Bloggang.com : weblog for you and your gang
พื้นที่ปลอดภัยแห่งความรักและพลังบวก
BlogGang Popular Award#20
darkheart
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
Group Blog
สิ่งที่เราต้องการคือ >>ความรัก<< all you need is love
จากวันนั้นถึงวันนี้ ->KEENY<- Love At First Sight
จากแม่ ถึงลูก ->KEENY<- Message From Mom To You
ใช้ชีวิตให้สุดขึ้นได้ >>Lifestyle<< Healthy over all
มกราคม 2567
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
25 มกราคม 2567
ทำไมถึงเปลี่ยนจาก พุทธ มาเป็น คริสเตียน Part 1
All Blogs
ทำไมถึงเปลี่ยนจาก พุทธ มาเป็น คริสเตียน Part 2
ทำไมถึงเปลี่ยนจาก พุทธ มาเป็น คริสเตียน Part 1
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add darkheart's blog to your web]
Links
BlogGang.com
ทำไมถึงเปลี่ยนจาก พุทธ มาเป็น คริสเตียน Part 1
เหตุผลที่เปลี่ยนความเชื่อ
ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นพุทธมาตลอด ทำบุญ ทำทาน นั่งสมาธิมาตลอด ช่วงที่นั่งบ่อยๆ รู้สึกว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ปกติบ่อยขึ้น ก็เลยเลิกนั่ง เพราะบอกตรงๆ ว่ากลัว คือฟังเรื่องผีสางมาเยอะ เห็นความไม่สมเหตุสมผลของผีมาเยอะ อยู่ๆ ก็ตามมา โดยอ้างว่ามีบุญกรรมร่วมกันมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้ เป็นเจ้ากรรมนายเวร นู่นนี่นั่น ซึ่งเราเองห้ามไม่ให้ตามก็ไม่ได้นะ เราเกิดใหม่จำไม่ได้แล้ว แต่เขาจำได้ ก็เออเนอะ แบบนี้ก็ได้เหรอ
ดูรายการๆ นึง ที่มีคนสื่อสารกับผีได้ ซึ่งเจ้าตัวบอกเองว่า เขาเป็นแค่สื่อกลาง ผีจะโกหกก็ได้ เขาก็ไม่รู้ ผีบางตัวแสดงตัวให้คนเห็นเป็นใครก็ได้ เช่น แปลงเป็นเด็ก แต่จริงๆ เป็นผู้ใหญ่ ผีชุดแดงที่ให้คนเห็นว่าเป็นผู้หญิงใส่ชุดแดง แต่จริงๆ แล้วแทบจะเป็นกองทัพผี เอ้า นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าผีหลอก
หลายๆ เรื่องเล่า ก็จะมีแบบที่คนเราใช้ชีวิตประจำวันอยู่ อยู่ๆ ก็ถูกผีตาม ต่อให้ทำบุญให้ บวชให้ หรือทำอะไรก็ไม่รับ จะเอาให้ตายบ้าง จะให้ชีวิตชิบหายบ้าง แล้วบางทีต้องไปทำพิธีอะไรไม่รู้เยอะแยะ แถมแก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง บางตัวมาแบบจะมาปิดตาตอนขับรถ นอกจากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ทำให้ชนคนอื่นได้ด้วย บ้าบอมากอะเอาจริงๆ
แล้วหลังๆ คือรำคาญนะพวกผีอะ แม้จะไม่เจอจังๆ ต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น แต่ก็มีแผนรับมือไว้บ้าง เช่น ถ้ามาเจอจะไล่ไป จะด่าจะแช่ง จะอะไรยังไง เพราะเอาจริงๆ จากที่ได้ยินมา คือ ต่อให้สวดมนต์ผีมันก็สวดได้ ถ้าไม่ไปคือไม่ไป ถ้าจะมาโผล่หน้าจ้องตอนหลับ 9 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง มันก็ทำได้ จะตามติดไปบนรถ แม้จะมีพระในรถมันก็ทำได้ จะเดินตามเข้าห้องน้ำ ตามไปนั่งอึ มันก็ตาม โคตรจะน่ารำคาญ ที่สำคัญคือเราทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นวิญญาณ แย่อะ
