|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เกาหลีใต้มินิซีรี่+2
เกาหลีใต้มินิซีรี่+2 หลังจากกลับสู่ฝั่งอีกครั้งเราก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเต้บเอ้ยกรุงโซล ตอนแรกเราต้องไปถ่ายทำที่โรงเรียนทำกิมจิ แต่เนื่องจากเวลามันกระชั้นชิดกับโชว์ช่วงเย็นเกินไปพี่โทนี่เลยพาเราไปดูสนามกีฬาเวิล์ดคัฟแทน อืมถึงแม้ตัวชั้นจะไม่ชอบดูบอล นอกจากทีมชาติไทยแข่งเท่านั้น เพราะชั้นสมาธิสั้นน่ะ ไม่ชอบดูไรนานๆวิ่งไปวิ่งมา ง่วงอ่ะแต่ก็อดตะลึงในความใหญ่โตไม่ได้ชั้นได้ลงไปเดินฉุยฉายทำตัวเป็นนักบอลดัง(ไม่รู้จักซักคน) และดูหญ้าพันธ์พิเศษ ที่ต้นกลมๆเหมือนต้นหอมเลย แต่มีขนาดประมาณหนึ่งในสามของต้มหอมที่เรากิน ชื่อพันธ์เคนตักกี้นำเข้าจากเมืองมะกันโน่นแหน่ะ สนามที่นี่เป็นอัฒจรรย์แบบริงไซค์ด้วยน่ะ ใกล้ชิดนักเตะสุดๆเลย รูปทรงอาคารก็สวยงามตามแบบว่าวของเกาหลี ปิดท้ายด้วยการเซ็นชื่อบนบอร์ดเป็นที่ระลึก ชาวเกาหลีนั้นเห็นปกติจะเงียบๆแต่เรื่องเชียร์นี่สุดใจขาดดิ้นเลยนะ ดูจากภาพติดบอร์ดแล้วฮึกเหิมดี หลังจากนั้นชั้นก็ต้องมาถ่ายโชว์เลื่องชื่อที่โรงละครนันทา เป็นโรงละครที่เป็นของเอกชนคล้ายๆสยามนิรมิตบ้านเราแต่จุคนประมาณสามร้อยคน เป็นการแสดงโชว์ทักษะงานครัวด้วยการเล่นจั๊กกลิ้งกับอุปกรณ์การทำอาหาร จาน ชามถ้วยถังกะลามังหม้อ ไฟ ผัก ผลไม้ โดยทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสามองค์ องค์แรกเป็นเรื่องราวที่มีลักษณะคล้ายซิทคอมที่มีต้นเรื่องจากในครัวเป็นหลัก องค์ที่สอง การแสดงความสามารถของผู้แสดงทีละคนและให้ผู้ชมขึ้นมาลองทำ องค์ที่สามเป็นการผสมแสง สีเสียงประกอบลีลาที่เร้าใจสุดๆ นึกถึงโฆษณามิรินด้าที่ตีกันกระจายและมีเพลงร็อคกับแสงไฟข้างหลัง นี่ก็ตีและสับผักกันกระจายเลย เพื่อปิดท้ายแบบมันๆ หลังจากนั้นเราก็ไปทำการสัมภาษณ์นักแสดงที่หล่อและน่ารักสุดๆ (หล่อกว่าในละครอีก กรี้ด ตั้งใจทำงานตาเป็นมันเลย) เค้าบอกว่าต้องฟิตมากๆเลยเพราะเค้าใช้คนชุดเดิมประมาณห้าหกคนต่อเนื่อง หนึ่งชั่วโมงครึ่ง นักแสดงมีกล้ามเล็กๆกันทุกคนเลย ใครชอบดูโชว์ต้องไม่พลาดเพราะเป็นโชว์เซเล็บของกรุงโซลที่ชนะเลิศความคิดสร้างสรรค์ระดับโลกมาแล้วค่าชมประมาณ -15000 วอน500-600 บาทไทย (1000 วอน=40บาท) เสร็จสรรพประมาณหกโมงครึ่งเราก็ได้ไปรับประทานอาหารค่ำกัน ที่ร้านอาหารชาววังย่านอินซาดง โดยมีการท่องเที่ยวเกาหลีเป็นเจ้าภาพ และแล้ว...... จานชาม ช้อนและตะเกียบยาวๆ ทำจากทองเหลืองก็ถูกนำมาวางตรงหน้าเป็นชุดๆ
