเตรียมข้าว+กับข้าว ให้เราแบกหม้อขึ้นรถไปด้วย เพราะต้องไปทั้งวัน กลับอีกที 5 โมงเย็น
ผมคิดในใจว่าวันนี้ ตรงกับวันเยี่ยมญาติเค้าจะรู้มั้ยว่าผมไปศาล ผมจึงถามคนข้างๆ เค้าบอกว่าที่บอร์ดจะพิมพ์ประกาศรายชื่อไว้ ว่าใครออกศาลบ้าง ใครย้ายเรือนจำบ้าง ถ้าเค้ารู้น่าจะตามมาที่ศาล ผมจึงโล่งอกหน่อยนึง
ซักประมาณ 10 โมงกว่าๆ อาม่าและอาก็มาถึงใต้ถุนศาล มีข้อดีตรงที่ญาติสามารถยืนคุยตรงนั้นได้เลย นานเท่าไหร่ก็ได้จนกว่าเราจะกลับเรือนจำ ไม่เหมือนกับเยี่ยมที่เรือนจำ ญาติสามารถซื้อข้าว-น้ำ-ขนม จากข้างนอกให้นักโทษได้ พอถึงวันใกล้ฝากขังทีไร ผมตื่นเต้นทุกที เพราะจะได้กินกับข้าวฝีมืออาม่า และคุยกับญาติๆ ให้หายคิดถึงกันไปเลย
เหมือนอาม่าจะรู้ วันนี้อาม่าทำกับข้าวมาให้กินเยอะมาก ปลาเก๋าทอด กะเพรากุ้ง พะแนงหมู พร้อมกับพริกน้ำปลามะนาวถุงใหญ่ กินคนเดียวคงไม่หมด ผมจึงเรียกนักโทษที่มาด้วยกัน 4 คนกินข้าวด้วยกัน ทุกคนบอก
"ไม่ได้กินข้าวแบบนี้มานานแล้ว ต่างกับรสชาติในคุกเหลือเกิน"
4 คนนี้ไม่มีญาติมาที่ศาลนอกจากผมคนเดียว
การซื้อขายแลกเปลี่ยนในคุกนั้น ปกติข้างนอกจะใช้ "เงิน" แต่ในนี้จะใช้ "บุหรี่" บุหรี่ญาติไม่สามารถซื้อได้นะครับ ไม่มีขาย ต้องเบิกซื้อจากร้านค้าในแดนเท่านั้น มีบุหรี่ ยาเส้นขาย แต่ไม่มีไฟแช็กขาย แปลกมาก แต่ผมก็เห็นคนมีไฟแช็กใช้ มันมาได้อย่างไร ลองติดตามต่อไปเรื่อยๆ ผมจะเล่าให้ฟัง
เงินในบัญชีที่ญาติฝากให้ใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 บาท จะซื้อเลยไม่ได้นะครับ ต้องจดบิลส่ง พรุ่งนี้ถึงจะได้กิน หลายบ่นว่าที่อื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้ (โอ๊ววว..แสดงว่าติดกันมาหลายรอบแล้วสิ) อย่างเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จะมีบัตร smart card ของนักโทษแต่ละคน จะกินอะไรก็รูดซื้อเอาเหมือนบัตรเครดิตเลย มีสลิปออกมาให้เสร็จ และมีอาหาร-ขนมให้เลือกเยอะกว่ามาก บุหรี่ก็มีขายจะเอายี่ห้ออะไรเลือกเอาเลย (ผมไม่รู้นะ ฟังเค้าเล่ามาอีกที)
แกงถุงละ 22 บาท, ขนม 12 บาท
ในนี้จะมีทุกอย่างครับ พ่อค้า ปล่อยกู้ การพนัน เจ้ามือหวย แทงบอล แทงหมากรุก ฯลฯ พวกนี้จะลักลอบเล่นแบบเงียบๆ นะครับ ถ้าจับได้มีโทษอีกยาว
ตัวอย่างเช่น
หวย 2 ตัว - ซื้อ 1 เบอร์ ใน 100 เบอร์ ถ้าถูกเค้าจะจ่าย 20 เท่า แล้วแต่คนขาย ว่าจะขายเป็น นม, เป๊ปซี่, บุหรี่ ถูกบนจ่ายบน ถูกล่างจ่ายล่าง
ปล่อยกู้ - ส่วนใหญ่จะเป็นบุหรี่ บุหรี่ 5 ซอง ดอกเบี้ย 2 ซอง = ต้องคืน 7 ซอง ภายใน 1 อาทิตย์ ที่มีปัญหากัน แทงกัน ต่อยกัน ตีกัน กระทืบบ้าง มาจากเรื่องหนี้สิน/จากการพนันครับ บางคนเป็นหนี้ 200-300 ซองก็มี สงสารญาติ บางทีผมเจอในห้องเยี่ยมญาติ ตะคอกพ่อแม่ให้หาเงินมาฝาก 5-6 พัน แม่ก็ร้องไห้ "แม่จะไปหามาจากไหนให้ล่ะลูก" มันบอกว่า "ถ้าไม่งั้นไม่ต้องมาหาอีก" ผมล่ะอยากตบกะบาลมันจริงๆ ไอเวรนี่
บางคนจะฆ่าตัวตายก็มี ไม่ใช่เพราะเครียดจากคดีความนะครับ เครียดเพราะเป็นหนี้เยอะ โดนเจ้าหนี้กระทืบซ้อมไม่จบ กินแฟ๊ปซักผ้า กินใบไม้ กินสบู่มั่ง จับส่งพบ.กันวุ่น =='
พ่อค้า - ซื้อขายแลกเปลี่ยน ขายแกงบ้าง ขนมบ้าง จิปาถะ ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าก็ต้องมีกำไร คนก็จะเอาบุหรี่มาซื้อกัน บุหรี่ 1 ซอง = 58 บาท
แกง 2 ถุง = 1 บุหรี่ ขนม 4 ถุง = 1 บุหรี่ นมไวตามิลค์ 6 กล่อง = 1 บุหรี่ เป๊ปซี่ 3 กระป๋อง = 1 บุหรี่ เนสกาแฟ = 2 บุหรี่ คอฟฟี่เมต = 1 บุหรี่ โอวัลติน = 1 บุหรี่
คล่าวๆ ประมาณนี้ครับ บางคนขายแบบ ตะบี้ตะบันขาย ขยันขาย ขายทุกวัน แย่งลูกค้ากันก็มี ผมยังขำว่าถ้าอยู่ข้างนอกมันขยันขนาดนี้ มันคงไม่เข้ามาติดคุกหรอก คุณว่าจริงมั้ย??
ความคิดเห็นที่ 180
ช่วงประมาณสิ้นเดือนเมษา ผมได้ยินข่าวเรื่องการพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในการครบรอบ 60 ปี บรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บางคนว่าเป็นข่าวลือ บางคนก็ว่าจริง ในตอนนั้นผมมีความหวังเล็กๆ ว่าถ้ามีก็ถือเป็นบุญของผม ผมคงจะได้ปล่อยตัวกลับบ้านรึเปล่านะ? ผมจะถูกตัดสินจำคุกนานเท่าไหร่? เพราะนักโทษพูดกันว่าถ้าเหลือโทษไม่ถึง 1 ปี จะได้ปล่อยตัวกลับ ผมได้แต่คิด จะมีโอกาสกลับบ้านเร็วกว่ากำหนดมั้ย?
