space
space
space
 
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
1 สิงหาคม 2567
space
space
space

SDLC คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์

SDLC กระบวนการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้ได้คุณภาพและมีประสิทธิภาพ

SDLCซอฟต์แวร์ที่หลายคนใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน ล้วนแต่ต้องผ่านกระบวนการพัฒนาระบบจากวิศวกรซอฟต์แวร์มาอย่างยาวนาน หลายขั้นตอน จนกลายเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ โดยวงจรการพัฒนาระบบนั้น เรียกอีกอย่างว่า SDLC หรือ Software Development Lifecycle แล้ว SDLC คืออะไร การทำงานของ SDLC มีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ


ทำความรู้จักวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ SDLC คืออะไร?

SDLC คือ

SDLC (Software Development Lifecycle) หรือ วงจรการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ โดย SDLC คือ กระบวนการที่มีโครงสร้างและเป็นระบบ ประกอบด้วยชุดขั้นตอนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป้าหมายของ Software Development Lifecycle คือ เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาออกมานั้น มีคุณภาพสูง ตรงตามความต้องการ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


SDLC สำคัญอย่างไร

การทำงานของ SDLC เปรียบเสมือนแผนงานที่กำหนดแนวทางการทำงานที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางในการทำให้โครงการบรรลุเป้าหมาย ช่วยให้มั่นใจว่า ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาออกมานั้น มีคุณภาพและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยสามารถอธิบายความสำคัญของ SDLC ได้ ดังนี้

  • ช่วยให้กำหนดขอบเขตงาน แบ่งงานย่อย และจัดลำดับความสำคัญของงานได้อย่างชัดเจน ทำให้ทีมพัฒนาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการทำงานซ้ำซ้อน
  • ช่วยให้ติดตามความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เป็นการประหยัดเวลาและทรัพยากร
  • ลดข้อผิดพลาดและความเสี่ยง ทำให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน 
  • ช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจเป้าหมาย แนวทาง และความคืบหน้าของโครงการ 
  • SDLC สามารถระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในโครงการ ทำให้สามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงลดผลกระทบได้เป็นอย่างมาก
  • สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้ใช้งานได้ง่าย เพราะปรับแต่งซอฟต์แวร์ได้สะดวก และอัปเดตซอฟต์แวร์ได้รวดเร็ว

SDLC Model โมเดลวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ มีแบบไหนบ้าง

SDLC Model เปรียบเสมือนกรอบการทำงานที่กำหนดขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ละโมเดลมีข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แล้ว SDLC มีกี่ประเภท โดยโมเดล SDLC ยอดนิยม ได้แก่

1. Waterfall Model

Waterfall Model เป็นโมเดลแบบดั้งเดิมที่เรียงลำดับขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นลำดับ เช่น การวางแผน การวิเคราะห์ การออกแบบ การพัฒนา การทดสอบ และการติดตั้ง เปรียบเสมือนน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แต่ละขั้นตอนมีความสัมพันธ์กัน เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนหนึ่งแล้วจึงจะเริ่มขั้นตอนถัดไป ไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขขั้นตอนก่อนหน้าได้ เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการชัดเจน เปลี่ยนแปลงน้อย และมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการชัดเจน เปลี่ยนแปลงน้อย และมีความเสี่ยงต่ำ 

2. Big Bang Model

Big Bang Model เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ SDLC ที่เน้นความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และเน้นการทำงานร่วมกันของทีมพัฒนา โดยไม่ต้องมีการวางแผนหรือออกแบบที่ชัดเจนล่วงหน้า แต่จะเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ทันที โดยอาศัยทรัพยากรที่มี และค่อย ๆ พัฒนาปรับปรุงไปตามความต้องการ โมเดลนี้เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการไม่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องการความรวดเร็ว และเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้จริง

3. Iterative Model

Iterative Model เป็น SDLC Model ที่แบ่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ออกเป็นรอบย่อย แต่ละรอบประกอบด้วยขั้นตอนการวางแผน การออกแบบ การพัฒนา การทดสอบ และการประเมินผล เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการไม่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงบ่อย หรือมีความเสี่ยงสูง มีข้อดี คือ สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการใหม่ได้ง่าย ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แต่ควบคุมและติดตามผลได้ยาก มีความต้องการการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง

