|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่หา
เสน่หา ดำรัสสิริ "เมื่อไหร่คุณจะมาอีกเล่าคะ"
คุณชะงักหันกลับมามองฉัน เรายืนจ้องมองกันอย่างนั้นนานเป็นครู่ ภายใต้แสงดาวสลัวของคืนเดือนแรม พวงชมพูไกวช่อน้อยๆ ก้านกับใบเสียดสีกันดังแผ่วๆ เหมือนจะกล่อมให้เราอยู่ในภวังค์
"ผมจะมาอีกแน่นอน ผมคิดถึงคุณมากกว่าที่คุณคิดนัก"
คุณปิดประตูรถเบาๆ สตาร์ทเครื่องและกลับรถ ฉันอยากจะยึดคุณไว้เพื่อคร่ำครวญอ้อนวอนว่า"อย่าจากฉันไปอีกเลย" แต่เท่าที่ทำได้ก็คือยืนมองดูคุณขับรถจากไป ไฟแดงหายลับไปแล้ว ฉันก็ยังบังคับใจตนไม่ได้ `คุณไม่รักฉันเลยหรือคะนี่' ตลอดค่อนคืนมานี้ เราอยู่ด้วยกันใกล้ชิดสนิทสนมประหนึ่งว่าเราจะไม่พรากจากกันอีก ก็แล้ววินาทีนี้เล่า คงเหลือสิ่งใดบ้าง หัวใจขมจนแทบจะร้องไห้ ถ้าพบแล้วต้องพรากจากกันอย่างนี้ สู้ไม่พบกันเลยจะดีกว่า
"รังเกียจไหม ถ้าจะจุดบุหรี่ให้ผมสักมวน" คุณชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ คาบบุหรี่ไว้ด้วยริม
ฝีปากมวนบุหรี่ขยับขึ้นลงตามจังหวะที่พูด ฉันกดสปริงไฟแช็คสว่างวาบขึ้นและยื่นไปตรงหน้าแสงสว่างเรืองรองส่องให้เห็นประกายเจ้าชู้ฉาบฉายในแววตาของคุณ ถ้าคุณทำตาอย่างนี้กับผู้หญิงคนอื่น ฉันคงอิจฉามากทีเดียว คุณพ่นควันเป็นวงสูงขึ้นเบื้องบนด้วยท่วงท่าสบายอารมณ์ แขนข้างหนึ่งทอดมาวางบนพนักเก้าอี้ของฉัน ไม่พบคุณนานหลายเดือน คุณคล้ำลงไปมาก แต่กระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวาแจ่มใสเหมือนอย่างเคย ขณะที่เล่าถึงความลำบากตรากตรำในการฝึกเรนเย่อร์ที่คุณภาคภูมิใจนัก ผิวหน้าแดงจัดทั้งที่เพิ่งเริ่มดื่มหรือจะดื่มมามากก่อนหน้าจะมาพบฉันก็ไม่รู้
"นั่งคิดอะไรอยู่นะนั่น ไปเต้นรำกันดีกว่า" คุณดึงมือให้ฉันลุกเดินตามไป
ฟลอร์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นแคบนักด้วยวงดนตรีล้ำที่เสียเกือบครึ่งหนึ่ง ดูเหมือนทั้งคณะจะเป็นชาวฟิลิปปินส์ เมื่อเราออกไปถึงนั้น หนุ่มนักร้องผิวขาวหน้าคมผมดำกำลังเริ่มเพลง "ลัฟ อิส บลู" เพลงโปรดของคุณพอดี คุณพาฉันหมุนไปรอบๆ ฟลอร์ และหยุดตรงหน้านักร้อง แววตาของเขาเศร้าเหลือเกิน ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นว่า ความรักของเขาคงจะเจ็บช้ำเหมือนเนื้อเพลงกระมัง `ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์' พระท่านว่าไว้ ฉันถอนใจยาว นึกถึงตัวแล้วก็หมองใจนัก
คุณรั้งร่างของฉันเข้าไปใกล้ ใกล้จนร่างของเราแนบชิดกัน ลมหายใจผะผ่าวอยู่ข้างหู ได้กลิ่นเหล้าและบุหรี่ระเหยมาอ่อนๆ ผู้ชายมักเป็นอย่างนี้แหละหนอโชคดีกว่า ในเมื่อต้องการจะทำอะไรตามใจตนก็ทำได้ดังใจนึก ไม่ต้องคำนึงถึงพันธะผูกพันใจ ฉาบฉวยหวานฉ่ำ ร้อนรนแล้วก็จางหายไป แม้จะเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองเพลงอ่อนหวานโรแมนติคสักแค่ไหน ฉันก็ยังรู้สึกตัวว่าจมูกและริมฝีปากของคุณที่เคลียอยู่ข้างแก้ม กกหู และตรงรอยแสกผมนั้นคือความจงใจเจตนา เป็นจุมพิตที่ อ่อนหวาน สัมผัสที่อบอุ่นรัดรึงใจจนยากจะสลัดปัดเปือน อยากรู้ใจคุณนัก คุณรักฉันบ้างไหมหนอ หากเป็นเพราะอารมณ์บงการ ฉันคงแสนเสียใจหนักหนา ดนตรีขึ้นเพลงใหม่ นักร้องชายเสียงทุ้มประจงใส่ความรู้สึกคร่ำครวญตามเนื้อเพลง มันจึงสะเทือนใจฉันนัก
