ระเบียงแห่งรักยินดีต้อนรับค่ะ
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
เพียงดวงจิตพิศวาส~*

เพียงดวงจิตพิศวาส
ดำรัสสิริ

แพรวเป็นคนรักง่าย หลงง่าย พอใครดีด้วยแพรวก็ `ซึ้ง' และหลงรักเขาหัวปักหัวปำ ครั้น`ซึ้ง'กันนานๆ ไป แพรวก็จะแหนงหน่ายเพราะมองเห็นความกระดำกระด่างในแง่มุมต่างๆ และบอกศาลาเพื่อนจึงมักค่อนว่าแพรว `เปรี้ยว' และไม่มีหัวใจ แต่แพรวก็ไม่คิดจะถือสา มาเป็นอารมณ์ ก็ที่จริงแล้วแพรวเพียงแต่ `อ่อนไหวง่าย'เท่านั้นเอง แล้ววันนี้แพรวก็กำลัง`หลง'ใครคนหนึ่งเสียหนักหนา

ใครคนนี้ของแพรวน่ารัก...เพราะช่างเอาใจ น่ารักเพราะเป็นคนแต่งตัวดี เสื้อผ้าของเขา สวยและประณีต เรียบและดูเฉียบตั้งแต่ทรงผมจรดรองเท้าทีเดียว ผิวของเขาก็สวย ผิวคล้ำแต่ดูสะอาดเนียนตา รูปทรงของเขาก็ดูดี ไม่อ้วนเทอะทะ ไม่ผอมไม่สูง แถมยังดูดีไปทุกกระเบียดด้วย`มาด' สง่า ก็ดีไปสารพัน...อย่างนี้จะไม่ให้แพรวหลงเขาหัวปักหัวปำได้อย่างไร...

แพรวพบธัช เมื่อแพรวเป็นน้องใหม่และธัชเป็นนิสิตปริญญาโท ได้ร่วมกิจกรรมชมรมภาษาต่างประเทศที่ธัชเป็นผู้นำอยู่หลายครั้งหลายครา แล้วเขาก็จบออกไป เมื่อแพรวเป็นซีเนียร์ ธัชก็เป็นเจ้าบ่าวรูปหล่อของพี่สาวเพื่อน และเมื่อแพรวเข้ามาเป็นเลขาฯผู้จัดการแผนกในบริษัที่ธัชเป็นผู้จัดการฝ่ายจึงเป็นอีกช่วงหนึ่งของวงจรชีวิตที่มีจังหวะต่อเนื่องกันแนบแน่น แพรวไม่เคยรู้สึกว่า `หลง' ธัช แม้ว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะอ่อนหวาน ชื่นชมลึกซึ้ง และมีความสมบูรณ์แบบในตัวเองอย่างที่เธอปฏิเสธไม่ได้เลย จนกระทั่งวันนี้...วันที่มีโอกาสได้มานั่งตรงหน้ากันและกัน สนทนากันในระหว่างมื้ออาหารอันเอิบอิ่มอารมณ์นี้เองที่แพรวเริ่มหลงธัชอย่างหัวปักหัวปำ ในฉับพลันทันใดตามประสาคนรักง่าย หลงง่ายอย่าง แพรว...

"แพรว...แพรว" แพรวกะพริบตาถี่ ได้ยินเสียงธัชเหมือนแว่วๆมาจากที่ไกล
"แพรว...คุณใจลอยอีกแล้ว มีอะไรหรือ" ธัชมองดูเธออย่างคาดคั้นกึ่งคะเนใจ

"เปล่าค่ะ...แพรวไม่มีอะไรในใจ...จริงๆนะคะ" แพรวหัวเราะกลบเกลื่อน ก็จะบอกธัชได้อย่างไรเล่า ที่แท้แล้วแพรวกำลังคิดถึงสิ่งใด แพรวรวบรวมจิตใจมาจดจ่ออยู่กับธัช สังเกตชัดว่าแนวเขียวๆของไรหนวดเหนือริมฝีปากทำให้รอยยิ้มของธัชน่าดูขึ้นจนแพรวมองเพลิน กระไรหนอ เขาช่างมีเสน่ห์โน่นนิดนี่หน่อยที่คอยดึงหัวใจแพรวให้หลงใหลเขาจริงๆ