4. V-Shaped Model

V-Shaped Model เป็นกระบวนการพัฒนาระบบที่ผสมผสาน Waterfall Model และโมเดลแบบทดสอบ โดยแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ฝั่งขวาเป็นขั้นตอนการทดสอบ แต่ละขั้นตอนมีความสัมพันธ์กัน เปรียบเสมือนตัว V เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการชัดเจน แต่มีความเสี่ยงสูง ต้องการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด ทำให้สามารถระบุและแก้ไขข้อบกพร่องได้เร็ว ตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนา แต่ต้องใช้เวลานาน ทรัพยากรและบุคลากรจำนวนมาก สำหรับการทดสอบ

5. Agile Model

Agile Model เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ SDLC ที่เน้นความยืดหยุ่น การทำงานร่วมกัน และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง โดยแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็นรอบย่อย แต่ละรอบมีระยะเวลาสั้น มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาฟีเจอร์หรือโมดูลเฉพาะ เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการไม่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว และเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ทำให้ได้ซอฟต์แวร์คุณภาพดี เพราะผ่านการทดสอบและแก้ไขซ้ำ ๆ หลายรอบ

6. Spiral Model

Spiral Model ผสมผสาน Waterfall Model และ Iterative Model เข้าด้วยกัน โดยแบ่งโครงการออกเป็นเฟสย่อย แต่ละเฟสประกอบด้วยขั้นตอนการวางแผน การวิเคราะห์ การออกแบบ การพัฒนา การทดสอบ และการประเมินผล เหมาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง มีความเสี่ยงสูง และต้องการการเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดี ปรับเปลี่ยนตามความต้องการใหม่ได้ แต่ก็มีความซับซ้อน ใช้เวลานาน และต้องการทรัพยากรมาก

7. RAD Model

Rad Model (Rapid Application Development) เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ SDLC ที่เน้นความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และเน้นการทำงานร่วมกันของทีมพัฒนา โดยใช้หลักการพัฒนาแบบวนซ้ำ ควบคู่กับเครื่องมือและเทคนิคต่าง ๆ เพื่อช่วยให้พัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ออกมาได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการชัดเจน เปลี่ยนแปลงน้อย ต้องการซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้จริง และเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้


วิธีเลือกใช้โมเดล SDLC ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

วงจรการพัฒนาระบบ

การเลือก SDLC Model ที่เหมาะสมกับโครงการ ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยที่สำคัญ องค์กรควรวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจเลือกโมเดล เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้โมเดลที่เหมาะสม ช่วยให้โครงการบรรลุเป้าหมาย มีประสิทธิภาพ และประหยัดทรัพยากร

  1. ลักษณะของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความซับซ้อน, ความชัดเจนของความต้องการ, ความเสี่ยง หรือระยะเวลาของโครงการ
  2. ลักษณะของทีมพัฒนา ทั้งทักษะและประสบการณ์และการทำงานร่วมกัน
  3. ความต้องการของผู้ใช้ ในส่วนของการมีส่วนร่วมและตอบสนองความพึงพอใจ
  4. ทรัพยากรที่มี ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณและระยะเวลาในการพัฒนา
  5. วัฒนธรรมองค์กร เช่น เน้นความยืดหยุ่น, เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว, เน้นความมีโครงสร้าง, ควบคุมได้ เป็นต้น

สรุปเกี่ยวกับ SDLC

SDLC ย่อมาจาก Software Development Lifecycle คือ วงจรการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ ช่วยให้มั่นใจว่า ซอฟต์แวร์ตรงตามความต้องการ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และง่ายต่อการบำรุงรักษา องค์กรต่าง ๆ ควรเลือก SDLC Model จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของโครงการ ความต้องการของผู้ใช้ ทรัพยากรที่มี และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของโมเดลต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ อาจจะเลือกปรึกษาทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่าง Software Development Outsource ในการพัฒนา Custom Software จาก CubeSoftTech เพื่อให้โครงการ SDLC บรรลุเป้าหมาย มีประสิทธิภาพ ประหยัดทรัพยากร และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-679-8855, 02-634-4449 หรือ 088-022-9400





 

Create Date : 01 สิงหาคม 2567
0 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2567 9:13:12 น.
Counter : 139 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

BlogGang Popular Award#20


 
สมาชิกหมายเลข 8311681
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 8311681's blog to your web]
space
space
space
space
space