คุณร้องคลอไปด้วยเบาๆ เสียงคุณไม่ดีเลย เนื้อความก็กระท่อนกระแท่น แต่ท่าทีเป็นสุขของคุณจับใจฉัน จนต้องกระซิบถามว่า "หัวใจของคุณรักใครเป็นบ้างไหมคะ"
"เป็นสิ แต่...บังเอิญหัวใจผมเป็นหัวใจของทหาร มันจึงมีระเบียบและกฎเกณฑ์มากกว่า ที่คุณคิดถ้าผมพูดว่ารัก นั่นย่อมหมายความว่า ผมพร้อมที่จะดำเนินการเพื่ออนาคตแล้ว ตราบใดที่ยังไม่พร้อมผมก็ไม่กล้าสั่งหัวใจให้บอกว่ารัก แม้ว่าผมจะรักเขามากกว่าใครก็ตาม"
คุณตอบทันควัน บีบกระชับมือฉันแน่นก่อนจะยกขึ้นแนบแก้ม ฉันเหยียดนิ้วออก แตะเบาๆ ตรงริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและปลายคางที่สากคาย จะสัมผัสอยู่นานนักก็นึกละอายแก่ใจ คุณไม่เคยบอกสักคำว่ารักฉันจะเข้าใจเอาเองและถือวิสาสะกระไรได้ สู้ปล่อยให้คุณเป็นฝ่ายแสดงออกดีกว่า เพื่อที่ว่าเมื่อเราไม่พบกัน ฉันจะได้มีความทรงจำรำลึกที่อ่อนหวานซาบซึ้งถึงคุณได้อยู่มิรู้วาย คุณคงคิด ไม่ถึงหรอกว่า จุมพิตครั้งแรกของคุณนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับฉันเพียงไหน จุมพิตแรกที่ได้รับจากชายที่รัก จะปกป้องฉันให้พ้นจากมลทินแห่งชายอื่นชั่วนิรันดร์
"คุณเคยรักใครบ้างไหมหนอ" ฉันเอ่ยเหมือนรำพึงกับตนเอง
"ผมบอกได้แต่เพียงว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ผมคิดถึงมากที่สุด คิดถึงและอยากอยู่ใกล้อย่างนี้.... กว่านี้อีกนะ" คุณกระชับวงแขนแน่นจนอึดอัด
"ถ้าความรักแปลได้เพียงเท่านี้ละก็ ช่างแสนเศร้าเหลือเกินนะคะ"
เสียงคุณหัวเราะเบาๆ ริมฝีปากอุ่นๆเคลียอยู่เหนือหน้าผาก "ชีวิตก็เหมือนฝันนั่นแหละ"
"ยิ่งกว่าฝันอีกค่ะ" ฉันแย้งอย่างเผลอตน "ถ้าชีวิตเป็นความฝันฉันยังไม่เคยฝันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่นี่เลย"
"คุณไม่คิดถึงผมหรอกหรือ"
"บางทีก็คิดถึงค่ะ"
"แต่บางทีก็ไม่...." คุณหัวเราะ "เวลาที่ไม่คิดถึงผม บอกได้ไหมว่าคุณคิดถึงใคร"
ฉันอึ้ง จะมีใครอื่นอีกที่ฉันคิดถึงเสมอ นอกจากคุณ เวลาที่ฉันไม่คิดถึงก็คือช่วงเวลาที่คุณ ห่างเหินฉันนานมาก จนกระทั่งฉันไม่กล้าแม้แต่จะเพียงคิดถึงคุณต่างหาก ป่วยการจะอธิบาย คุณคงไม่เข้าใจหรอก
ฉันเคยชอบการเต้นรำมาก ด้วยเห็นว่าเป็นศิลปอย่างหนึ่งซึ่งต้องใช้ความสามารถหลายประการประกอบกัน แต่ขณะนี้เทคนิคต่างๆเหล่านั้นดูไร้ค่าเสียเหลือเกิน การเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลง เนิบนาบอ้อยสร้อยจนรู้สึกว่าในอ้อมแขนนั้นให้ความรัญจวนใจมากกว่า เพิ่งตระหนักแน่แก่ใจเดี๋ยวนี้ เองว่าความสมหวัง ความสนุกและความสุขนั้นมีคุณค่าต่างกันเหลือเกิน ความสมหวังทำให้เราปลาบปลื้มดีใจความสนุกทำให้ลืมความเจ็บช้ำหม่นหมองไปชั่วระยะหนึ่ง แต่...ความสุข...มันรวมเอาละอองเล็กๆ ของความสมหวัง ความอิ่มเอมประทับใจเข้าไว้ด้วยอย่างไม่รู้คลาย เป็นความประทับใจที่ฝังลึกลงในห้วงความคิดอย่างชนิดยากที่จะลืมทีเดียว