จนใกล้ถึงวันที่ผมจะย้ายไปแดน 6 เพราะคดีของผมเป็นคดีเล็กน้อย มีหลายคนบอกว่า แดน 6 น่ากลัวกว่า แดน 5 ให้ระวังของหาย เพราะแดน 6 จะมีพวกคดีลักเล็กขโมยน้อยอยู่เยอะ แต่อยู่แดน 5 ก็ไม่ได้ ถ้าจะอยู่ต้องมีเส้นสาย ยัดเงินหลักหมื่น น้าต่ายแกเลยบอกผมกับป้าหรั่งว่า "แวน อย่าเพิ่งไปกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด ยังไม่ได้เห็น มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด" "เงินหลักหมื่นอย่าเอามาใช้ในนี้เลย เก็บไว้ใช้ข้างนอกเถอะ"
แกก็เตือนว่าเสื้อผ้าต้องดูให้ดีโดนขโมยบ่อย ตู้ล็อคเกอร์ด้วย ระวังโดนงัด
ก่อนย้ายแดน ผมไม่รู้จะให้อะไรน้าต่าย แกไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผม มีแต่ผมจะให้ด้วยความเต็มใจ เพราะแกดีกับผมมาก ผมเลยให้เนสกาแฟกับคอฟฟี่เมตแกไป 3 ถุง เพราะแกชอบกิน น้าต่ายบอกกับผมว่า ให้โชคดี ถ้าเกิดโชคดีมีการอภัยโทษ ขอให้ได้รับ ผมจึงรับปากกับแกว่า ถ้าผมพ้นโทษออกไป จะมาเยี่ยมแกอีก ต่อนะครับ ย้ายมาแดน 6 แล้ว เรื่องราวในแดนนี้เยอะมากๆ ติดตามกันนะครับ ขออภัยที่ให้คอย
ผม, ป้าหรั่ง, โอเล่ ได้ย้ายไปพร้อมกับนักโทษอื่นประมาณ 80 คน คนทั้งแดนนั้นมุงดูเราเหมือนกับไม่เคยเจอของแปลก วันแรกที่เราย้ายไปก็ช๊อกแล้วครับ หมอ, พยาบาล, ชันสูตร มากันหลายคน ซักพักก็มีคนหาม "ศพ" ออกมา ห่อผ้าขาวไว้แบบลวกๆ เค้าว่ากันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ HIV เชื้อราขึ้นสมองตาย
แดนนี้มีสถานพยาบาลด้วย นักโทษจากทุกแดนต้องมาหาหมอที่นี่ ไม่ใช่นึกอยากมาก็มานะครับ ต้องลงชื่อไว้ก่อนล่วงหน้าหลายวัน
ส่วนเรื่องยารักษา หมอจะจ่ายยาให้เฉพาะนักโทษที่มี "บัตรทอง" เท่านั้น คนที่ไม่มีบัตร จะได้ใบสั่งยาแล้วส่งให้ญาติไปซื้อ ต้องรอให้ญาติมาเยี่ยมนะครับ แล้วให้ญาตินำมาส่งให้ในวันเยี่ยมญาติอีกครั้ง คนไม่มีบัตรบางคน รอเป็นอาทิตย์กว่าจะได้ยา เจ็บปวดทรมานมาก แล้วคนที่ญาติมาเดือนละครั้งล่ะ?? ตายก่อนพอดี เฮ้อ...อนาถ
หมอที่นี่ดุ และพูดจาได้ปลวกมากกกก หาหมอบ่อยก็ไม่ได้ ด่าเปิง ทั้งๆ ที่มีบัตรทองรักษา ไม่พอใจนักโทษคนไหน ไม่ตรวจให้เลยก็มีแถมด่าส่ง ไม่มีจรรยาบรรณเลยจริงๆ ติดคุกก็ทรมานจะแย่ ป่วยต้องการรักษายังมาเจอหมอนรกนี่อีก
ผมเห็นลุงคนนึงแกเป็นฝีที่ก้น มีหนองไหลเยี้มเหวอะหวะน่ากลัว นั่งก็ไม่ได้ (ผมเห็นตอนแกอาบน้ำ) ไปหาหมอต่อลงชื่อต่อคิวรอเรียกชื่อเป็น ชม. หมอไล่ แถมด่าซ้ำ "เมิงหาอะไรบ่อยนักหนา ไปไม่ต้องมาหาแล้ว" แล้วหมอก็ปัด OPD การ์ดทิ้งลงจากโต๊ะ (อุ๊ย แรงงงงส์ มากกกก)
ยาทุกอย่างที่นี่มีค่ามากกกก เนื่องจากเหตุข้างบนที่ผมได้เล่าไป บางคนหมอจ่ายยามา เอามาขายก็มี พารา 10 เม็ด = 1 บุหรี่ ยาแก้อักเสบ พวก amoxycillin 10เม็ด = 1 บุหรี่ ยาแก้ปวดเม็ดกลมๆ สีชมพูเข้มๆ เค้าเรียกอะไรผมจำไม่ได้ละ 10 เม็ด = 1 บุหรี่
ต่อดีกว่าครับ... หลังจากคัดห้องแล้ว ผมได้อยู่ชั้น 3 ป้าหรั่งและโอเล่อยู่ชั้น 4 ที่นี่เค้าจะไม่เอากะเทยมานอนรวมนะครับ รวมแต่คนแก่ 60 ขึ้นไป โอเล่ไม่ต้องห่วงเธอ มีขาใหญ่มาจองตัวเธอไว้ก่อนแล้ว กินดี มีคนเลี้ยง ไม่มีใครกล้ายุ่งเดี๋ยวเจอตีน
ยัยโอเล่สบายไปแล้ว ผมกับป้าหรั่งก็ต้องช่วยตัวเอง เริ่มจากหาตู้ locker ความจริงแล้วเค้าให้ฟรีนะครับ แต่นักโทษเอามาขายต่อกันเอง คน 1,300 แต่มีตู้แค่ 500-600 ตู้นึงบังคับว่าใช้ 2 คน ผมและป้าหรั่งมีของเยอะมาพอสมควร เป็นที่หมายปองของขโมยทั้งหลาย จึงต้องจำใจซื้อตู้ต่อคนอื่นมาในราคา 3 ซอง โดยเอาเนสกาแฟ+คอฟฟี่เมต แลก
ความสะอาดในแดน 6 นี้ ถือว่าดีกว่าแดน 5 พอสมควร อย่างถาดอาหารที่นี่จะสะอาด ไม่ดำ ไม่มัน อาหารจะตักใส่ถาดให้นักโทษเท่าๆ กัน
แดนนี้ส่วนใหญ่ 70% ไม่มีญาติมาเยี่ยม หรือญาติมีฐานะไม่ค่อยดี จึงมีเหตุลักเล็กขโมยน้อยอยู่เสมอ (ต่างจากแดน 5 ที่เป็นพ่อค้ายา มีคนส่งเสียตลอด) จับได้ก็หลังแตก หรือไม่ก็โดนศาลเตี้ยก่อนเลย หนักสุดก็คือเพิ่มโทษอีก
