|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ถือหุ้นรายย่อยทรูฯ ส่งทนายฟ้องแพ่ง เอาผิด กสทช. เหตุควบรวม ทรู-ดีแทค ล่าช้า
ผู้ถือหุ้นรายย่อยทรูฯ ส่งทนายฟ้องแพ่ง เอาผิด กสทช. เหตุควบรวม "ทรู-ดีแทค" ล่าช้า ทำเสียหายกว่า 1.6 แสนล้านบาท พร้อมเรียกค่าชดเชย
นายเพทาย วัฒนศิริ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2565 ตนได้รับมอบหมายให้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ นางพิรงรอง รามสูต นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายศุภัช ศุภชลาศัย และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เลขาธิการสำนักงาน กสทช. รวมถึงสำนักงาน กสทช. เป็นจำเลยร่วมกันรวม 7 ราย ในข้อหาละเมิดจงใจปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมาย และขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย อันเนื่องมาจากการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของทรูกับดีแทค ที่มีมติรับแจ้งการรวมธุรกิจให้เป็นไปตามที่ประกาศ กสทช.กำหนดนั้น เป็นไปอย่างล่าช้าและไม่มีเหตุผลอันสมควร ซึ่งมีลักษณะจงใจปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้ถือหุ้นบมจ.ทรูได้รับความเสียหาย หรือละเลยไม่คำนึงถึงประชาชนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่จะได้รับประโยชน์จากการเสนอซื้อหุ้นของบริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd ตามขั้นตอนการควบรวมธุรกิจ ทำให้โจทก์และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ทรูฯ ได้รับความเสียหาย โดยการยื่นฟ้องเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อขอความคุ้มครองปกป้องผู้เสียหายจำนวนมากที่มีความเสียหายที่เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้ผลของคำพิพากษามีผลผูกพันไปถึงผู้เสียหายทุกคนโดยอัตโนมัติ โดยผู้เสียหายไม่ต้องมาแยกกันฟ้องคดีเป็นหลายคดี ทั้งนี้จากข้อมูลวันที่ 14 มี.ค.2565 มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยของบมจ.ทรูฯ กว่า 80,000 ราย ซึ่งถือครองหุ้น บมจ.ทรูฯ รวมกันอยู่เป็นจำนวนกว่า 30,000 ล้านหุ้น ดังนั้นความล่าช้าของ กสทช. ในการมีมติรับทราบการรวมธุรกิจ จึงมีมูลค่าความเสียหายที่ประเมินได้รวมทั้งสิ้นกว่า 160,000 ล้านบาท ดังนั้นผู้ถือหุ้นอีกหลายหมื่นรายที่มีความเสียหายในลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์และการฟ้องคดีแบบกลุ่ม จะทำให้ผู้ถือหุ้นอีกหลายหมื่นรายได้การคุ้มครองเช่นเดียวกับโจทก์
นายเพทาย กล่าวอีกว่า ส่วนความล่าช้าของ กสทช. ที่เป็นมูลเหตุในการฟ้องคดีนั้น ตามหลักเกณฑ์ในประกาศเรื่องการรวมธุรกิจ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ใบรับอนุญาตที่ประสงค์จะทำการรวมธุรกิจกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่น ต้องรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ไม่น้อยกว่า 90 วัน ก่อนดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลในกรณีที่การเข้าร่วมธุรกิจทำให้เกิดนิติบุคคลขึ้นใหม่ ซึ่งกรณีนี้บริษัททรูและบริษัทดีแทคได้ยื่นรายงานการรวมธุรกิจต่อ เลขาธิการ กสทช. ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2565 โดย เลขาธิการ กสทช. ได้เสนอ รายงานการรวมธุรกิจฯ ต่อ กสทช. เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 พร้อมความเห็นประกอบการรายงานการรวมธุรกิจจากที่ปรึกษาอิสระ แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน กสทช. ก็ยังไม่มีมติรับทราบการรวมธุรกิจ ของทรูกับดีแทค และหาก กสทช.เห็นว่าควรกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ประกาศฯ ดังกล่าว ก็ได้ให้อำนาจ กสทช. ไว้ แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่เลขาธิการ กสทช.ได้ยื่นรายงาน พร้อมความเห็นประกอบไปแล้วก็ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลานานมากแล้วแต่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนใด ๆ ซึ่งผู้ถือหุ้นของทรูที่จะได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการดังกล่าว เห็นว่า ล่าช้าและไม่มีเหตุอันสมควร โดยที่ผ่านมามีผู้ได้รับใบอนุญาตทำการรวมธุรกิจ และ กสทช. ก็ได้มีมติรับทราบนับตั้งแต่ ปี 2562 ถึง 2564 รวม 9 ราย “เป็นอีกครั้งที่ประชาชนผู้เสียหายรวมกันฟ้องร้องดำเนินคดีกับภาครัฐ เพื่อส่งสัญญาณว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดว่าการฟ้องคดีแบบกลุ่มจะทำได้กรณีระหว่างผู้เสียหายกับบริษัทเท่านั้น แต่หากหน่วยงานรัฐก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ผู้เดือดร้อนเสียหายก็ย่อมสามารถใช้สิทธิฟ้องหน่วยงานรัฐเป็นคดี class action ได้เหมือนกัน ในการนี้หากผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งถือหุ้นในบริษัททรู หากเห็นว่าตนเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการของ กสทช.ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาร่วมเรียกร้องหรือดำเนินคดีในครั้งนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมเป็นโจทก์ สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 09-6061-7563 เพื่อที่จะได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่อกลุ่มผู้เสียหายเพื่อแจ้งต่อศาลต่อไป” นายเพทาย กล่าว
ที่มา: เดลินิวส์
Create Date : 24 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2565 15:36:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 498 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
สมาชิกหมายเลข 3757763 |
|
|
|
|