|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ปาย..วันฝนพรำ การตามรอยความ่ทรงจำ และความฝันที่ยังต้องค้นหาต่อไป
ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของปาย ทำให้หลายๆคนอาจเกิดอาการเบื่อหน่ายเมืองๆนี้ ยิ่งกว่านั้นบางท่านที่ผมเคยเห็นโพสให้ความเห็นในพันทิปถึงกับต่อต้านปายอย่างรุนแรง แม้แต่ตัวผมเองเวลามีเพื่อนๆ มาขอความเห็นเรื่องไปเที่ยวปาย ผมมักบอกว่าไปช้าไป 7 ปีแล้วหล่ะ ตอนนี้ปายเปลี่ยนไปแล้ว แต่จริงๆลึกๆแล้วผมไม่เคยลืมเมืองนี้ได้เลย วันนึงผมตัดสินใจเดินทางย้อนรอยความทรงจำไปปายอีกครั้ง หลังจากที่ได้ไปครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน ผมคิดว่านี่คงเป็นการไปปายเป็นครั้งสุดท้ายของผมแล้วครับ
ผมเดินทางโดยเครื่องบิน ถึงสนามบิน เชียงใหม่ ตอนเช้า ประมาณ 9.00 น ปรากฏว่าเมื่อคีนก่อนไปมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดมีหมอกอย่างในรูปครับ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเชียงใหม่ร้อนมากๆ
บรรยากาศบริเวณลานบินตอนเช้า
ผมเช่ารถขับจากสนามบิน ไปทางแม่ริม เมื่อถึงทางแยกแม่มาลัยก็เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปปายครับ นี่คือเส้นทางที่ผมเจอ ทางทอดยาวไปจนถึงภูเขาข้างหน้า ผมเริ่มรู้สึกถึงการเริ่มต้นเดินทางแล้วในตอนนี้
รูปนี้ขอลงเอาไว้ เพราะเป็นร้านกาแฟร้านแรกที่เจอ และหลังจากได้แวะกินกาแฟมาหลายร้านตั้งแต่ริมทาง จนไปถึงที่ปาย ร้านเล็กๆที่ตกแต่งไม่สวยนี้หล่ะครับเป็นร้านที่ทำกาแฟได้อร่อยที่สุด นอกจากนั้นเค้กhomemade และกะหรี่ปั๊ปก็อร่อยมาก
ด้านตรงข้ามของร้านเป็นทุ่งนาที่เริ่มออกรวงแล้ว
ระหว่างทางไปปายผมต้องแปลกใจที่พบว่ามีหมอกอยู่มากทั้งๆที่สายแล้ว อากาศเย็นเหมือนหน้าหนาวครับ คงเป็นเพราะช่วงที่ไปมีมรสุมเข้าแถวภาคเหนือทำให้อากาศเย็นลง
บางบริเวณหมอกหนาจนต้องขับช้ามากๆเลยครับ
ต้นสนท่ามกลางหมอกขาวระหว่างทาง
ใครที่เคยขับรถไปปายคงจะคุ้นกับเจ้าพวกนี้ดีนะครับ
หลังจากขับผ่านโค้งต่างๆมาเกือบพันโค้งมั๊ง สัญญาณแรกของปายที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนมาปายครั้งแรกคือ เมื่อลงจากโค้งบนเขามาแล้วก็จะพบกับภาพทุ่งนากับเขาด้านหลัง
เวลา 7 ปี เป็นเวลานานพอที่อะไรหลายๆอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป นานพอที่จะทำให้ความรักที่เคยสดใสจางหายจนหมดไป นานพอที่จะเปลี่ยนคนๆนึงไปได้อย่างสิ้นเชิง ผมสงสัยว่าผมจะเจอความเปลี่ยนแปลงอะไรรออยู่ที่ปายบ้าง
เมื่อขับมาอีกสักพัก ก็มาถึงสะพานประวัติศาสตร์ปายครับ เมื่อก่อนแถวนี้มีสะพานตั้งอยู่โดดเดี่ยว แต่ตอนนี้มีสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างทั้งร้านกาแฟ บังกาโล และรีสอร์ทครับ รวมถึงบรรดาร้านที่นำของที่ระลึกเช่นเสื้อมาขาย หลายร้าน หรือว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงแรกที่ผมได้เจอนะ
ภาษาอังกฤษที่สะพานนี้เขียนว่า memorial bridge ครับ สะพานแห่งความทรงจำ สำหรับผมชื่อนี้อาจจะตรงกับความรู้สึกมากกว่า ผมยังเหลือความทรงจำเกี่ยวกับสะพานนี้อยู่พอควร
ร้านกาแฟนี้ครับ ที่อยู่บริเวณสะพาน ก็ดูน่ารักดี
ด้านหลังของที่นี่เป็นรีสอร์ท บุระลำปาย ครับ ห่างจากเมืองปาย 9 กิโล..