"เมื่อแรกที่ผมเห็นแพรวที่คณะ...น่ะนะ แพรวยัง...เป็นเด็กนิดเดียว หน้าตาแป๋วแหวว เชื่อไหม ถ้าผมจะบอกว่า...ผมคอยมองหาแพรวเสมอ..."เขาพูดเรื่อย ๆ แต่แพรวก็อดหน้าตาร้อนผ่าวไม่ได้"ทำไม...ทราบไหม...อยากให้แพรวยิ้มด้วยนะฮะ รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดูจริงๆ"

ธัชมองดูแพรวตรง ๆ เห็นเธอหน้าตาแดงก่ำ แต่วางหน้าเฉยยิ่งนึกเอ็นดู "ถ้าผมมีน้องสาวสักคนหนึ่ง น่ารักเหมือนแพรวคนนี้ ผมคงรักเธอมากทีเดียว" ธัชชะโงกกายข้ามโต๊ะมาจนใกล้ "แพรวเล่า ถ้ามีพี่ชายอย่างผม แพรวจะชอบไหม" เขามองลึกเข้าไปในดวงตาแพรว จริงใจ และอย่างต้องการคำตอบ

นัยน์ตาสวยๆของแพรววิบวับบ่งบอกความรู้สึกในใจ ชัดเจนยิ่งกว่าถ้อยคำใดๆเสียอีก แต่ธัชก็ยังมองดูแพรวแน่วนิ่ง ประกายหวานในดวงตานั้น ทำให้แพรวใจหายไม่กล้าต่อตากับเขา แพรวจึงอมยิ้มและพยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบ...

มุมนั้นเป็นมุมสงบ มองออกไปเห็นทะเลเรียบราวกับแผ่นกระจกสีฟ้าใส ใกล้ๆที่แพรวนั่งก็สะพรั่งไปด้วยไม้ดอกไม้ใบที่มีดอกสีสดเจิดจ้า เก้าอี้นุ่มนั่งสบาย อาหารก็อร่อยและที่แสนดีก็คือมีธัชนั่งอยู่ตรงหน้า ชี้ชวนให้แพรวชิมนั่นนิดนี่หน่อย

แพรวรู้สึกสุขสมหนักหนา คงเป็นเพราะธัชแสนจะอบอุ่นและกันเองนัก จนแพรวรู้สึกมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ๆเขา ตาต่อตาสบกัน แพรวยิ้ม ดวงตาสวยพราวระยับของแพรวทำให้ธัชมองดูแพรวอย่างเพ่งพิศ พิศวงและพึงพอใจ ทำให้แพรวยิ่งเพริดกระเจิดกระเจิงไปกับแววตาอาลัยไยดีนั้นจนใจแทบขาดทีเดียว

ทั้งแพรวและธัชต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน ต่างสานไมตรีต่อกันเป็นอันดีตลอดมื้ออาหารอันสุนทรี ไมตรีพิสมัยคุโพลงขึ้นเหมือนสายฟ้าแลบ พายุหมุนและน้ำวนหล่อหลอมเป็นสัญญาณทองคล้องใจ ด้วยความชื่นชมลึกซึ้ง เปี่ยมปรี่ล้นพ้น...อย่างน้อยก็ในหัวใจแพรว

ระหว่างถนนที่รถกำลังแล่นฉิวอยู่นี้กับทะเลข้างหน้า มีทุ่งหญ้าคั่นอยู่ระหว่างกลางสลับกับเนินเขาเตี้ยๆ ภูเขาสีน้ำเงินอ่อนทอดตัวขรึมอยู่ไม่ไกลนัก น้ำทะเลสีมรกตเป็นประกายวับๆล้อรับแสงแดดจัดจ้ายามบ่ายแก่ แพรวเพลินมองด้วยชื่นชอบทะเลมาก เสียงเพลงในตลับบรรเลงแผ่วๆไพเราะ

