เกาหลีใต้มินิซีรี่ย์+++3

วันนี้ตั้งใจจะให้มินิซีรี่ย์จบแบบไตรภาคให้ได้เลย เพื่อทบทวนความจำเฮือกสุดท้ายของคนสมาธิสั้นอย่างชั้น
............มาต่อกันเลย วันนี้โปรแกรมการเดินทางที่โทนี่ได้แจ้งไว้แน่นเอี๊ยดเลยได้แก่ พระราชวังเคียงบ็อก การท่องเที่ยวเกาหลี ร้านหมูย่างเกาหลี เท่าที่ฟังโทนี่ไปกินสปาเก็ตตี้ไป สนใจโปรแกรมท้ายสุดแต่เนื่องจากเรามาทำงานอ่ะน้า สงบจิตสงบใจก่อนน้า ............เราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่พระราชวังเคียงบ้อกก่อนเลย พระราชวังนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภายในวังประกอบด้วย วัดโบราณและพิพิธภัณฑ์
และส่วนของวัง ที่นี่นั้นคล้ายวัดพระแก้วของบ้านเราด้านโลเกชั่นที่สง่างาม แต่ภายในนั้นเป็นสถาปัตยกรรมคล้ายแบบจีน ที่น่าสนใจคือวัดเก่าในวังที่ใช้เป็นที่ให้กษัตริย์ได้สวดมนต์

...จึงมีเรื่องที่น่าเศร้าที่ฟังจากโทนี่ว่า ชาวเกาหลีเวลานี้มีกว่าครึ่งที่ไม่ได้นับถือศาสนา เนื่องจากศาสนาพุทธถูกกวาดล้างและเผาศาสนสถานไปมากมายในช่วงที่เกิดสงคราม ดังนั้นคนที่นับถือพุทธจึงเหลือแต่คนแก่และคนรุ่นหลังเพียงไม่กี่คน มีส่วนน้อยที่นับถือศาสนาคริสบ้างจากการเผยแผ่หลังสงคราม ที่เหลือนั้นก็ไม่ได้นับถือศาสนา แต่ที่ยังเหลือให้เห็นคือความเชื่อและจารีตแบบโบราณที่จัดแสดงเช่น
.....ประเพณีต่างๆ การจับคู่ตามราศีที่คนเกาหลีเชื่อ การนับถือฟ้าดิน และเชื่อเรื่องการดูแลครอบครัวและความกตัญญญู ส่วนของพิพิธภัณฑ์นี้น่าสนใจและลำดับเรื่องได้เข้าใจอย่างง่ายๆดี ทำให้ชั้นเข้าใจว่า คนเกาหลีสมัยก่อนค่อนข้างลำบากเพราะอากาศหนาว ส่งผลถึงการทำกิมจิและการใส่ชุดฮันบก ที่มีวิวัฒนาการต่อๆกันมาให้สวยงามมากขึ้น และต้นตระกูลราชวงศ์ ลีนี่เองที่เป็นต้นแบบอาหารเกาหลีจนถึงปัจจุบัน
........ เข้าใจพอสังเขปแล้วก็มาดูขบวนทหารโบราณ ที่ผลัดเวรยามกันสวนสนามเวลาสิบเอ็ดโมงทุกวัน สวยงามและทำให้ชั้นขนลุกเลย
...........เสร็จแล้วจึงเลยไปที่การท่องเที่ยวเกาหลี แนะนำมากๆเลยสำหรับคนที่มาแบบกางแผนที่เที่ยวเพราะมีข้อมูลเยอะมาก ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและงานอีเวนท์ต่างๆแจกฟรีเพียบ...............รวมถึงโปสเตอร์ดาราจากภาพยนตร์เกาหลีด้วย ที่น่ารักคือมีดิสเพลย์รูปศิลปินหลายคนให้ไพสท่าถ่ายด้วยและรอยพิมพ์มือสไตล์ฮอลลีวูดรวบรวมไว้หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีซาวน์แทรกหนังให้ฟังกันเองได้ด้วย.............
.........ตอนนี้เกือบๆบ่ายโมง แล้วเราไปกินหมูย่างเกาหลีร้านเด็ด ที่เป็นบุฟเฟต์ด้วยนะ อยู่แถวๆอินซาดง ร้านอยู่ริมถนนเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดเลย โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะเหล็กสำหรับย่างโดยมีหลุมย่างตรงกลาง เข้าจะใช้หมูหมักชิ้นใหญ่ย่างพอสุกและคุณป้าจะเอากรรไกรมาตัดเป็นคำและย่างต่อเล็กน้อย.......ห่อกับผักสดกรอบหลายอย่าง ให้เลือกกินกับซุปสาหร่ายและข้าว และก็เครื่องเคียงหลากหลาย น้ำจิ้มก็เป็นซอสถั่วใส่พริกป่นจัดจ้านดีทีเดียว อร่อยจนอยากอยู่เกาหลีซักสองสามเดือนเลย
...........ภาษาเกาหลีที่ได้เรียนมื้อนี้คือ
--คัมฮาซามิดะ แปลว่าขอบคุณ
--อาจุมม่า แปลว่า ป้า
--อาโยชิ แปลว่า ลุง

