Que sera,sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
เรื่องควายควาย 2

ตอนใหม่ค่ะ มาช้าไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะคะ

2.



“ตื่นได้แล้ว สมชาย วันนี้แม่จะพาหนูไปโรงเรียน” บัวผันขวิดหลังลูกชายเบาๆ สมชายสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย โดยที่แม่ของมันกุลีกุจอดันหลังมันออกจากคอกโดยไม่ให้มันได้ตั้งตัว
“นั่นพวกแกจะไปไหนกันแต่เช้าน่ะ บัวผัน” นกเอี้ยงตัวหนึ่งถามขึ้น มันเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงประจำบ้านที่เจ้านายเรียกว่าเอี้ยงจ๋า
แม้ว่ามันจะเป็นนกตัวผู้ก็ตาม
“อ้าว...ไอ้เอี้ยง ไม่ได้เจอกันเสียนาน” บัวผันทักทาย “ฉันจะพาสมชายไปโรงเรียน ให้มันเรียนหนังสือ จะได้ฉลาดเหมือนคนเขา ต่อไปควายอย่างเราจะได้ไม่ต้องมาไถนาให้ใครอีก”
“ไปโรงเรียน ควายเนี่ยนะ แกมันโง่ บัวผัน ควายไปเรียนหนังสือไม่ได้หรอก” นกเอี้ยงด่าพวกมันเป็นภาษานก ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากแก่การเข้าใจของพวกควายนัก เพราะภาษาสัตว์นั้นเป็นภาษาสากลที่เข้าใจข้ามสายพันธุ์กันได้อยู่แล้ว
“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะ”
นกเอี้ยงอธิบายให้บัวผันฟังด้วยท่าทางที่ดูเหมือนอาจารย์สอนลูกศิษย์เจ้าปัญหา “มีแต่คนเท่านั้นแหละที่ไปโรงเรียน สัตว์อย่างพวกเราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือออก เราก็มีที่กินที่อยู่ได้ไม่ต้องมานั่งร้อนใจเหมือนพวกมนุษย์”
“แต่หนูเคยได้ยินว่ามีโรงเรียนสอนลิง สอนหมาด้วยนี่จ๊ะ น้าเอี้ยง หนูต้องเรียนโรงเรียนแบบนั้นเหรอจ๊ะ” สมชายพูดแทรกขึ้นมากลางคัน
“ไม่ได้นะ สมชาย โรงเรียนแบบนั้นมันเรียนแล้วไม่ได้ความรู้อะไร มีแต่สอนให้พวกลิงพวกหมาเต้นกินรำกิน ไม่ได้อะไรที่เป็นวิชาการเลย แม่ไม่ยอมให้ลูกเรียนหรอก”
“แล้ววิชาการคืออะไรละจ๊ะแม่”
คำถามนี้ทำให้บัวผันถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะมันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้ว สิ่งที่เรียกว่าวิชาการมันคืออะไร นกเอี้ยงจึงต้องมารับหน้าที่เฉลยคำตอบนี้แทน
“วิชาการคือความรู้ ความรู้ก็คือวิชาการ ถ้าแกอยากมีวิชาการ แกก็ต้องเรียนหนังสือ แล้วถ้าแกจะเรียนหนังสือ แกก็ต้องไปโรงเรียนสอนคน แต่แกไม่ใช่คน เพราะฉะนั้นแกก็จงอยู่เฝ้านาของแกต่อไปเถอะ ชีวิตควายมันก็ใช่ว่าจะลำบากมากมายนะ อยากกินเมื่อไหร่ก็ได้กินไม่ใช่เหรอ”
บัวผันบัลดาลโทสะขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเอี้ยงจ๋าพูดเช่นนั้น “แกไม่ช่วยแล้วอย่างมาขวางนะ ไอ้นกปากมาก แกนึกว่าแกฉลาดพูดภาษาคนได้ แล้วจะมาดูถูกควายอย่างพวกฉันว่าโง่ได้เหรอ”
“ที่ฉันด่าแกว่าโง่ไม่ใช่เพราะว่าพวกแกเป็นควายหรอกนะ แต่แกโง่เพราะแกไม่รู้จักคิดมากกว่า แกจะเอาลูกไปเรียนหนังสือหรืออะไรก็แล้วแต่แกละกัน ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดีจริงๆ”
ว่าแล้วเจ้านกเอี้ยงก็บินหนีไปโดยทิ้งให้บัวผันยืนสะบัดหางด้วยความโมโห ก่อนที่จะหันไปขวิดลูกชายเบาๆระบายอารมณ์
“ไปได้แล้ว สมชาย ฟ้าแจ้งขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”
“แต่แม่จ๋า หนูว่า...”
“ไม่มีแต่ ตามแม่มาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแม่ขวิดจริงๆด้วยนะ” นางดุ สมชายก้มหน้าจ๋อยแล้วเดินตามแม่ของมันไปโรงเรียนด้วยความจำใจ

โรงเรียนวัดหนองกระบือเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านเล็กๆที่มีนักเรียนเพียงสามสิบกว่าคน อาคารเรียนไม้สองชั้นเก่าผุพังบ่งบอกถึงสภาพการใช้งานมานานกว่ายี่สิบปี สนามโรงเรียนแห่งนี้เป็นเพียงสนามดินที่ไร้หญ้า นานมาแล้ว สมัยที่มีการเลือกตั้งประมาณเจ็ดแปดปีก่อน มีนักการเมืองผู้ใจบุญท่านหนึ่งในจังหวัดนี้ออกเงินทุนให้โรงเรียนเพื่อบูรณะสนามและอาคารเรียน หากใครก็ตามที่ได้ผ่านการศึกษามาจากโรงเรียนเล็กๆ (ในที่นี้หมายถึงพื้นที่ของโรงเรียน มิใช่ระดับของโรงเรียน) ก็จะรู้ดีถึงพื้นที่ใช่สอยอันครอบจักรวาลของสนามโรงเรียนที่ใช้งานได้ตั้งแต่การเข้าแถวหน้าเสาธงยามเช้าไปจนถึงการแข่งกีฬาประจำหมู่บ้าน บัวผันเงยหน้าขึ้นมองธงสามสีบนยอดเสาที่โบกสะบัดไปตามแรงลมแล้วบอกให้ลูกชายยืนนิ่งอยู่กับที่ห้ามขยับไปไหนโดยเด็ดขาด
สมชายพยักหัวแล้วรีบยืนตัวแข็งตามคำสั่งแม่โดยไม่กระดิกกระเดี้ยวแม้เพียงปลายหาง เสียงเพลงชาติไทยดังกังวานก้องไปทั่วทั้งสนามโรงเรียน แม้จะกินเวลาไม่นานนักแต่สำหรับลูกควายไฮเปอร์อย่างสมชาย เวลาสั้นๆแค่นี้ทำให้มันทรมานไม่ใช่น้อยเลย เมื่อเหน็บชาเริ่มเกาะกินขาอ่อนของสมชายจนปวดแปลบ มันก็หันไปถามแม่ของมันอย่างฉงนฉงาย
“ทำไมหนูต้องยืนนิ่งด้วยละแม่ สมชายเมื่อย สมชายปวดขา”
“ถ้าคนเขายืนกันเราก็ต้องยืนตามไงลูก เดี๋ยวเขาจะด่าเราว่าโง่ ดูนั่นสิเห็นไหม เด็กๆเขายืนเข้าแถวกันเป็นระเบียบเลย เดินไปยืนรวมกับพวกเขาสิลูก”
บัวผันสั่ง สมชายเดินก้มหน้าคอตกเข้าไปหาเหล่าเด็กน้อยที่กำลังยืนสวดมนตร์หลังเคารพธงชาติ
นางควายมองลูกชายจากท้ายสนาม พลางตะโกนย้ำให้ควายน้อยยกสองมือขึ้นพนมตามอย่างที่คนทำ “คนเขาทำอย่างไรแกก็ทำตามไปอย่างนั้นล่ะ”
“แต่สมชายไม่มีมือนะจ๊ะ”
สมชายพูดเสียงอ่อย แล้วพยายามยกขาหน้าสองข้างขึ้นมาพร้อมกัน ซึ่งตามหลักสรีระวิทยาควายไทยแล้ว การที่จะให้สัตว์สายพันธ์นี้พนมมือเหมือนคนได้นั้นยากพอๆกับการให้นักการเมืองไทยเลิกโกงกินเลยทีเดียว บัวผันเฝ้ามองความพยายามในการยกสองกีบเท้าขึ้นมาประกบกันของลูกชายแล้วจึงตัดใจ แล้วเรียกลูกชายให้เดินไปหาอาจารย์ใหญืที่ยืนอยู่ข้างๆเสาธง บัวผันจำได้ว่านายสมพงษ์เคยพาลูกชายมาฝากตัวกับชายแก่คนนี้ก่อนถึงจะเรียนหนังสือได้ หากนางจะให้สมชายได้เรียนหนังสือ ทางเดียวที่จะทำได้คือพามาฝากตัวกับมนุษย์คนนี้เท่านั้น
“ลุงจ๋า...ฉันพาลูกมาฝากตัวเข้าโรงเรียนจ๊ะ”
บัวผันทักทายพลางใช้หัวดันก้นสมชายให้เดินไปหานายปริญญา อาจารย์ใหญ่ประจำโรงเรียนวัดหนองกระบือ สมชายเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งนั้นแล้วส่งยิ้มให้อย่างเขินๆ ชายผู้ทรงคุณวุฒิและวัยวุฒิก้มลงมองควายไทยทั้งสองแล้วตะโกนเรียกภารโรงด้วยความฉุนเฉียวจนสมชายสะดุ้งหางลอย
“ไอ้ลอย...แกปล่อยให้ควายเดินเข้ามาในสนามโรงเรียนได้ยังไง วันนี้เจ้านายเขาจะมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนเราด้วย เดี๋ยวเขาเห็นควายมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เขาจะคิดว่าโรงเรียนเรามันบ้านนอก แกรีบเอามันออกไปเลยนะ”
นายลอย ภารโรงเฒ่าประจำโรงเรียนวิ่งกระหืดกระหอบมาจากท้ายอาคารเรียนจนผ้าขาวม้าที่เหน็บเอวไว้นั้นแทบจะปลิวไปตามลม บัวผันอ้าปากค้างและพยายามอธิบายให้นายปริญญาฟังอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยอะไรออกไป เท้าข้างขวาหรือที่เรียกในภาษาพื้นบ้านว่าตีนขวาของผู้ทรงคุณวุฒิก็ถีบเปรี้ยงเข้าที่ซี่โครงซ้ายของสมชายดั่งพลั่กจนควายน้อยแทบจะเซตามแรงตีน บัวผันร้องดั่งลั่นด้วยความโมโห
“อาจารย์ใหญ่คะ ฉันแค่พาลูกมาฝากตัวเข้าโรงเรียนเท่านั้น ทำไมถึงทำร้ายลูกฉันอย่างนี้ละคะ”
แม้เสียงในภาษาควายจะกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่นายปริญญาจะเป็นมนุษย์เดินดิน กินเงินเดือนข้าราชการธรรมดา ไม่ใช่พ่อมดผู้วิเศษมาจากไหน จึงไม่อาจเข้าใจในเสียงมอ..........มอ.............ที่ออกจากปากของนางบัวผันได้เลย และยิ่งไปกว่านั้น เสียงร้องของนางควายยังดังลั่นจนบรรดานักเรียนที่กำลังยืนสมาธิต่างหันมามองดูสองควายกับหนึ่งคนกันเป็นตาเดียว ภารโรงเฒ่ารีบลากคอสองแม่ลูกออกจากสนามทันทีก่อนที่เป้าหมายของตีนครูใหญ่จะเปลี่ยนจากควายกลายเป็นคนแทน
“เดี๋ยวสิจ๊ะ อาจารย์ใหญ่ รับไอ้สมชายเข้าโรงเรียนเถอะค่ะ อาจารย์ใหญ่คะ เดี๋ยวสิคะ” บัวผันร้องตามหลังนายปริญญาที่เดินขึ้นไปกล่าวทักทายบรรดานักเรียนตามกิจวัตรหน้าเสาธงเหมือนกับทุกๆเช้าที่ผ่านมา เสียงมอ...มอ...ของนางบัวผันจึงมิอาจทะลุทะลวงหูของเขาได้อีก