ถ่ายจากบริเวณในร้าน
ต่อจากนี้ไปไม่ไกล เราก็มาถึงที่นี่ครับ coffee in love ที่นี่เหมือนเป็น landmark ของปายไปซะแล้ว
จุดเด่นคือตำแหน่งของร้านที่มองเห็นวิวได้กว้าง และการตกแต่งที่สวยดี
สำหรับผมขออนุญาติบอกตามตรง ว่าผมไม่ได้ประทับใจอะไรกับที่นี่เท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะไม่ตรงกับความชอบของตัวเอง
หรือว่าที่นี่จะขาดสเน่ห์ของปายกันนะ
แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว สิ่งที่ที่นี่ขาดคงเป็น ความทรงจำของผมล่ะมั๊งครับ
ผมจึงต้องมาที่นี่ ในเมืองปาย สำหรับผมแล้วร้านกาแฟของปายต้องเป็นที่นี่เท่านั้นครับ
ผมว่าที่นี่ยังดูเหมือนเดิมอยู่นะ
ภายในร้านครับ
รูปภาพที่เด็กๆวาด เค้าเอามาโชว์อ่ะครับ วาดสวยกว่าเราอีกแฮะ
ด้านบนครับ
ออกไปเก็บภาพรอบๆกันบ้างครับ
ผมมาสะดุดกับที่นี่ครับ
ตอนแรกนึกว่าเป็นร้านกาแฟอีกร้านนึง แต่พอเดินไปถึงก็เป็นธนาคารครับ
อาจเป็นธนาคารที่สวยที่สุดในประเทศก็ได้
ตอนบ่ายผมไปต่อที่วัดน้ำฮูครับ
ที่วัดนี้ เป็นที่กล่าวถึงเพราะมีน้ำที่ออกมาเองจากเศียรของพระพุทธรูป ครับ
ตอนเย็นผมไปที่ปายแคนยอนครับ ที่นี่ผมไม่เคยไปมาก่อนเพราะผมคิดว่าคงไม่ได้สวยอะไร 1 คือ เคยเห็นรูปมาบ้างแล้ว ไม่ค่อยมีอะไรนอกจากดิน 2 คือชื่อภาษาไทย กองแลน ไม่ค่อยน่าเชิญชวนให้ขึ้นไปดูเท่าไหร่ แต่นี่เป็นอีกบทเรียนสำหรับผม อย่าตัดสินอะไรหรือใครก่อนจะได้รู้จักจริงๆซะก่อน
แสงสุดท้ายหลังจากพระอาทิตย์ตก (ผมไปไม่ทันเนื่องจากไม่ได้คิดว่าจะไปถ่ายรูปครับ พลาดไป0)
อีกอารมณ์นึงหลังจากสิ้นแสงอาทิตย์ ผมคิดผิดไปอีกแล้วที่นี่สวยมากๆ ผมชอบมากครับ
ภาพที่พักบ้างครับ จริงๆ ผมไปพักที่ the quaeter มี voucher 2 คืน แต่ผมอยู่ได้แค่คืนเดียวก็ตัดสินใจเปลี่ยนที่พัก โดยยอมทิ้งไป 1 คืนครับ กับความไม่ประทับใจหลายอย่างกับที่นี่ ทำให้ผมเปลี่ยนมาพักที่บุระลำปาย ในคืนต่อมาครับ บุระลำปายครับ
ในห้องน้ำ
บริเวณระเบียงครับ ติดกับสระน้ำ
เมื่อถึงกลางคืนก็ถึงเวลาไปถนนคนเดินกันแล้วครับ
เริ่มต้นที่แยกปายหนาว อากาศหนาวนิดๆในวันนี้ แต่ทำไมบางครั้งรู้สึกว่าความหนาวมันแทรกซึมเข้าไปในใจได้แฮะ
ร้านขายของที่ระลึกหลายร้านตั้งเรียงรายกัน เป็นอีกภาพที่คุ้นในความทรงจำของผม
ร้านนี้ขายกระเป๋า กับหมวกครับ
เก็บรูปตามร้านต่างๆต่อไปนะครับ
รถแบบนี้จอดหลายคันครับ ส่วนใหญ่ขายของเล่นเด็กสมัยก่อน
เดินไปเดินมา มาถึงธนาคารเดิมครับ ขออีกรูปละกัน
ร้าน black canyon ในสไตน์เมืองปาย
ชาที่ผมซื้อกลับมาด้วย เค้าบอกปลูกที่แม่ฮ่องสอนนะครับ
ที่ขาดไม่ได้ของปายก็คือร้านขายโปสการ์ดกับเสื้อปาย
แล้วผมก็มาถึงร้านนี้ครับ ร้าน ปาย บ่ เปลี่ยน ถ้าคิดถึงเก็บเงินครั้งละ 5 บาทจริง เมื่อเงินหมดก็คงหยุดคิดถึงได้เนอะ แต่หลายๆคนคงรู้ว่าบางครั้ง ความคิดถึงมันหยุดไม่ได้
ความรู้สึกแรกของผมคือแอบไม่เห็นด้วยกับชื่อร้าน แน่นอนว่าปายเปลี่ยนไปแล้ว ปายมี 7-11 ถึง 3 ร้าน (ตอนที่ผมมายังไม่มีซักร้าน) ในหน้าหนาวมีวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง มีรีสอร์ทแข็งๆเกิดขึ้นจนนับไม่ไหว ร้านกาแฟแปลกๆใหม่ๆหลายร้าน แต่สิ่งที่สะกดใจผมมากที่สุดในทริปนี้คือ โปสการ์ด เล็กๆแผ่นนี้ครับ