ต่อมาก็เข้าเดินทางสายมูนะ แต่ไม่ได้มูจริงจัง คือไหว้พระ ไหวนู่นนี่ ก็หวังผล เห็นคนอื่นเขาได้ เขาถูกหวย ถูกอะไร แต่นี่คือไม่ได้ขอเล็กๆ ไง เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ไม่เอาจ้า จะเอารางวัลที่ 1 และไม่เอาแค่ใบเดียวนะ เอาหลายใบเลย 2-3 งวดนะ ขอแล้ว ไหว้แล้ว เปย์แล้ว เอ้าทำไมไม่ได้ ไม่ใช่ของจริงนี่หว่า คนอื่นเชื่อกันก็คงจะตรงจริตและ แต่รี่เองคือไม่ได้ก็ไม่นับถือไม่ไหว้ละ อะไรที่ไม่เกิดขึ้นกับเรา ก็ไม่เชื่อละ ใครอยากไหว้ อยากซื้อ ซื้อแล้วได้ก็เอาเลย แต่ตัวเองพอละ 80 บาท ซื้อข้าวได้ 2 จาน เปลือง
ทีนี้พอเจอเรื่องไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ บวกกับการทำบุญทำทานนั่งสมาธิก็ไม่ได้ช่วยอะไรในชีวิตตัวเองแล้ว (คือชีวิตคนอื่นอาจจะช่วยได้ก็ได้แหละ) ก็เลยยอมเปิดใจที่เหตุผลแรก ก็แค่ลองดู ลองเชื่อพระเจ้า พระเยซูดูสิ ว่ามันจะเกิดอะไรกับชีวิตบ้าง
ประเด็นคือ ที่เปิดมาด้วยความเป็นพุทธไม่ได้จะดิสเครดิตพระพุทธเจ้าหรืออะไร แต่แค่แนวคิดที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน การตัดกิเลส การทำบุญ การปฎิบัติธรรม ในชีวิตตัวเอง มันไม่มี KPI มาวัดอะ มันไม่มีใครมาบอกว่า เออนี่เราต้องทำอันนี้อีก จะถึงเกณฑ์ที่ไม่ต้องตกนรกนะ หรือเราอยู่สวรรค์ขั้นไหนแล้วนะ
แนวคิดการเวียนว่ายตายเกิด ถามว่าเราหยุดได้ไหม คือได้แต่ต้องนิพพาน ซึ่งดูชีวิตตัวเองแล้ว นิพพานนี่เหมือนมีเงิน 100,000BL โดยที่ตอนนี้มีเงินอยู่แค่ 100 แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะได้ละ ไม่อยากเสี่ยงตายแล้วเกิดใหม่ เผื่อชาติหน้าเกิดมาโคตรจะชั่วละ มันจะไม่ใช่แค่ Set ZERO นะ มันติดลบอีกต่างหาก ซวยไปอีก
หลังจากที่คิดว่าตัวเองจะลองเปลี่ยนการนับถือดูละ ถ้าถามว่ายังเชื่อพระพุทธเจ้าไหม ก็เชื่อนะ แต่เชื่อว่ามันเหมาะกับยุคสมัยนั้น ซึ่งพระพุทธเจ้าก็พาคนไม่ตกนรกไปได้เยอะ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าก็น่าจะคล้ายๆ กับพระเยซูที่ลงมาพาคนขึ้นสวรรค์ ความเหมือนคือ ศาสนาพุทธเกิดมาท่ามกลางพราหมณ์-ฮินดู แล้วหลังจากพระพุทธเจ้าไปแล้ว เราจะชัวร์ได้ยังไงว่าคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนจริงๆ ที่เหลือมาตอนนี้ มันคือของจริง ไม่ใช่การแทรกซึมของศาสนาอื่น เราจะ Contact กับพระพุทธ ยังไง นั่นแหละเป็นอีกประเด็น
ตั้งแต่ทำงานมา เจอคริสเตียนมาหลากหลายอยู่นะ และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เขาก็มาประกาศข่าวประเสริฐกับเรา มาชวนอธิษฐาน ซึ่งแน่นอนว่าตอนนั้นก็ลองร่วมอธิษฐานนะ แต่ยังไม่ได้รู้สึกอะไร มีร้องเพลงนมัสการด้วย ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเช่นกัน ตอนนี้ก็เชื่อเหลือเกินว่า พระบิดามาสะกิดเป็นระยะๆ แหละ ว่าเมื่อไหร่จะเชื่อพระองค์สักที แต่เหมือนมันยังไม่ใช่เวลาของเรา ใจมันเลยยังไม่เปิดรับ พระเจ้าใช้เวลารอน่าจะ 10 กว่าปีได้ ซึ่งก็พอได้เวลาของเรา เราก็เชื่อพระเจ้าแบบง่ายดายเลย นี่ก็คงเป็นเวลาตามน้ำพระทัยของพระองค์ ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วแหละ
มีต่อ Part 2
Create Date : 25 มกราคม 2567
0 comments
Last Update : 25 มกราคม 2567 23:15:07 น.
Counter : 159 Pageviews.
(โหวต blog นี้)
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.