ห้องที่ผมนอนคนแน่นมาก ห้องขนาด 4x10 เมตร หันหัวนอนชนกำแพง 2 ฝั่ง ที่เหลือต้องนอนตรงกลางประมาณ 8 คน โอ๊ย...ทรมานมากเลยครับ นอนหลับไม่เคยสนิทเลย เดี๋ยวมีคนข้ามหัวบ้าง เตะบ้าง ถีบบ้าง ไม่มีที่นอน หมอนก็ไม่มี ต้องนอนกับพื้นแข็งๆ ทุกเช้า ผมกับป้าหรั่งจะไปยืนอาบน้ำด้วยกัน ตอนนี้ป้าแกไม่อายแล้ว ใส่บิกินี่อาบโชว์เลย 555 ขันน้ำก็ไม่มี ยังไม่ได้เบิก มีแต่กระป๋องพลาสติกล้างพู่กันของน้าต่ายที่ให้มาคนละใบ ตักอาบ ล้างหน้า แปรงฟัน อนาถมาก ==' จานกินข้าวก็ไม่มี อาศัยยืมคนอื่นเอา เพราะย้ายแดนใหม่ๆ จะเบิกเงินไม่ได้ บางทีก็เดินเข้าโรงเลี้ยง แล้วเอากับข้าวที่สั่งมาเทใส่กินเอา
เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน ป้าหรั่งก็มีพี่สาวแกมาเยี่ยม ผมก็มีอาม่า, อา, บางทีพ่อก็มา อยู่แดนนี้โดนไถของที่ญาติซื้อให้บ่อยมาก ผมกับป้าหรั่งไม่อยากมีปัญหา บางทีก็ให้ๆ ไปนิดหน่อยตัดความรำคาญ
มีช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ม๊อบเสื้อแดงทำป่วน รัฐประกาศหยุดราชการหลายวัน แถมมีหยุดตรงกับวันเยี่ยมญาติเยอะอีก เงินในบัญชีผมกับป้าหรั่งก็ไม่เหลือซักบาท ของกิน ขนม นม ก็ไม่มีขึ้นห้อง โอ๊ยยยย ทรมาน
และแล้ว วันที่นักโทษทุกคนรอคอยอย่างมีหวังก็มาถึง..... หัวหน้าพัสดีประกาศในตอนเช้าว่าจะมีการพระราชทานอภัยโทษ แต่ประกาศใช้วันไหนยังไม่แน่ชัด แต่มีแน่นอน สิ้นเสียงเท่านั้นแหละ นักโทษทั้งแดนตบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ
เดี๋ยวผมขออธิบายการพระราชทานอภัยโทษเท่าที่จำได้ก่อนนะครับ
ต้องเป็นนักโทษที่ตัดสินแล้วเด็ดขาด - ถ้าอยู่ระหว่างยื่นอุทรณ์ฎีกา จะไม่ได้นะครับ นักโทษหลายคนขอถอนฎีกากันจ้าละหวั่น
ต้องเป็นนักโทษ ชั้นกลาง ชั้นดี ชั้นดีมาก ชั้นเยี่ยม เท่านั้น - ชั้นเลว ชั้นเลวมาก ไม่ได้
คดีฆ่าพ่อแม่-ฆ่าพระ - ไม่ได้
คดีความผิดซ้ำซาก - ไม่ได้
คดีข่มขืน-ชำเรา - ไม่ได้
***การเลื่อนชั้นของนักโทษ จะพิจารณาทุก 6 เดือน***
ลดโทษตามชั้น นักโทษคดีความทั่วไป ชั้นเยี่ยม 1 ใน 4 ของโทษทั้งหมด ชั้นดีมาก 1 ใน 5 ของโทษทั้งหมด ชั้นดี 1 ใน 6 ของโทษทั้งหมด ชั้นกลาง 1 ใน 7 ของโทษทั้งหมด
ยกตัวอย่าง น.ส.แพรวา ถูกตัดสินจำคุก โทษ 4 ปี จำมาแล้ว 2 ปี เหลือโทษอีก 2 ปี ในวันที่ประกาศพระราชทานอภัยโทษเป็นนักโทษชั้นดี
ก็จะได้ลดโทษ 4 เดือน เหลือ 1 ปี 8 เดือน เป็นต้นครับ
ลดโทษตามชั้น นักโทษคดียาเสพติด ชั้นเยี่ยม 1 ใน 4 ของโทษทั้งหมด ชั้นดีมาก 1 ใน 5 ของโทษทั้งหมด ชั้นดี 1 ใน 6 ของโทษทั้งหมด ชั้นกลาง 1 ใน 7 ของโทษทั้งหมด
เหลือโทษไม่ถึง 1 ปี - ปล่อย ลดโทษแล้ว เหลือโทษไม่ถึง 1 ปี - ปล่อย อายุเกิน 60 ปี เหลือโทษไม่ถึง 3 ปี - ปล่อย อายุเกิน 75 ปี - ปล่อย พิการขาขาดทั้ง 2 ข้าง - ปล่อย ตาบอดทั้ง 2 ข้าง - ปล่อย ติดเชื้อ HIV ระยะสุดท้าย - ปล่อย มะเร็งระยะสุดท้าย - ปล่อย
ป้าหรั่งดีใจจนพูดไม่ออกที่จะได้ปล่อยตัวก่อนกำหนด โทษแกแค่ 3 เดือน ตัดสินเด็ดขาดแล้ว ส่วนผมยังไม่แน่ใจก้ำๆ กึ่งๆ เพราะยังไม่ตัดสิน แต่หลายคนบอกว่ายังไงก็ไม่เกิน 1 ปี ได้กลับบ้านก่อนแน่นอน ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง
จนกระทั่ง ผมออกศาลตัดสินวันที่ 10 พฤษภาคม หลังจากฝากขังครบ 4 ครั้งแล้ว ในวันตัดสินนั้น ไม่มีใครมาเลย แม้แต่เจ้าทุกข์เอง ผมขึ้นห้องพิพากษาไม่ถึง 5 นาที ยอมรับสารภาพ เสร็จเรียบร้อย ในใจผมเต้น ตึกตัก รัวเร็ว ถ้าไม่ใช่ 1 ปีอย่างที่เค้าว่ากันล่ะ?? ถ้าเกิด 3 ปี แล้วชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป? จะได้รับอภัยโทษกลับบ้านก่อนมั้ย?
"ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 6 เดือน"
เร็วกว่ายืนต่อคิวจ่ายเงินในซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก!!!