`ก็มีสักครั้งในชีวิตหนึ่ง จะซาบซึ้งกับหัวใจ อ่านบทกลอนแล้วร้องไห้ ฟังเพลงได้ตลอดคืน ลม...ลมหายใจ ความคิดถึง อยากมีความรักเป็นที่พึ่ง เฝ้าคิดถึงคนชอบพอ ค่อยๆสานค่อยๆต่อ...ก็เป็นรักหนักแน่นจริง...'
แพรวชำเลืองดู`คนชอบพอ'ของเธอด้วยรู้สึกว่าเขาเงียบขรึมแน่วนิ่งจนแพรวใคร่รู้ว่าเขากำลังหมกมุ่นครุ่นคำนึงถึงสิ่งใดอยู่ เรื่องงานที่ได้รับมอบหมายมาก็ต่าง `ร่วมประสานงาน' จนลุล่วงราบรื่นไป โดยไวกว่าที่คาดคะเนไว้เสียอีก ก็แล้วเขาเฝ้าพะวงคิดถึงสิ่งใดกันเล่า

`ก่อนนั้นทุกวันโลกเป็นสีเทา เปลี่ยวเหงาเฝ้าแต่รอคอยเสมอ เธออยู่แห่งไหน เมื่อใจฉันพร่ำหาเธอ ใคร่จะเสนอมอบใจให้และต้องการ...'
แพรวลอบมองดูเขาอีก เพ่งพิศไม่วางตา มองคิ้วหนาเป็นปื้นซึ่งทอดยาวตามรูปรีของดวงตามองเคราสีเขียวเป็นแนว กระดูกโหนกแก้มและขากรรไกรสี่เหลี่ยมแข็งแรง ยิ่งพิศยิ่งคิดชอบใจจนแพรวเผยอยิ้มพริ้มเพรา...

"ผมมีอะไรแปลกหรือ คุณถึงได้จ้องดูผมอย่างนั้นน่ะ" ธัชบ่นเบาๆ เขาละสายตาจากทางข้างหน้ามามองแพรวแวบหนึ่ง

"ทะเลสิคะเป็นเหตุ สวยอย่างกับรูปวาด...ยิ่งกว่ารูปวาดเสียอีก แต่คุณธัช....ทำหน้าเฉยจังเลย แพรวก็ไม่แน่ใจสิคะ..."

"ไม่แน่ใจอะไร"

"ก็...ไม่แน่ใจว่า ถ้าเราจะพักรถตรงนี้สักครู่หนึ่ง...จะได้ไหมน่ะสิคะ"
แพรวทำนัยน์ตาและสุ้มเสียงเว้าวอน ธัชเหลือบดูนาฬิกาแล้วก็ชะลอความเร็ว เขาเลี้ยวรถเข้าไปช้าๆกลางทุ่งหญ้าโล่งกว้างนั้น มุ่งหน้าสู่ร่มไม้ใหญ่ที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่ไม่ไกลนัก ธัชรู้สึกรำคาญนิด ๆ เอ็นดูหน่อยๆเมื่อแพรวบ่นสงสารดอกไม้ใบหญ้าที่ยางรถบดราบเป็นทางยาว แพรวผลักประตูรถกว้างออกระบำดอกหญ้าพลิ้วไหวอยู่ในสายตา

ธัชพะวงอยู่กับการเลือกเทปเพลงม้วนใหม่ที่ถูกใจเขา แพรวจึงก้าวเดินไกลออกไปในทุ่งหญ้า ดอกหญ้าดอกนิดๆสีน้ำตาลอมเขียวอ่อนระเหิดระหงอยู่กับก้านแบบบาง ไหวตัวกับลมแรงเหมือนหนึ่งจะทักทาย หญ้าไม่นุ่มอย่างที่คิด ตรงข้ามใบเรียวของมันบาดแปลบและระคายรุนแรง ระคายเท้านัก แพรวจึงนั่งลง ไกลออกไปเหนือขุนเขา เมฆกำลังตั้งเค้า ลมแรงทำให้มันพัดเปะปะกระจัดกระจายจนดูท้องฟ้าเลอะเลือน