เมื่ออิ่มก็ต้องไปกันต่อที่โรงเรียนทำกิมจิ ที่นี่เค้าใช้สอนวัฒนธรรมเกาหลีแบบง่ายๆ ที่โรงเรียน korea traditional and cultural center ไปถึงจะได้ใส่ชุดฮันบกถ่ายรูปทั้งหญิงและชาย ทำกิมจิที่ห้องครัวสาธิต และเรียนวัฒนธรรมการรับประทานอาหารและการนั่ง ก็สนุกดีนะได้ความรู้และเป็นที่เที่ยวที่ไอเดียดีทีเดียวนะ

สุดท้ายก็ไปช็อปเพลินๆที่ย่านอิเทวอน สุดยอดแหล่งช้อปที่เปิดตั้งแต่ตีห้าปิดห้าทุ่ม เหมือนประตูน้ำบวกกับโบ๊เบ๊ อลังการร้านค้ามากๆ

แฟชั่นของเกาหลีนั้นมีความหวานซ่อนเปรี้ยว และมีรายละเอียดมากกว่าของบ้านเราทั้งชายและหญิง แต่มีคุณภาพสูงมากนะถ้าเทียบกับราคาชั้นแอบดูการตัดเย็บและเนื้อผ้าแล้ว .คุ้ม เริ่มต้นที่ประมาณห้าพันวอนหรือ สองร้อยบาทไทย เทียบกันกับแบบตามแฟชั่นแล้วเหมือนเสื้อผ้าแถวสยาม แต่ราคาประตูน้ำ ชั้นนั้นได้แต่ดูและซื้อของแปลกๆกิน มีไส้กรอก แป้งต้มซอส ที่อยู่ริมถนน อร่อยดีนะแต่แป้งเยอะเหมือนไส้กรอกสีชมพูบ้านเราแต่แพงกว่ามาก ราคาประมาณสี่สิบบาทต่อไม้ แต่ที่ติดใจ คือ โอเด้งต้ม เป็นลูกชิ้นปลาและไส้หมูต้ม ทำเป็นไม้ๆ ไม้ละห้าร้อยวอนหรือ ยี่สิบบาทแถมซุปหนึ่งถ้วย ใครไปห้ามพลาดนะ ............กินไปพอประมาณ โทนี่ดันบอกว่ามื้อเย็นนี้จะพาไปกินเป็ดตุ๋นโสมในตำนานของจังกึมฮือๆๆไม่น่ากินซะเยอะเลยตรู ร้านนี้คล้ายร้านสุกี้คือมีหม้อมาวางตรงกลาง ภายในมีโสมสดกับเป็ดสับต้ม และมีผักวางเรียงรายคล้ายหม้อไฟญี่ปุ่นใครเคยดูจังกึมคงจะจำได้เพราะทำบ่อยมาก กินกับข้าวเเละเครื่องเคียงเหมือนเดิมแต่ต้มของที่นี่เค้าจะไม่ปรุงนะจ๊ะใครชอบอาหารรสจัดแบบเพื่อนชั้นคงรับไม่ค่อยได้แต่ตัวชั้นชอบกินแบบไม่ปรุงอยู่แล้ว อิ่มมาแล้วแต่ฟาดเรียบ โทนี่แซวเลย.....กินเยอะๆนาครับ......จ้า..ไม่ทำให้โทนี่ผิดหวังแน่...
..............หมดไปอีกวันหลังจากหลับและตื่นอย่างรวดเร็วในอีกวันนั้นเอง ก็มาถึงวันสุดท้ายแล้ว เศร้าจังตอนนี้เริ่มกินผักได้แล้วหล่ะ
ปิดท้ายโปรแกรมวันสุดท้ายกันที่วัดพงอึนซา วัดเดียวที่เหลืออยู่ในย่านธุรกิจของกรุงโซล ที่โซลนี้จะมีการจัดโซนนิ่งชัดเจน เช่นย่านธุรกิจ ย่านการค้า ย่านตลาด ย่านพักอาศัย แต่วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ประชุมแห่งชาติกรุงโซลคล้ายๆศูนย์สิริกิต์บ้านเรา บรรยากาศดีมาก มีความสงบในความวุ่นวายของเมืองหลวง ได้ไหว้พระและกินน้ำมนต์เย็นเจี๊ยบที่มาจากอ่างน้ำตกเล็กๆหน้าเจ้าแม่กวนอิม ชื่นใจจัง
.........ขอบอกว่ากรุงโซลนี่รถติดไม่แพ้บ้านเราแถมรถขับกันซิ่งมากๆเลย ........โดยเฉพาะมิสเตอร์ลีของเรา ที่เกาหลีนั้นเลนส์จะเล็กมากๆแต่สามารถกลับรถกลางถนนได้เลย เอาล่ะลืมเล่าว่าเมื่อวานไปมหาลัยหญิงไม่ทันเลยต้องไปต่อกันวันนี้เลย เราไปถ่ายรายการและเดินชมบรรยากาศรอบๆที่นี่เด็กค่อนข้างสวยและน่ารัก ไม่ต้องใส่ยูนิฟอร์ม มีแฟชันหลากหลายและแต่งหน้าสไตล์เกาหลีคือปากสีแดง เอวบางร่างน้อยกันทุกคน พี่ตากล้องน้ำลายยืด