รุ่งแล้ว นกกางเขนร้องเสียงหวานเจื้อยอยู่ที่ต้นคูนริมหน้าต่าง ดอกสีเหลืองเป็นช่อระย้า ยาวกวัดไกวไปมา ท้องฟ้าเป็นสีแดงจัด สักครู่ก็เปลี่ยนเป็นสีส้มกระทั่งอ่อนเป็นชมพูจางๆ ปุยเมฆขาวลอยช้าๆ อากาศสดใสช่วยให้ความรู้สึกวิงเวียนมึนงงน้อยลงมาก แม้กระนั้นก็ยังเห็นเพดานหมุนเป็นวง เอียงซ้ายบ้างขวาบ้างเหมือนกับจะหล่นวูบลงมา ความปั่นป่วนในลำไส้และความมึนงงอย่างนี้เองหรือ ที่เขาเรียกกันว่าเมาเหล้า เมื่อคืนกระไรไม่รู้สึก คงจะเป็นเพราะมึนรสเสน่หาเสียมากกว่ากระมัง คุณไปแล้ว เมื่อไหร่คุณจะกลับมาอีกเล่าหนอ ควานมือไปรอบกาย พบแต่กุหลาบแดงที่คุณริดหนามก่อนส่งให้เมื่อคืนก่อนยับเยินอยู่ข้างหมอน ฉันยกขึ้นดม กลิ่นยังกรุ่นอยู่แม้กลีบจะชอกช้ำไปบ้าง กลิ่นละมุนละไมของมันช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น เคลียกลีบนิ่มๆไปตามแก้ม เปลือกตาและหน้าผาก ใจหายเมื่อคิดถึงสัมผัสอบอุ่น ละมุนของคุณ คุณคิดอย่างไรกับฉันบ้างนะ จะนึกดูหมิ่นบ้างหรือเปล่าหนอ ช่างเถิด ถึงอย่างไรฉันก็รักคุณ รักทั้งๆที่รู้แน่ว่าความรักนั้นจะไม่มีโอกาสลงตัวได้เลย คุณพูดเสมอๆว่าอนาคตของคุณยังไม่มั่นคงพอที่จะคิดถึงการแต่งงานซึ่งจะรวมสองชีวิตให้เป็นชีวิตเดียวกัน แต่ฉันเชื่อว่าเป็นเพราะคุณรักฉันไม่พอต่างหากถ้าความรักของเรามากเท่าๆ กัน เราคงจะไม่ต้องพรากจากกันบ่อยๆอย่างนี้หรอก เมื่อคุณรักฉันน้อยนักหากฉันตายไปเสียคุณคงจะดีใจ หมดห่วงสิ้นกังวล ในลิ้นชักโต๊ะมียานอนหลับมากพอที่จะทำให้ฉันจากคุณไปได้เห็นจะต้องเขียนโน้ตบอกคุณสักหน่อย มิฉะนั้นถ้าฉันตายไปแล้ว คุณจะไม่รู้ชัดเจนว่าฉันรักคุณมากเพียงไหน จะเขียนว่าอย่างไรดีนะ ขึ้นต้นว่า "ยุทธนาคะ" อย่างที่เคยเขียนนั้นหรือ ธรรมดาไป "คุณที่รักยิ่ง" จะดีกว่า ถ้าได้รู้ว่าฉันรักคุณมากอย่างนี้ บางทีคุณจะอาวรณ์ฉันบ้างกระมัง
"คุณที่รักยิ่ง ฉันอกหักเพราะคู่รักไม่ไยดี อยากจะบอกว่ารักคุณมากเหลือเกิน ถ้าคุณคิดถึงฉันอย่าลืมเลือกกุหลาบแดงดอกหอมๆ ไปวางที่หลุมฝั่งศพของฉันบ้าง ชาติหน้าขอให้คุณรักฉันมาก มากกว่านี้ เราจะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก รักคุณมากที่สุด อย่าลืมคิดถึงฉันบ้างนะคะ"
ฉันหลับตาเมื่อรู้สึกว่าความคิดฟุ้งซ่านเหลือเกินแล้ว ความรักทำให้เราเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เทียวหรือ หลับเสียสักครู่เถอะ ตื่นขึ้นมาจะได้เข้มแข็งมีพลังรักษาขอบเขตแห่งอารมณ์ต่อไปอีก น้ำตาอุ่นจัดไหลท้นเปลือกตา หยดลงบนหมอน ความคิดที่ยุ่งเหยิงสับสนค่อยรวมตัวเข้าเป็นอิสระความรู้สึกอ่อนล้าลง แม้กระนั้นฉันก็ยังหวังอยู่ว่า เมื่อเคลิ้มหลับไปฉันคงจะได้ฝันเห็นคุณบ้าง แม้สักช่วงเวลาเดียวก็ตาม
Create Date : 01 เมษายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 1 เมษายน 2552 17:02:15 น. |
Counter : 722 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|