ผมกลับที่พักไปนอน ช่วยไม่ได้เลยที่ในคืนนั้นคำๆนี้วนเวียนอยุ่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา ปายไม่เปลี่ยน แต่คนสิเปลี่ยน ให้ตายเถอะ ประโยคนี้มันเหมือนเจาะเข้ามาที่ผมตรงๆ ผมที่คอยบอกว่าปายเปลี่ยนไปหมดแล้ว น่าเสียดายที่จะไปเที่ยวในตอนนี้ จริงๆแล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวผมเอง ผมเปลี่ยนไปจาก 7 ปีที่แล้วอย่างมากมาย ผมทิ้งความฝันหลายอย่างเพื่อเดินหน้าในความเป็นจริงต่อไป ถ้าคนไม่เปลี่ยนไปผมคงกลับมาที่นี่ด้วยความรู้สึกเดิมๆได้ และทุกอย่างคงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม คืนนั้นผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาเพื่อไปห้วยน้ำดัง ทางยังคงมีหมอกเหมือนเดิมครับ
เช้านี้ผมมีความคิดใหม่เกิดขึ้น ผมเปลี่ยนความคิดเรื่องปายแล้ว ผมเชื่อว่าจิตวิญญาณของปายยังคงอยู่ แม้ว่าคนจะขนเอาความเปลี่ยนแปลงมากมาย จะสร้างรีสอร์ทอีกกี่หลัง ปายก็ยังคงเป็นปาย คนอย่างผมที่ถือว่าเป็นคนนึงที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นกับปาย ไม่ควรมีสิทธ์โทษเรื่องนี้ ผมมองย้อนไปถึงคำพูดที่เคยบอกคนอื่นๆรวมทั้งเพื่อนๆหลายคน บางครั้งผมถึงกับบอกว่าปายไม่ใช่ที่น่าไปอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้ถ้าใครถามผม คงต้องขอเอาคำนี้ไปบอกต่อ ปายไม่เปลี่ยน....คนสิเปลี่ยนไป
เนื่องจากผมตื่นสายไปหน่อย ก่อนไปถึงห้วยน้ำดังแสงอาทิตย์ยามเช้าก็ไปถึงก่อนผมซะแล้ว
ภาพห้วยน้ำดัง ในเช้าวันที่ผมตื่นสายครับ
ภาพมุมกว้างของทะเลหมอกที่คงจะมีตอนหน้าหนาวครับ ตอนนี้พอเห็นได้บ้าง
ที่พักของทางอุทยาน ผมชอบครับ ดูอบอุ่นดี
เมื่อเก็บภาพสุดท้ายเสร็จ ก็ถึงเวลาที่ผมต้องเดินทางกลับจากปายแล้วหล่ะครับ
เวลา 7 ปี เป็นเวลานานพอที่อะไรหลายๆอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป นานพอที่จะทำให้ความรักที่เคยสดใสจางหายจนหมดไป แล้วก็นานพอที่จะทำให้เกิดความรักงอกงามขึ้นอีกครั้งได้
ณ วันนี้ 7 ปี ผ่านไป ...... ผมหลงรักปายอีกครั้งนึง
ลาก่อนครับ เมืองปาย จนกว่าจะพบกันใหม่ ( อ้าว ก็ไหนว่าจะมาเป็นครั้งสุดท้ายนี่??? )
Create Date : 03 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 16:42:51 น. |
|
13 comments
|
Counter : 2868 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:17:53:31 น. |
|
|
|
โดย: MaZZO วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:21:09:54 น. |
|
|
|
โดย: PrettyNatty วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:21:39:27 น. |
|
|
|
โดย: ลูกกีวี่ วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:23:28:01 น. |
|
|
|
โดย: kwan_3023 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:7:42:04 น. |
|
|
|
โดย: empid วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:9:25:52 น. |
|
|
|
โดย: oonrak_baby วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:12:56:11 น. |
|
|
|
โดย: LoveError วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:16:30:58 น. |
|
|
|
| |
|
|
ภาพสวย เล่าเรื่องได้เพลินเลยครับ แหล่ม ๆ