ภาพตรงหน้าสวยเสียจนแพรวอยากจะถอดหัวใจและความรู้สึกออกมาเป็นภาพเขียน เติมภาพธัชกับแพรวไว้ด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันนี้...วันที่แสนจะสุขสดใส วันที่มีธัชกับแพรวเพียงสองคน

อารมณ์ของแพรวอ่อนไหว กระเจิดกระเจิงไปไกล ถ้าหากหัวใจธัชยังว่าง และมีเขามานั่งใกล้ๆ ชี้ชวนให้แพรวชมความงามของธรรมชาติตรงหน้า แพรวจะมีความสุขสักเพียงไหนหนอ

`หากความรักเป็นเหมือนลม คงพร่างพรมอยู่ข้างเธอ เฝ้ารอคอยเสียจนเก้อ คิดถึงเธออย่างจริงจัง อยากมีความรักเป็นที่พึ่ง เฝ้าคิดถึงคนชอบพอ ค่อยๆสานค่อยๆต่อก็เป็นรักหนักแน่นจริง...'

คิดถึงบทเพลงที่ชอบร้องเสมอแล้ว แพรวก็ถอนใจ อยากรู้ใจธัชนัก เขารักแพรวบ้างหรือไม่ นึกถึงของฝากที่เขาหอบมาจากแดนไกล ข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้แพรว ของฝากที่มีถ้อย `ฉันรักเธอมาก' เป็นสองภาษาจารึกอยู่ ช่างกระไร แพรวพึ่งมาคำนึงถึง และอยากให้ความหมายของถ้อยคำ `ฉันรักเธอมาก' เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาตอนนี้นี่เอง กระไรหนอหลงรักคนที่เขามีเจ้าของเสียแล้วหรือ ถ้าหากความเสียใจมีสีและมองเห็นเป็นภาพได้ ภาพสวยงามที่แพรวตั้งใจจะบันทึกไว้ในหัวใจก็คงจะมีสีสัน และแสงเงาเศร้าหมองลง

แพรวเอื้อมเก็บดอกหญ้ามาถักเป็นวง ประดิดประดอยให้ก้านดอกอ่อนคล้อยไปในแนวเดียวกันผีเสื้อเล็กๆบินว่อน บ้างบินมาเกาะที่มงกุฎดอกหญ้า แพรวจึงสวมมันไว้เจตนาให้ผีเสื้อบินมาเกาะ คงสวยงามน่าดู หากผีเสื้อจะกลายมาเป็นเครื่องประดับมงกุฎให้ราชินีดอกหญ้าอย่างแพรว แพรวถอนใจน้อยๆด้วยคำ `ราชินีดอกหญ้า' ดูจะเหมาะกับแพรวมากกว่า ถ้าในความจริงแพรวได้เป็นราชินีในดวงใจของชายคนที่แพรวกำลังปลื้มเขาหนักหนาก็จะดีหรอก ช่างเถอะ...หากไม่มีความทุกข์เสียบ้าง แพรวหรือจะรู้ว่าที่แท้จริงแล้วความสุขเป็นอย่างไร...

แพรวเอนกายลงนอน ดอกหญ้าโอนไหวสัมผัสผิวกายของแพรว แผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลมให้แพรวลบรูปเขียนที่เศร้าหมองนั้นเสีย ถึงธัชจะอยู่ใกล้ในหัวใจแพรว แต่ก็คงเป็นความใกล้ที่ห่างไกลเสียเหลือเกิน จุดสองจุดบนเส้นรอบวงเดียวกัน...แพรวถอนใจ พยายามที่จะกลับเป็นแพรวคนเดิมที่พร้อมจะหลงใครก็ได้ที่แสนดี หลงอย่างหัวปักหัวปำไปตามประสาหัวใจที่มีเสรีภาพ หลงง่ายและหน่ายเร็วตามประสาของแพรว...