ศัพท์เกาหลี วันนี้ได้แก่
---ฮักเฮียว แปลว่า นักศึกษาสาวๆ
...หนุ่มๆก็จำไปใช้กันเองน้า
..........แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้กันกับที่นี่คือ ย่านเมียงดงที่เดินไปหรือนั่งรถไฟใต้ดินไปก็ได้
เราก็ไปช้อปกันแบบวอนบินกันที่นี่แหล่ะ มีตลาดแบบเปิดท้ายมาวางขายด้วยนะ พอเที่ยงเราก็ไปกินหมูกะทะเกาหลี คือหมูกหมักเป็นชิ้น ผัดซอสรสหวานเค็มคล้ายๆรสหมูปิ้ง ตั้งบนกะทะเหล็กเคียวไปเรื่อย ใส่วุ้นเส้นกับหัวหอมและต้นหอมโรยพัดพอเปื่อยก็เอามากินกับข้าวและเครื่องเคียงอีกเช่นเคย
........สุดท้าย พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก็ไปชมวิวที่สวนนัมซานปาร์ค สวนสวยยอดนิยมบนจุดชมวิวใกล้หอคอยกรุงโซล ที่เห็นในละครหลายเรื่อง เหมาะสำหรับไป ปิคนิกมากๆเลยล่ะเเพราะมีลานนำพุดนตรีกว้าง ร่มรื่นและมีแคร่ สำหรับครอบครัวได้นำข้าวมาทานกันด้วย ปิดท้ายวันที่ดีจริงๆเลย สุดท้ายโทนี่เสนอดินเนอร์เด็ดสุดด้วยการพาไปกินไก่ตุ๋นโสมที่ตุ๋นไก่ยัดไส้กับโสมทั้งตัว เคี่ยวหกชั่วโมงจนน้ำใสแจ๋ว โทนี่เล็งเห็นถึงศักยภาพจึงให้กินคนละตัว เสริฟพร้อมกับเหล้าโสมรสแรงๆเหมาะกับอากาศหนาวๆยามค่ำจริงๆเลย หากใครจะมาที่นี่จะต้องโทรจองก่อนนะจ๊ะ
............เอาละ มินิซีรีย์ไตรภาค ได้ดินทางมาถึงบทสุดท้ายแล้วนะจ๊ะสิ่งหนึ่งที่ได้จากการเดินทางคือได้รู้จักคนเกาหลีมากขึ้น
........ได้รู้ว่าการตบหัวนั้นเป็นเรื่องปกติเพราะเค้าถือว่าเอ็นดูกัน เค้าไม่ตบคนที่ไม่สนิทหรอกไม่ต้องกลัว
.............การดื่มกับคนเกาหลีห้ามดื่มจากปากขวดและห้ามรินเหล้าเองให้ยื่นแก้วให้ผู้ใหญ่รินให้ยกเว้นเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น
........ละครเกาหลีนั้นเป็นเรื่องเกินจริงคนเกาหลีมีการแสดงออกเฉพาะเวลาเถียงกัน แต่ปกติจะเงียบๆไม่ค่อยพุด ไม่ค่อยยิ้ม ขี้อาย คล้ายๆคนไทยเหมือนกัน ในละครจะเวอร์เหมือนละครช่องเจ็ดนั่นเเหล่ะ เป็นการเพิ่มชีวิตชีวามากกว่า
.............ค่าครองชีพเกาหลีค่อนข้างสูงควรเตรียมแลกเงินเผื่อไปจนถึงวันกลับ หากเป็นคนชอบออกหากินตอนค่ำ..(เหมือนชั้น)เพราะไม่มีที่แลกเงินเยอะเหมือนบ้านเรา และควรซื้อนำดื่มขวดใหญ่จะคุ้มกว่าขวดเล็กติดไว้ที่โรงแรม ของกินในมินิมาร์ทค่อนข้างถูกกว่าตามร้านในที่ท่องเที่ยวจ้า
...........ร้านค้าแต่ละย่านจะปิดค่อนข้างเร็ว และควรนำเครื่องคิดเลขไปด้วยนะเพื่อต่อรองและคำนวณได้สะดวกมากขึ้น

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2549		7 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 0:51:00 น.
Counter : 889 Pageviews.
Share Tweet