ผมกลับมาเล่าให้ป้าหรั่ง และคนอื่นๆ ในห้องฟัง เค้าว่ามีสิทธิ์จะได้กลับบ้านก่อน ตอนนั้นผมไม่ค่อยคิดอะไรมาก ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นบุญของผม ถ้าไม่ได้ก็อยู่ต่อประมาณ 5 เดือน ซึ่งโชคดีแล้ว หลังจากที่ผมตัดสินแล้ว 2 วัน พ่อก็มาเยี่ยมที่เรือนจำพร้อมกับทนายของครอบครัว ซึ่งผมเรียกว่า "อาสมบูรณ์"
ผมรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เค้ายื่นคำขาดว่าจะไม่ช่วยเหลือใดๆ เพราะเค้าเตือนแล้วว่าถ้าเรื่องถึงขั้นนี้ก็ตัดกันไปเลย
ผมมาถึงห้องเยี่ยมญาติ พ่อมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมยกมือสวัสดีทักทายตามปกติ
"แวนเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย"
ผมจึงตอบกลับไป สีหน้ายิ้มๆ
"สบายดี แต่คงไม่เหมือนอยู่บ้าน แล้วป๊าล่ะงานยุ่งมั้ย เห็นอาม่าบอกว่าไม่ค่อยสบาย หาหมอรึยัง"
"หายแล้ว ดีขึ้นแล้ว เอ็งโกรธป๊ารึเปล่าที่ไม่ช่วยเอ็งออกมาจากคุก"
ผมตอบกลับไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
"ไม่หรอกป๊า แวนทำผิดก็ต้องรับผิดชดใช้กรรม ถึงป๊าไม่ช่วย ไม่มาหา ก็สมควรแล้ว เพราะป๊าเตือนแล้ว"
ป๊าทำหน้านิ่งหยุดคิดซักพัก "ป๊าไม่รู้จะหยุดแวนได้ยังไงเลยต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ป๊าอดไม่ได้ ลูกคนชายคนเดียวนอนอยู่ในคุกจะให้ป๊าอยู่เฉยๆ หรอ"
ผมเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบทั้ง 2 แก้ม "ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงแวนนะ แวนอยู่ได้ ถ้าป๊าไม่ว่างก็ไม่ต้องมา ใครมาก็เหมือนกัน แค่มาก็ดีใจแล้ว แวนรู้แล้วว่าคนในบ้านรักเราที่สุด แวนรู้แล้วสังคมภายนอกมันน่ากลัวและหดหู่แค่ไหน"
ป๊าตอบกลับมา ผมสังเกตว่าตาป๊าเริ่มแดงๆ "แล้วเวลาก็จะผ่านไป คนก็จะลืมเรื่องไม่ดีๆ ของแวน เค้าจะเห็นแต่เรื่องดีๆ อดทนไว้แล้วเชื่อคนในบ้านนะ คนในบ้านอยากให้แวนเป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายเลยนะ"
ซักพัก "อาสมบูรณ์" ก็เข้ามาถามว่าอยู่สบายมั้ย เป็นยังไงบ้าง ขาดอะไรก็บอก อามีลูกน้อง, เพื่อนที่เป็นผู้คุมอยู่ในนั้น แต่ผมไม่อยากรบกวนอา จึงไม่ได้บอกอะไร
"เคยกินรึยัง มาม่าน้ำเย็น" อาสมบูรณ์ถาม ผมก็หัวเราะ
"เคยแล้วครับอา"
มาม่าน้ำเย็น?? งงล่ะสิ คือในคุกเนี่ย จะไม่มีน้ำร้อนนะครับ จะมีให้ตอนเช้าอย่างเดียว และมีจำกัด ก็จะมีคนเอามาม่าฉีดถุงแล้วเทน้ำใส่ เอาหนังยางมัดแล้วปล่อยให้มันอืดในถุง เทออกมาแล้วใส่เครื่องปรุง คลุกๆๆๆ แล้วกินทั้งเย็นๆ นี่แหละ
ผมมารู้ตอนหลังว่าที่ป๊าไม่สบายเพราะความดันโลหิตสูง เนื่องจากความเครียด นั่งทำงานอยู่ดีๆ เลือดกำเดาก็ไหลเองอยู่บ่อยๆ
"ป๊าครับ แวนขอโทษ แวนจะเป็นคนดี"
....................
ผมเดินกลับแดน 6 ด้วยความดีใจยิ้มทั้งน้ำตา คิดว่าป๊าโกรธตลอด เพราะตอนที่อยู่ในห้องขังที่ สน. อาบอกผมว่า "ป๊าเค้าไม่เอา ไม่สนเมิงแล้ว" ซึ่งผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ป๊าห่วงผมตลอดทุกเวลา ถึงจะพูดตัดพ้อก็ตาม ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน เป็นเจ้าคนนายคน เป็นพ่อแม่คน แต่ยังเป็นลูกของป๊าเสมอจริงๆ ผมกลับมาเล่าให้ป้าหรั่งฟังด้วย ป้าหรั่งบอกว่าพ่อลูกหรือจะตัดกันขาด .......................................................................................... จนถึงวันที่ประกาศใช้พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในการครบรอบ 60 ปี บรมราชาภิเษกของในหลวง ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย 14 พฤษภาคม 2553 ผมจำได้ดี จริงๆ แล้วต้องประกาศก่อนนี้หลายวัน แต่ติดม๊อบเสื้อแดงครับ เลยทำให้ล่าช้า แล้วก็เป็นข่าวลือว่ามีอภัยโทษจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ตลอดเวลา นักโทษบางคนคุยแต่เรื่องนี้ทั้งวัน จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกประกาศ "ผู้ต้องขังที่มีรายชื่อต่อไปนี้ให้มารวมตัวที่ใต้ตึกเรือนนอนด่วน...." หนึ่งในนั้น มีชื่อ "ป้าหรั่ง" ด้วย ป้าแกนึกว่า เอาแล้วตู ทำไรผิดฟะ โดนแน่ ผมจึงตามไปดูที่ใต้ตึกด้วย ลือกันว่าเป็นรายชื่อที่ปล่อยตัวรอบแรก 120 กว่าคน
แล้วก็เป็นจริงดังข่าวลือ......
แต่เดี๋ยวก่อน... ทำไม? ทำไม? ทำไมไม่มีชื่อผม?? ในเมื่อผมตัดสินมาก่อนวันประกาศใช้ โทษ 6 เดือน ตรงตามเงื่อนไขทุกอย่าง ผมถามเรื่องนี้อยู่หลายคน บ้างก็บอกว่า รอบต่อๆ ไปน่าจะมีนี่เพิ่งรอบแรก บ้างก็บอกว่าไม่ได้หรอกเพราะ "หมายเด็ดขาด" ยังไม่มา "หมายเด็ดขาด" ชื่อจริงเต็มๆ ผมจำไม่ได้ ที่นี่จะเรียกกัน "ใบแดง" จะเป็นใบสีชมพูที่ศาลส่งมาให้ทางเรือนจำว่าเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ไม่มีอัยการ/ผู้ต้องหา ยื่นอุธรณ์ ใบนี้จะถูกส่งมาให้หลังจากตัดสินแล้วประมาณ 45 วัน จะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำมาสอบประวัติ ว่าคดีอะไร พ่อแม่ชื่ออะไร ตรงตัวรึเปล่า ตรวจลายสัก ฯลฯ บ้างก็ว่าไม่ได้ปล่อย แต่ได้เฉพาะวันลดที่หักอภัยโทษแล้ว ถามผู้คุมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะได้/ไม่ได้ ให้รอดูอย่างเดียว อ๊าววววววว....
ตัวผมหวังเล็กๆ ว่า "รอบนี้ไม่มี รอบต่อไปต้องมี" เนื่องจากตอนนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ผมเองก็ดูใน TV เซ็นทรัลเวิลด์ไฟไหม้แหว่งไปเลย ผู้ต้องขังที่ปล่อยตัวรอบแรกก็ต้องเลื่อนออกไปอีก เป็นวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ปล่อยอภัยโทษรอบแรกต้องไปร่วมพิธี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระมหากรุณาธิคุณ เค้าก็จะมีรองเท้าผ้าใบสีดำให้ 1 คู่ + เสื้อสีชมพู 1 ตัว + เงินอีก 200 กว่าบาท รอบแรกเท่านั้น รอบอื่นไม่ได้ อด ผมร่ำลาป้าหรั่งในวันก่อนปล่อยตัว แลกที่อยู่และเบอร์โทรกับแก (บางทีอยากจะไปจิ้มหน้ากับแกบ้าง 555) แกบอกว่าออกไปซัก 2-3 วันแล้วจะมาเยี่ยม ผมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผมก็มีญาติมาเยี่ยม ผมคงจะปล่อยเร็วๆ นี้ตามป้าออกไปแหละ (แล้วแกก็มาจริงๆ ซื้อของให้ผมถุงใหญ่ แบกจนคอเอียง)
เอาล่ะสิ คู่บัดดี้ต่างวัยของผมไปแล้ว ตัวผมเองยังไม่รู้จะทำยังไง เหง่าๆ อยู่เหมือนกัน ต้องปรับตัวอีกแล้ว...........