ธัชมองไปไกลในทุ่งหญ้า เขาเห็นเสื้อสีสวยของแพรวเด่นอยู่ท่ามกลางดอกหญ้าไหวๆซึ่งมีทะเลสวยเป็นฉากหลัง อารมณ์ของธัชละมุนลง หัวใจก็อ่อนโยน ซาบซึ้ง ก็แพรวน่ารักนัก เขาเอ็นดูเธอเสมอ ปรานียามที่เห็นเธอหมกมุ่นกับงานอย่างน่าเหน็ดเหนื่อย อยากเอาอกเอาใจให้เธอสดชื่นรื่นเริงเหมือนนกน้อยเหมือนอย่างที่เธอควรจะเป็น ธัชรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อเห็นเธอเหงาหงอย รู้สึกเสียดายยามเมื่อเธอมีทีท่าเหมือนดอกไม้เฉาแดด ถ้าเธอเป็นดอกไม้ก็จะดีหรอก เขาจะได้เก็บเธอไว้ในแจกันใจหล่อเลี้ยงด้วยความรักและความปรารถนาดี เอาใจใส่ทะนุถนอมให้ดอกไม้นี้บานอยู่ในหัวใจเขานิรันดร

อลิซาเบท บราวนิ่ง เคยกล่าวไว้ว่า `If thou must love me, let it be for naught except for love's sake only' ถ้าจะรักจงรักเพื่อที่จะรักเท่านั้น มิใช่เพื่อแสวงหาความสมปรารถนาอันใด ธัชครุ่นคำนึงแล้วก็ได้แต่ถอนใจยาว...

เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนเคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่จุดสีสวยนั้นก็ยังไม่เคลื่อนไหว ธัชรู้สึกร้อนรุ่มใจ เขาไม่อยากเข้าไปใกล้เธอเลย หวั่นเกรงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงนัก แล้วฝนก็โปรยลงมากราวใหญ่ ฝนเม็ดโตๆทำให้แพรวตกใจ เธอผลุดลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ลืมมงกุฎดอกหญ้าของรักที่เลื่อนหล่น แล้วแพรวก็วิ่งเข้ามา...วิ่งมาสู่อ้อมแขนของธัช

`ก็มีสักครั้งในชีวิตหนึ่ง จะซาบซึ้งกับหัวใจ อ่านบทกลอนแล้วร้องไห้ ฟังเพลงได้ตลอดคืน ลม...ลมหายใจความคิดถึง อยากมีความรักเป็นที่พึ่ง เฝ้าคิดถึงคนชอบพอ ค่อยๆสานค่อยๆต่อ ก็เป็นรักหนักแน่นจริง...'

ธัชโอบเธอไว้หลวมๆ แล้วจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของแพรว ประกายระยิบวิบวับในดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาอยากจุมพิตเธอหนักหนา เกรงเหลือเกินถ้าจุมพิตของเขาจะทำให้ดอกไม้ดอกนี้อับเฉาเศร้าหมองลง

`ถ้าจะรัก ก็จงรักเพื่อที่จะรักเท่านั้น'

คำพูดนี้ผ่านเข้ามาในใจของธัชอีก เขายับยั้งใจตนเองอย่างยากลำบาก โอบร่างบางๆ ของแพรวเข้ามาใกล้เหมือนจะปกป้อง ฝนเม็ดโตๆโปรยลงมาซู่ใหญ่ แล้วหยุดนิ่งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตะวันเจิดจ้า ลมพัดแรง เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเริ่มหมาด...