และเริ่มเสริฟชาโสมซึงคือน้ำโสมนั่นเอง คนเกาหลีกินโสมสดกันเสมือนเรากินตระไคร้ใบมะกรูดซึ่งจะใส่ในอาหารหลายชนิดยิ่งพวกต้มๆนี่พลาดไม่ได้ สรรพคุณที่ได้รับทันที่คือรู้สึกอบอุ่น โดยเฉพาะช่วงอุณหภูมิที่ลดลง และแล้วอาหารตำรับแดจังกึมก็ค่อยๆทยอยกันออกมา ไม่ว่าจะเป็นสลัดผักแบบเกาหลีที่มีงาโรยมา หม้อไฟที่ใส่อาหารทะเลและเครื่องแกงรสชาติเหมือนแกงเลียง ...ข้าวหุงด้วยสมุนไพรสีออกม่วงๆเหมือนที่พระเจ้าจุงจงชอบเลย แต่ชั้นมีเรื่องโง่ๆมาเล่าเกี่ยวกับข้าวนี้คือเค้าจะมีโสมสดหั่นเป็นแว่นตกแต่งมาแต่ชั้นเขี่ยทิ้งเพราะกินดูคิดๆว่า ต้นอะไรว้าเหมือนต้นข่าเลย รสชาติดิบๆด้วย โทนี่เลยบอกว่านี่โสมสดน๋า....อย่าทิ้ง ตามด้วยปลาราดพริก ....หมูกระทะร้อนเสริฟในหม้อทำจากหิน อร่อยสุดๆ ปิดท้ายด้วย แป้งทอดหรือพิซซ่าเกาหลีที่อร่อยสมกับมีมาพันปีเลย เป็นแป้งเครปใส่กุ้งปลาหมืกและผักกวางตุ้งทอดเหมือนโรตีแต่รสชาตกินรวมเหมือนเกี๊ยวซ่า ของหวานแบบชาววังคือองุ่นดำหวานไร้เมล็ดเสริฟพร้อมกับน้ำบ๊วย สุดยอด ชอบทุกอย่างยกเว้นผักหลากหลายที่อยู่ในชามเล็กๆหลายใบไม่ชอบกินผักง่ะ แต่ขอพูดถึงผักและเครื่องเคียงที่เราเห็นกันในจังกึมหน่อยละกันว่าเค้ากินอะไรกัน จะมีหลายอย่างมากเช่นถั่วงอกดอง กิมจิผักหลายชนิด บุกเส้น สาหร่ายดอง ปลาแห้ง ถั่วหวานคล้ายเต้าเจี้ยวแต่แห้งและหวานนำ แต่ที่ชั้นชอบสุดคือกิมจิชาววังแบบไม่ใส่พริกที่รสชาติอ่อนๆดีกับใบงาทอดชุบน้ำตาลกรอบๆ ไม่คิดว่าจะละม้ายคล้ายสาหร่ายทอดขนาดนี้ เอาล่ะเมื่ออิ่มแล้วก็ขอบคุณเจ้าภาพและเดินช้อปที่อินซาดงปิดท้าย
บรรยากาศที่ถนนนี้ประมาณไนท์บาซ่าที่เชียงใหม่ เน้นของที่ระลึกและของกินมีร้านขนมหลายร้าน แต่จะปิดเร็ว สองทุ่มก็ปิดกันแล้ว ว่าแล้วขอตัวกลับโรงแรมนอนกันก่อนเด้อ.....
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2549 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2549 11:59:10 น. |
|
2 comments
|
Counter : 637 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นายเบียร์ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:50:40 น. |
|
|
|
โดย: jingsija วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:07:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|