ผมจึงต้องเข้าหา "แม่นางโอเล่" อย่างน้อยก็รู้จักกันตั้งแต่แดน 5 ยัยโอเล่จึงแนะนำให้ผมรู้จัก ป้าพร, กี้, เอ็ม, ปั๊ก 4 คนนี้มีอิทธิพลต่อผมในคุกมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ อ้อ ลืมเล่าเรื่องกองงานในแดน 6 จะมีอยู่ 6 กองงาน กองงานรองเท้า - ผมอยู่กองงานนี้ เย็บรองเท้าเป็นข้างๆ ต้องใช้เข็มแบบตะขอคมๆ คนโดนทิ่มกันบ่อยมาก ที่นิ้วบ้าง บางคนทิ่มเปลือกตาก็มี น่ากลัวมาก ทิ่มน่องผมเห็นกะตา เวลาเอาออกดึงช้าๆ ไม่ได้นะครับ ต้องกระชากออก เห็นละเสียวววว แต่ผมไม่เคยโดนนะ ค่อยๆ เย็บ แรกๆ ก็ไม่สวยเบี้ยวไปมา หลังๆ เริ่มสวยขึ้นๆ มีคนถามว่าจะเย็บโชว์ขึ้นห้างหรอ?? ผมเย็บวันนึงได้ 5-6 คู่ คนที่เย็บกลางๆ ก็ได้ 10 คู่ บางคนบ้าพลัง เย็บได้ 18-20 คู่ก็มี บ้าเย็บ (ผมสงสัยว่าอยู่ข้างนอกมันขยันอย่างนี้รึเปล่า?) ถ้าเย็บเยอะแล้วได้วันลดโทษเยอะผมจะนั่งเย็บทั้งวันไม่ลุกไปไหนเลย ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยยย อย่าให้เจอวางขายที่ไหนเลย จะซื้อแล้วจุดไฟเผาตรงนั้นให้รู้กันไปเลย ทำเอามืออันแสนบอบบางนุ่มนิ่มแบบคุณหนูของผม ด้านหยาบ ถ้าไปเย็บข้างนอก ค่าแรงต่ำๆ ผมว่าต้องมี 30-40 บาท/คู่ แต่ในนี้ผมเห็นเสมียนกองงานเปิดบิลแค่ 3.80 บาท/คู่ ==' ค่าแรงถูกมากกกก นั่งเย็บแทบตาย บางวันงานมา 500-600 คู่ คนเย็บ 70-80 คน เงินปันผลได้เดือนละ 200 กว่าบาท เสมียนกองงานถามผมว่าเอามั้ย...สาธุ...ยกให้เพื่อคนอื่นจะได้เงินมากขึ้น กองงานฟองน้ำ - เย็บตะเข็บตาข่ายที่หุ้มฟองน้ำล้างจาน แล้วก็แพคใส่แผง ลงกล่อง ผมเลยรู้ว่าแดนนี้มันไปหาฟองน้ำล้างจานมาจากไหน จิ๊กกันมานี่เอง บางคนเอามาถูตัวอาบน้ำก็มี กองงานถุง - เป็นกองงานที่คนไม่อยากอยู่มากที่สุด ผู้คุมดุ งานเยอะ พับถุงกระดาษไม่ถึงยอด โดนไม้หลังแตกแน่นอน พวกถุงกระดาษทั้งหลาย ทั้งแบรนดังๆ ก็มี ทำที่นี่หมด
กองงานดินสอ - เคยเห็นดินสอสีที่มันต่อเปลี่ยนไส้ต่อๆๆๆ ไปเรื่อย มั้ยครับ ต้องมานั่งใส่ทีละอันๆ กว่าจะใส่ครบทุกสี ใส่เสร็จต้องมาเอาใส่ด้ามและเรียงให้ถูกสี ใส่จนมือหงิก ได้เงินปันผลทั้งเดือน 19 บาท อีก 3 เดือนถึงเข้าบัญชีนักโทษ ==' กองงานถ้วย - เหมือนในแดน 5 ที่เคยเล่าให้ฟัง //www.pantip.com/cafe/social/topic/U10092395/U10092395.html#136 กองงานเบ็ดเตล็ด - ทำทุกอย่างที่ผู้ว่าจ้างส่งมาให้ ไม่ว่าจะประกอบของเล่นชิ้นเล็กๆ พับกระดาษเงิน กระดาษทอง กระดาษกงเต็ก ร้อยเชือกใส่ป้ายห้อย ฯลฯ ผู้คุมกองงานนี้ดุ แต่ผมว่าเค้าเป็นผู้คุมที่ดี มีเหตุผล ถ้าไม่ทำอะไรผิด เค้าจะไม่ยุ่งเลย ยัยโอเล่จึงไปคุยกับป้าพรขอให้ผมกินข้าวด้วย ผมจะออกกับข้าวให้วันละ 4 ถุง ป้าพรก็ตกลง การรวมกลุ่มกันแบบนี้เรียกว่า "บ้าน" "บ้าน" มีกี่คนก็ได้แล้วแต่ เหมือนกับการรวมกลุ่มเพื่อความแข็งไม่ให้ใครมารังแก เพราะจะช่วยๆ กันเวลามีปัญหา หรือขาดเหลืออะไร ป้าพร - กะเทยอีสาน อายุประมาณ 34-35 ปี เป็นคน จ.กาฬสินธุ์ แกไม่มีญาติมาเยี่ยม โดนจับคดีวิ่งราวฯ โทษ 2 ปี เป็นแพะรับแทนเพื่อน เพราะแกขายของอยู่หน้าเดอะมอลล์บางแค เพื่อนมาโยนของให้ แกไม่รู้เรื่องเลยโดน พ่อแม่ก็มาเยี่ยมไม่ได้แก่แล้ว เขียนจดหมายไปก็อ่านหนังสือไม่ออกทั้ง 2 คน ผมไม่รู้ว่าแกผ่านอะไรมาบ้าง แต่ไม่ว่าแกจะเป็นคนไม่ดียังไง ตอนที่ผมอยู่ในนั้นแก่ดีกับผมตลอด ปั๊ก - กะเทยชัยภูมิ อายุประมาณ 28 ปี โดนจับคดีอะไรหว่า...น่าจะลักทรัพย์,ยักยอก ขโมยบัตร ATM บัตรเครดิตฝรั่ง ขโมยเงินบ้าง โทษ 5 ปี ==' เพราะหลายครั้ง และเจ้าทุกข์หลายคน ปั๊กติดเชื้อ HIV เคยเป็นโรคเชื้อราขึ้นสมองในคุกนี้และ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้ ป้าพรบอกว่าใหม่ๆ แขนเท่าขา ตัวดำและผอมมาก เอ็ม - กะเทยราชบุรี อายุ 25 ปี โดนจับคดีลักทรัพย์ โทษ 3 ปี 6 เดือน ไม่รู้ลักอีท่าไหนตัดสินโทษเยอะมาก หน้าตาจัดว่าดี ถ้าเป็นผู้ชายคงหล่อมาก ขาว หุ่นดี สงสัยมันเป็นกะเทยเพราะจับสลากได้ ยัยคนนี้ผมเกลียดเข้าไส้ที่สุด รออ่านไปเรื่อยๆ นะครับแล้วจะรู้ว่าทำไม กี้ - กะเทยลาว อายุ 29 ปี เป็นคนสะหวันนะเขดเหมือนกับโอเล่ โดนจับคดีลักทรัพย์ โทษ 2 ปี + ความผิดซ้ำซากอีก 6 เดือน คนนี้กิริยาท่าทางเหมือนผู้หญิง มีหน้าอกแต่ยังไม่แปลงเพศ นิสัยดีแต่หูเบาไปหน่อย หลายคนคงสงสัยทำไมผมไปอยู่กับพวกกะเทย บอกตรงๆ ว่าผมชอบ ไม่ได้ชอบกะเทยนะ!! ชอบตรงที่กะเทยนิสัยนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก รู้กันอยู่ว่าผู้ชายในคุกซกมกและดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ขออนุญาตเพิ่มเติมเป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ "หมายเด็ดขาด" หรือ "ใบแดง" ที่ จขกท. กล่าวถึงครับ