ธัชมองไป ดอกไม้ชนิดหนึ่งชูช่ออยู่ไม่ไกลนัก สีม่วงเสลาสวยงาม จึงบรรจงเด็ดมาแซมลงที่ข้างหูแพรวแทนมงกุฎดอกหญ้าที่เปียกฝนจนลู่ลง ตาต่อตาสบกันนิ่ง...นาน บางครั้งบางคราคนเราสามารถสนทนากันได้โดยไม่ต้องใช้ถ้อยภาษา ต่างถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึก ต่างซาบซึ้งกับความจริงที่เฝ้าคิดคำนึง และต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันโดยดุษณี ธัชยิ้มกับแพรวและแพรวก็ยิ้มตอบเขาอย่างน่ารักอย่างเข้าอกเข้าใจ ธัชรู้สึกดีใจมากที่เขามิได้ทำให้ดอกไม้น่ารักดอกนี้เฉาเศร้าหมองลงด้วยดวงใจที่เห็นแก่ตัว

แพรวบรรจงเลือกตลับเพลง ธัชจะรู้ไหมหนอว่าเพลงนี้แพรวตั้งใจเลือกเพื่อเขาโดยเฉพาะเสียงเพลงไพเราะแว่วๆมา ธัชตั้งใจฟังเพลงที่แพรวเลือกเพราะท่วงทำนองและเนื้อร้องจับใจธัชนัก

`ก็มีสักครั้งในชีวิตหนึ่ง จะซาบซึ้งกับหัวใจ อ่านบทกลอนแล้วร้องไห้ ฟังเพลงได้ตลอดคืน...อยากมีความรักเป็นที่พึ่ง เฝ้าคิดถึงคนชอบพอ ค่อยๆสานค่อยๆต่อ...ก็เป็นรัก หนักแน่นจริง'

ถนนตรงหน้าทอดคดเคี้ยวไปอีกไกล ละทิ้งทุ่งหญ้ากว้างที่มีดอกหญ้าสวย และทะเลแสนงามไว้เบื้องหลัง เสียงเพลงยังคงแผ่วไพเราะ แพรวมองไปตามถนนสายยาวเบื้องหน้าพลางคิดในใจ แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน มนุษย์ต่างเพศก็อาจจะดูดซึมความรัก ความเข้าใจจากกันและกันได้มากมายหลายทาง โดยผ่านความเข้าอกเข้าใจ ห่วงใยสนใจในกันและกันเพียงด้วยดวงจิตพิศวาสเฉกเช่นที่แพรวกำลังรู้สึกซาบซึ้งเต็มตื้นอยู่ขณะนี้

`หากความรักเป็นเหมือนลม คงพร่างพรมอยู่ข้างเธอ เฝ้ารอคอยเสียจนเก้อ คิดถึงเธออย่างจริงจัง แต่พอไม่นาน รักก็ผ่าน...ระบัด เหมือนลมพัดเลยผ่านไป หากเธอยังจำเพลงนี้ได้ นี่คือ...ลมหายใจของความคิดถึง...'

แพรวรู้ว่า แพรวจะเฝ้าคิดถึงธัชไปอีกนานแสนนาน จะจดจำวันหวานที่มีแต่ความสุขสดใส มีความเข้าใจที่แสนดี...วันที่มีธัชกับแพรวเพียงสองคนตราไว้ในดวงจิตตลอดไป

ชีวิตนี้ลำบากยากยุ่งสารพัน ควรหรือจะทำลายความทรงจำหวานๆที่แสนดีกับใครคนหนึ่งไปโดยไม่จำเป็นเลย นัยน์ตาของแพรวร้อนผ่าว แพรวอยากร้องไห้เหมือนกัน แต่ก็คล้ายกับว่าน้ำตานั้นได้เหือดแห้งลงไปในช่วงชั่วโมงที่ผ่านมา เหลือแต่ความตีบตื้นในหัวใจเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ



Create Date : 23 มกราคม 2552
Last Update : 23 มกราคม 2552 14:53:56 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระเบียงแห่งรัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Photobucket
Friends' blogs
[Add ระเบียงแห่งรัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.