“แม่จ๋า”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาลูกมาโรงเรียนอีกครั้ง แม่จะลองขอร้องอาจารย์ใหญ่อีกที” บัวผันปลอบลูกชาย แต่จุดประสงค์โดยแท้แล้วคล้ายจะปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า
“เป็นยังไงบ้างล่ะ บัวผัน สมชาย ไปโรงเรียนสนุกไหม” เสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้าเบื้องบน สมชายเงยหน้าขึ้นมองในจังหวะเดียวกับที่เจ้าเอี้ยงจ๋าบินร่อนลงมาเกาะบนหลังนางบัวผันพอดี
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของแก จะไปไหนก็ไปเลย ไอ้เอี้ยง”
“แม่จ๋า ทำไมลุงเขาต้องไล่เราออกมาด้วยล่ะ เราก็ไปพูดกับเขาดีๆนี่นา”
“เขาฟังพวกแกไม่รู้เรื่องหรอก” เอี้ยงจ๋าอธิบาย “ในบรรดามนุษย์น่ะ มีน้อยคนจริงๆที่จะฟังสัตว์อย่างเรารู้เรื่อง แต่ส่วนใหญ่เขาไม่เข้าใจที่เราพูดหรอก”
“แต่เรายังเข้าใจที่พวกเขาพูดเลยนี่จ๊ะ” สมชายถอนใจ
ห้านาทีเต็มๆที่สมชายได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นทุ่งของเจ้านกเอี้ยง ที่ร้องราวกับต้องการจะเยาะเย้ยใครบางคนที่อยู่แถวนั้น “แล้วตอนนี้แกคิดว่าคนกับควายใครฉลาดกว่ากันล่ะ ไอ้หนู”
















Create Date : 03 ธันวาคม 2550
Last Update : 3 ธันวาคม 2550 16:47:29 น. 1 comments
Counter : 1067 Pageviews.

 
สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ

Image Hosted by ImageShack.us


โดย: ปรานทยา วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:23:10:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Cha_cha_koi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Que sera, sera,
Whatever will be, will be;
The future's not ours to see.
Que sera, sera,
What will be, will be.
Friends' blogs
[Add Cha_cha_koi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.