หมายเด็ดขาดหรือใบแดงที่ จขกท. เรียก คือ " หมายจำคุกคดีถึงที่สุด" ซึ่งหมายขังหรือจำคุกผู้ต้องหาหรือจำเลยแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้
๑. หมายขังระหว่างสอบสวน (สีฟ้า) ๒. หมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา (สีเขียว) ๓. หมายจำคุกและกักขังระหว่างอุทธรณ์ฎีกา (สี่เหลือง) ๔. หมายจำคุกและกักขังเมื่อคดีถึงที่สุด หมายกักขังเมื่อคดีถึงที่สุด หรือหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด (สีแดง) ๕. หมายปล่อย (สีส้ม)
ที่มาของคำเรียกขาน หมายจำคุกคดีถึงที่สุดว่า หมายแดงก็ดี ใบแดงก็ดี หรือใบแดงแจ้งโทษก็ดี ก็เป็นเพราะแบบฟอร์มหมายดังกล่าวมีสีแดงนั้นเองครับ
สำหรับประเด็นที่ จขกท. ไม่อยู่ในข่ายได้รับอภัยโทษ เป็นเพราะหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว พนักงานอัยการโจทก์และจำเลยมีสิทธิอุทธณ์คำพิพากษาของศาลภายใน ๑ เดือน นับแต่วันพิพากษา ระหว่างนี้ยังถือว่าคดีไม่ถึงที่สุด ศาลชั้นต้นจะออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา (หมายเหลือง) แก่จำเลยรายนั้น เมื่อพ้นกำหนดอุทธรณ์แล้ว หากไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์ ศาลจึงจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ ซึ่งผู้ต้องโทษจำคุกที่จะได้รับประโยชน์จากการอภัยโทษ ต้องเป็นโทษจำคุกคดีถึงที่สุดเท่านั้น
อย่างไรก็ดี หากจำเลยในคดีดังกล่าวยื่นคำแถลงต่อศาลว่าไม่ประสงค์จะใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลก็อาจพิจารณาออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้แก่จำเลยก่อนคดีถึงที่สุด เพื่อเป็นการให้ความอนุเคราะห์แก่จำเลยในอันที่จะได้รับประโยชน์จากการอภัยโทษ
ช่วงแรก "บ้าน" จะมีอยู่ 5 คน คือ โอเล่, ป้าพร, กี้, เอ็ม และตัวผม พวกเราก็จะช่วยกันแชร์กับข้าวทุกวัน ผมมีเยอะก็แชร์เยอะหน่อย คนมีน้อยก็ออกน้อย
ส่วนป้าพรแกไม่มีคนเลี้ยงเหมือนกะเทยอื่นๆ อาศัยว่าแกคอยซักผ้า - ล้างจานให้ คนอื่นจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ผมไม่คิดว่าป้าพรเป็นคนใช้นะ คือเราช่วยๆ กัน ผมคอยไปเอาน้ำแข็งมาใส่กระติก เอ็มเป็นคนไปรอรับกับข้าว กี้ไปตากผ้า ประมาณนี้
ผมขอเล่าในด้านมืดของคุกหน่อยละกัน จะได้ไม่เบื่อ ^^
การสัก การสักร่างกายในคุกนั้นจะมีพวกรับจ้างสัก คนพวกนี้ส่วนใหญ่จะเข้าๆ ออกๆ คุกมาหลายครั้ง สอนกันมารุ่นต่อรุ่น สอนกันเอง เรียกกันขำๆ ว่า "อาจารย์สักหรือปรมาจารย์สัก"
อุปกรณ์ในการสักเท่าที่ผมเห็นก็มี 1. ด้ามปากกา 2. เข็ม 3. น้ำหมึก Rotring (ที่เค้าเอาไว้เขียนแบบน่ะครับ)
ของพวกนี้ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่ามันเข้ามาได้ยังไง ในเมื่อตรวจค้นละเอียดขนาดนั้น ต่อมาถึงรู้ว่ามันมาได้ยังไง
"เงิน" เท่านั้นทำได้ทุกอย่างจริงๆ มันคือเหตุผลที่ "เกลือเป็นหนอน"
อย่างที่บอกแต่แรกว่าการสักร่างกายในคุก มีโทษสถานหนัก หลายคนโดนจับได้เพราะผู้คุมดูออก พวกรอยใหม่ๆ ผมเคยเห็นหลายคนโดนไม้กระบองตีหลังเป็น 10 ที เลือดออกปาก ไม่ใช่ตีเบาๆ นะครับ แรงเหมือนปั้นจั่นกำลังตอกเสาเข็ม โดนทีนึงเสียงดังไปทั่วใต้ตึกเรือนนอน ร้องซี๊ดๆ กันเป็นแถว
คนที่สักให้ก็โดนด้วยนะครับ แต่พวกนี้จะรู้กันไม่ซักทอด
เวลาในการเริ่มลงมือสักจะเป็นในห้องขัง จะมีคนคอยดูต้นทางอยู่หน้า-หลัง ห้อง เวลาได้ยินเสียงผู้คุมไขกุญแจขึ้นมาก็จะหยุด พวกที่เอาข้าวขึ้นมากินก็จะรีบเก็บๆ เอาผ้าคลุมไว้ก่อน พวกที่อาบน้ำก็จะหยุดอาบ ทำเป็นนั่งถ่ายท้อง
ผู้คุมบางคนขึ้นแบบเงียบมาก บางคนก็ขึ้นแบบเสียงดังเตือนว่า "ตูมาแล้วนะ" ทำไรอยู่ไม่ถูกให้เก็บ ให้ซ่อนซะ
บางคนที่ติดคุกครั้งแรกก็สัก อย่างโอโล่ เธอบอกว่าไปทำข้างนอกขนาดเท่าฝ่ามือ น่าจะไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท
แต่ในนี้ บุหรี่แค่ 2-3 ซองก็มีคนสักให้แล้ว!!
ฝังมุก จริงๆ ไม่น่าเรียกว่าฝังมุก น่าจะเรียกฝังเม็ดพลาสติกมากกว่า พวกนี้สรรหาเรื่องเจ็บตัวกันเยอะจริงๆ ผมเคยถามว่าทำไมถึงฝัง เค้าตอบว่า "มันทำให้ผู้หญิงรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิม" (จริงรึเปล่าครับคุณผู้หญิง ถ้าเจ้าโลกมีตะปุ่มตะป่ำ ผมอยากรู้ อิอิ)
บางคนฝังเม็ดเดียวเล็กๆ บางคนฝัง 3 เม็ด บางคน 18 เม็ด!!
