ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีผลต่อพฤติกรรม การอยู่อาศัยของผู้บริโภค แนะเกาะเทรนด์ที่อยู่อาศัยใหม่

ในยุคดิจิทัลเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีผลต่อพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง โดยที่ผ่านมาที่อยู่อาศัยใหม่ไม่ว่าจะแนวราบหรือแนวสูงต่างมีการแข่งขันพัฒนาเน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัยของลูกบ้าน ที่สำคัญคือสามารถสร้างจุดเด่นและความแตกต่างของสินค้าเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาด อย่างไรก็ดี เทรนด์ที่อยู่อาศัยใหม่ยังมีนานาปัจจัยที่นักพัฒนาอสังหาฯ ต้องพิจารณา

อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า เทคโนโลยีมีอิทธิพลกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นเทรนด์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงจากนี้

ทั้งนี้ ด้วยสัดส่วนประชากรสูงอายุต่อประชากรรวมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเข้าใกล้ 20% ของจำนวนประชากรในประเทศไทย แน่นอนว่าความต้องการ ที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุจะมีมากขึ้น ดังนั้นตลาดบ้านและสินค้าสำหรับผู้สูงอายุจะเกิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์สังคมไทย รวมไปถึงกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทยสำหรับพักผ่อนหลังเกษียณอายุ

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยคือความท้าทายที่ ผู้ประกอบการต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สามารถอยู่อาศัยได้จริงและตอบโจทย์ทันต่อความเปลี่ยนแปลง เช่น ห้องขนาดเล็กแต่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ บ้าน ที่อยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืนด้วยคุณภาพของการก่อสร้าง บ้านที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ผู้อาศัยได้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นบ้านที่อยู่อาศัยได้ในระยะยาว เป็นต้น อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร กล่าว

ลงประกาศฟรี คลิกเลย : www.thaihomeonline.com

ศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สำหรับตลาด สร้างบ้านเองนั้น จะเห็นความต้องการสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุรวมทั้งการอยู่อาศัยแบบ 3 เจเนอเรชั่นเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม อีกทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงานและการใช้เทคโนโลยีจะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยขนาดบ้านจะเล็กลงแต่จะเพิ่มฟังก์ชั่นอเนกประสงค์ปรับเปลี่ยนได้ ในส่วนผู้ประกอบการเองก็จะมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเสริมระบบก่อสร้างมากขึ้นเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

กิตติพงศ์ กิตติถาวรกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แบ็คยาร์ด กล่าวว่า พฤติกรรมผู้ซื้ออสังหาฯ บนโลกโซเชียลซึ่งนอกจากจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบายและปลอดภัยแล้ว จะพบเทรนด์ที่มีการพูดถึงเพิ่มขึ้นคือเรื่องของสปามีความเด่นชัดมากขึ้นใน 2561เช่น การตกแต่งห้องน้ำคอนโดสไตล์สปา การออกแบบคอนโดให้ความรู้สึกพักผ่อนเหมือนสปา เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจกับพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สวน โคเวิร์กกิ้งสเปซ ล็อบบี้ พื้นที่ออกกำลังกาย ฯลฯ ใน ลำดับต้นๆ โดยประเภทที่มีความสนใจคือ คอนโดมิเนียมขนาด 1 ห้องนอน ซึ่งมองว่าความต้องการเหล่านี้จะ เป็นเทรนด์หลักสำหรับการเลือกซื้อ อสังหาฯ ในปี 2562

อย่างไรก็ดี คาดว่าอุปทานใหม่อย่างคอนโดที่เข้าสู่ตลาดในปีหมูราว 5 หมื่นยูนิต มีแนวโน้มที่รูปแบบของการพัฒนาสินค้าของดีเวลอปเปอร์จะปรับให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายย่อยมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายนั่นเอง

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ / reic.or.th 

ดูบทความดีๆได้ที่ : //www.thaihomeonline.com หรือ LINE@ : @thaihomeonline  ครบเครื่องเรื่องบ้าน คอนโด การลงทุน