โอ๊ยแม่เจ้า!! หน้าตาน่าเกลียดมาก เหมือนหนอนชาเขียวเลย (ผมเห็นตอนอาบน้ำ) อุปกรณ์ก็จะใช้ด้ามแปรงสีฟัน เอามาเหลาๆๆๆ ให้ปลายแหลมกริ๊บ แล้วกรีดลงให้หนังเปิดออกแล้วยัดเม็ดพลาสติกเข้าไป
ส่วนเรื่องการรักษาแผลหลังการผ่าผมไม่รู้ว่าเค้าทำยังไง
ผ่า Benz ผ่า Folks ผมได้ยินตอนแรกก็งงๆ มีคนบอกว่า "เฮ้ยไอนั่นผ่า Benz" เข้าใจว่า บ้านมันคงเปิดอู่ผ่าเครื่องยนต์ อะไรประมาณนี้
แต่ก็มา อ๋ออออ แบบขำๆ "ผ่าเจ้าโลก" นี่เอง เอาเข้าไป ด้วยเหตุผลเดิม "มันทำให้ผู้หญิงรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิม"
อุปกรณ์ในการทำ มีดโกน (ไม่รู้หามาจากไหน) ผ้าพันแผล
ผมไม่ได้ยืนดูหรอกว่าเค้าทำยังไง แต่หลังจากทำแล้ว เห็นเลือดไหลกว่าจะหยุด เป็นครึ่งลิตร แถมบวมเขียว บางคนถึงกับเดินไม่ได้เลยก็มี!!
ที่เรียกว่า ผ่า Benz เพราะว่า ปลายอวัยวะจะเป็นแฉกๆ เหมือนตรารถ Benz นั่นแหละ
มาต่อแล้วนะครับ ด้านมืดๆ เหมือนเดิม จะได้ไม่เบื่อกัน ขอโทษด้วยนะครับที่หายไปนาน เพราะไม่มีคอมใช้
เรื่องราวของพวก "ซามู" หรือ "ซามูไร" นั่นเอง
คือคนพวกนี้ อยู่ในสังคมข้างนอก ไม่มีบ้านจะอยู่ เร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ บ้างก็ทำความผิด ลัก จี้ ชิง ปล้น ทรัพย์ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน คนพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีรอยสักเต็มตัว เต็มหน้า เต็มหนังหัวก็มี
เมื่อเข้าทำความผิดเข้ามาอยู่ในคุก คุกจึงเป็นเสมือนบ้านของพวกเค้า บางทีก็เข้าไปทักทายคนใหม่ ดั่งเจอเพื่อนเก่า เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว
ดังนี้การที่เข้ามาอยู่ในนี้กลายเป็นเรื่องปกติของ "ซามู" ติดคุกซ้ำซาก
ในเมื่ออยู่ข้างนอกแล้วเป็นบุคคลเร่ร่อน ถูกสังคมภายนอกดูหมื่นเหยียดหยาม ไม่มีการงาน ไม่มีเงิน ก็จะหาเรื่องทำความผิดเข้ามา
อยู่ในคุกนี้ "ซามู" เปรียบเสมือน "เจ้าพ่อมาเฟีย" มีลูกน้องเยอะ พวกลูกน้องก็อาจจะเป็นคนรู้จัก ที่คุ้นเคยกันในคุก หรือคนแถวถิ่นที่เค้าอยู่ข้างนอก
ที่เปรียบกับ "เจ้าพ่อมาเฟีย" นั้น เนื่องจากชอบรีดไถของเยี่ยมญาตินักโทษ นักโทษหน้าใหม่ๆ ไม่เคยติดคุก ยังไม่มีความ "เก๋า" บางทีก็กลัว ให้ไปอย่างไม่เต็มใจ ไม่มีใครกล้าหือ
หรือจะมองในอีกแง่ดีของพวก "ซามู" ก็คือ การติดคุกหลายครั้งในเรือนจำแห่งเดิมๆ ทำให้รู้จักสนิทสนมกับผู้คุม ซึ่งบางทีผู้คุมจะใช้ประโยชน์จากพวกซามูในการดูแลนักโทษด้วยกันเอง
ต่อให้ "ซามู" น่ากลัวมากแค่ไหน สิ่งที่ซามูยอมแพ้ก็คือ "เงิน"
ยกตัวอย่างผมตอนเข้าไปอยู่ใหม่ๆ ตอนเดินแถวขึ้นห้อง ผมเดินช้าเพราะเจ็บขามันด่าซะแสบ
"เฮ้ย ไอเอี้ย เมิงอ่ะ เดินให้มันเร็วๆ หน่อย แม่เยก"
แต่พอผมเริ่มมีอะไรแบ่งให้พวกนี้ซักนิดหน่อย อย่างพวกขนม น้ำ ฯลฯ ท่าทีของพวกนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดีอีกอย่างนึงคือ พวกนี้ไม่พูดจาสับปรับ คำไหนคำนั้น บอกว่า "ไม่ทำ" ก็คือไม่ทำ
คลิกโฆษณา ด้านขวามือให้สักคลิกนะครับ
Create Date : 09 มกราคม 2554 |
Last Update : 21 มกราคม 2554 1:11:03 น. |
|
88 comments
|
Counter : 154328 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: tempopo วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:5:30:26 น. |
|
|
|
โดย: gutswallow วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:9:12:54 น. |
|
|
|
โดย: j IP: 74.100.135.140 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:11:53:17 น. |
|
|
|
โดย: lyios IP: 99.227.0.54 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:12:54:05 น. |
|
|
|
โดย: เค้าเอง IP: 118.173.204.104 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:9:38:55 น. |
|
|
|
โดย: oplz IP: 124.121.81.150 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:12:53:56 น. |
|
|
|
โดย: pa_jeab วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:13:39:08 น. |
|
|
|
โดย: oplz IP: 124.121.85.32 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:12:51:13 น. |
|
|
|
โดย: PJS IP: 71.227.171.39 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:14:32:27 น. |
|
|
|
โดย: ochinno IP: 124.121.67.34 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:22:53:53 น. |
|
|
|
โดย: beckandbobo IP: 203.148.216.12 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:0:35:14 น. |
|
|
|
โดย: nena IP: 124.121.157.144 วันที่: 16 มกราคม 2554 เวลา:17:05:40 น. |
|
|
|
โดย: ง่ะ IP: 58.11.82.125 วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:1:34:22 น. |
|
|
|
โดย: รอน IP: 111.84.178.7 วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:20:59:37 น. |
|
|
|
โดย: oplz IP: 124.121.81.103 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:10:09:37 น. |
|
|
|
โดย: oplz IP: 124.121.81.103 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:10:11:13 น. |
|
|
|
โดย: nuyect วันที่: 20 มกราคม 2554 เวลา:8:35:39 น. |
|
|
|
โดย: oplz IP: 124.122.199.102 วันที่: 20 มกราคม 2554 เวลา:15:08:30 น. |
|
|
|
โดย: ร้อยกลอน IP: 222.125.201.81 วันที่: 21 มกราคม 2554 เวลา:20:43:42 น. |
|
|
|
โดย: naki IP: 182.53.33.174 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:21:42:10 น. |
|
|
|
โดย: bigeye2u (tewtor ) วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:12:10:39 น. |
|
|
|
โดย: มิซาเอะ IP: 124.121.158.139 วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:15:01:20 น. |
|
|
|
โดย: คนรอ IP: 223.204.50.96 วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:09:39 น. |
|
|
|
โดย: ll IP: 223.205.185.157 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:18:43:14 น. |
|
|
|
โดย: pest (loveyoupantip ) วันที่: 15 สิงหาคม 2554 เวลา:2:13:53 น. |
|
|
|
โดย: register (loveyoupantip ) วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:2:00:42 น. |
|
|
|
โดย: babydoll IP: 172.16.16.26, 180.183.163.18 วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:18:42:59 น. |
|
|
|
โดย: http:kapook.blogspot.com IP: 2.37.70.234 วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:6:21:27 น. |
|
|
|
โดย: แจ๊ก IP: 118.173.89.238 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:14:34:28 น. |
|
|
|
โดย: แจ๊ก IP: 118.173.89.238 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:14:34:50 น. |
|
|
|
โดย: คนอร์ IP: 182.52.84.78 วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:15:24:56 น. |
|
|
|
โดย: ฟอง IP: 125.26.157.248 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:23:08:40 น. |
|
|
|
โดย: เหน่ง IP: 110.49.249.237 วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:18:42:40 น. |
|
|
|
โดย: บ๋อม IP: 124.122.162.154 วันที่: 30 มีนาคม 2555 เวลา:21:28:14 น. |
|
|
|
โดย: ก้อย IP: 27.55.5.171 วันที่: 3 พฤษภาคม 2555 เวลา:23:04:47 น. |
|
|
|
โดย: หวาน IP: 118.173.141.65 วันที่: 8 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:48:29 น. |
|
|
|
โดย: บอย ฝั่งธน IP: 122.155.42.66 วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:28:20 น. |
|
|
|
โดย: หนูดา IP: 124.120.248.138 วันที่: 19 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:51:42 น. |
|
|
|
โดย: คนรอ IP: 110.77.202.83 วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:16:13:21 น. |
|
|
|
โดย: ต้อง IP: 27.130.22.58 วันที่: 9 มิถุนายน 2555 เวลา:11:02:45 น. |
|
|
|
โดย: TingBio IP: 111.64.48.170 วันที่: 30 มิถุนายน 2555 เวลา:16:08:36 น. |
|
|
|
โดย: naichangjor IP: 183.89.57.89 วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:24:14 น. |
|
|
|
โดย: นู่เหน่ง IP: 118.172.131.224 วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:22:07:10 น. |
|
|
|
โดย: คนรักแฟน IP: 49.49.59.74 วันที่: 11 กรกฎาคม 2555 เวลา:18:24:43 น. |
|
|
|
โดย: ying_nok..สาวตัวป่วน IP: 49.48.170.134 วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:19:48 น. |
|
|
|
โดย: น้าติ่ง IP: 61.90.177.247 วันที่: 10 สิงหาคม 2555 เวลา:12:18:35 น. |
|
|
|
โดย: 1 IP: 110.49.240.179 วันที่: 16 สิงหาคม 2555 เวลา:2:23:01 น. |
|
|
|
โดย: 1 IP: 110.49.240.179 วันที่: 16 สิงหาคม 2555 เวลา:2:23:31 น. |
|
|
|
โดย: จุ๊บแจง IP: 124.120.181.124 วันที่: 12 กันยายน 2555 เวลา:16:21:12 น. |
|
|
|
โดย: wikibland IP: 182.52.15.87 วันที่: 21 กันยายน 2555 เวลา:23:21:06 น. |
|
|
|
โดย: สมศรี IP: 223.205.2.170 วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:13:35:32 น. |
|
|
|
โดย: อ้น IP: 58.8.116.74 วันที่: 10 ตุลาคม 2555 เวลา:23:15:37 น. |
|
|
|
โดย: วสันต์ IP: 182.53.252.16 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:13:00:33 น. |
|
|
|
โดย: วิโรจน์ พิมานมาศสุริยา IP: 118.175.32.75 วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:17:46:46 น. |
|
|
|
โดย: พี่สาว IP: 110.169.249.216 วันที่: 5 มิถุนายน 2556 เวลา:22:17:46 น. |
|
|
|
โดย: วัยหนุ่มยุดยา IP: 115.67.200.109 วันที่: 3 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:44:40 น. |
|
|
|
โดย: นัน IP: 27.55.192.190 วันที่: 7 กรกฎาคม 2556 เวลา:17:28:32 น. |
|
|
|
โดย: ปาล์ม IP: 118.173.11.114 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:18:22 น. |
|
|
|
โดย: เมย์ IP: 49.230.121.23 วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:21:20:27 น. |
|
|
|
โดย: Control_dep IP: 115.67.36.47 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2556 เวลา:1:05:06 น. |
|
|
|
โดย: koy IP: 49.230.189.232 วันที่: 30 ธันวาคม 2556 เวลา:23:35:24 น. |
|
|
|
โดย: koy IP: 49.230.189.232 วันที่: 30 ธันวาคม 2556 เวลา:23:36:39 น. |
|
|
|
โดย: ต๊ะ IP: 171.6.248.245 วันที่: 26 เมษายน 2557 เวลา:16:25:17 น. |
|
|
|
โดย: ชุน IP: 202.29.211.177 วันที่: 8 พฤษภาคม 2557 เวลา:14:56:11 น. |
|
|
|
โดย: รอนายอยู่นะที่รัก IP: 49.231.18.89 วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:13:05:01 น. |
|
|
|
โดย: หัวอกคนรอ IP: 49.230.189.32 วันที่: 30 สิงหาคม 2557 เวลา:18:04:17 น. |
|
|
|
โดย: กะเทย คอลาย IP: 110.77.238.196 วันที่: 30 มีนาคม 2558 เวลา:21:45:29 น. |
|
|
|
โดย: ธารธิชา IP: 49.237.170.153 วันที่: 5 สิงหาคม 2558 เวลา:12:55:42 น. |
|
|
|
โดย: คนโชคไม่ดี IP: 110.169.92.72 วันที่: 13 ตุลาคม 2558 เวลา:22:59:30 น. |
|
|
|
โดย: คนโชคไม่ดี IP: 110.169.92.72 วันที่: 14 ตุลาคม 2558 เวลา:18:45:23 น. |
|
|
|
โดย: คนข้างนอก IP: 49.229.95.63 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:14:19 น. |
|
|
|
โดย: Mr,Francissco IP: 94.23.252.21 วันที่: 19 พฤษภาคม 2559 เวลา:18:12:44 น. |
|
|
|
โดย: pp IP: 1.46.41.101 วันที่: 26 พฤษภาคม 2559 เวลา:16:11:24 น. |
|
|
|
โดย: คาร์โต้ สมิทร์ IP: 183.88.95.22 วันที่: 6 มิถุนายน 2559 เวลา:1:21:00 น. |
|
|
|
โดย: Mr Reekado IP: 192.99.15.166 วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:21:03:38 น. |
|
|
|
โดย: p IP: 124.120.193.196 วันที่: 7 กรกฎาคม 2559 เวลา:0:21:41 น. |
|
|
|
โดย: Mr Reekado IP: 192.95.30.51 วันที่: 18 กันยายน 2559 เวลา:6:13:08 น. |
|
|
|
โดย: Mrs Bertha IP: 188.165.201.164 วันที่: 1 ตุลาคม 2559 เวลา:2:51:20 น. |
|
|
|
โดย: cassidy roland IP: 192.95.30.51 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2559 เวลา:11:39:19 น. |
|
|
|
โดย: หมวด ธนบุรี IP: 1.179.240.222 วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:15:48:42 น. |
|
|
|
โดย: เพลง IP: 58.11.201.182 วันที่: 13 สิงหาคม 2560 เวลา:16:17:03 น. |
|
|
|
โดย: กก IP: 134.196.45.229 วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:1:42:51 น. |
|
|
|
โดย: พงษ์SKศิษย์เก่ารจ.นครนายก IP: 1.20.156.31 วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:23:24:04 น. |
|
|
|
โดย: ชื่อ วัฒน์ ครับ IP: 171.99.162.122 วันที่: 9 กันยายน 2560 เวลา:9:25:44 น. |
|
|
|
โดย: น้อยหน่า IP: 171.5.233.152 วันที่: 29 ธันวาคม 2560 เวลา:8:28:27 น. |
|
|
|
โดย: หมอน IP: 1.47.199.122 วันที่: 14 พฤษภาคม 2564 เวลา:14:57:21 น. |
|
|
|
| |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|