ยักษ์คู่ ไอติมขวัญใจพี่น้องและผองเพื่อน

อากาศร้อนตับแตก แถมบางทีฝนฟ้าก็เทมาห่าใหญ่ให้ผมฉงนสนเท่ห์ว่ามันหน้าอะไรกันฟร้าเนี่ย ก็เมษาหน้าร้อนแบบนี้ใครจะไปคิดว่า บางวันตื่นมาจะเจอหมอกและอากาศเย็น 18 อาศาในกรุงเทพเมืองอมรไปเสียได้ละครับท่านๆ ว่าไปก็เพราะพวกเราๆ นี่ล่ะครับ ที่เร่งปฏิกิริยาให้อากาศร้อน ร้อนมากขึ้น อบอวนมากขึ้น พาลจะเป็นลมแดดกันไป

แต่เมื่อมันร้อนนัก มันก็ต้องดับร้อนด้วยการหาอะไรชุ่มฉ่ำ มาดับร้อนกันได้ชั่วครู่ชั่วยาม แล้วมันก็ไม่พ้นการหาไอศครีม ซึ่งคนไทยเราเรียกกันติดปากว่า ไอติม เพี้ยนกันมาตั้งแต่ผมเป็นเด็ก และก็ไม่เคยคิดจะหาคำตอบว่ามันเพี้ยนมาจากอะไรกัน


"อม แล้ว ดูด อม แล้ว ดูด" นั่นล่ะครับ มากันแล้วกับรถไอติมเคลื่อนที่ ผมไม่ได้ลามกแต่ประการใดนะครับท่านๆ ก็ไอ้วลีติดหูของพวกเรา มันก็เริ่มกันมาจาก รถไอติมสีแดง ที่เค้าเปิดเสียงเพลงเรียกลูกค้า ตู ตู้ ตู่ ตู้ ตู๊ ตู่ นั่นล่ะครับ มันก็เลยโดนพี่ไทยเราแต่งเนื้อให้เสียเลย จบเรื่องจบราวกันไป ฮา

การซื้อหาไอติมในปัจจุบันมันก็เลยกลายเป็นเรื่องไม่ยากเย็น เพียงแต่สนนราคาค่าไอติมมันก็แพงอยู่มากโข แถมไม่มีเคสคลาสิคที่ผมจะเล่าให้ฟังในบล๊อกวันนี้เสียด้วย

ย้อนวันวานกลับไปเมื่อผมอายุ โน่น 12 ขวบ และน้องชายผม 7 ขวบ สองศรีพี่น้องตีกันได้ตลอดจนผมอดคิดไม่ได้ว่า สมัยก่อนผมกับน้องชายมันจะตีแย่งโน่นแย่งนี่กันไปทำไมนักหนา

แล้วในช่วงวันปิดเทอมเมษาฮาละวีนอย่างนี้ สมรภูมิรบของผมกับมันก็ยิ่งทวีความมันเข้าไป ทั้งแย่งทีวี เกี่ยงกันถูพื้นบ้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากลับผูกสัมพันธไมตรีกันก็คือ " ไอติม โฟร์โมสต์ " นั่นเองครับผม

เพราะแม่ของพวกผมไม่ได้มีเงินทองมากมาย และพวกผมเองก็ไม่ใช้เงินทองท่านฟุ่มเฟือยด้วย ทำให้เราเอาเงินเบี้ยเลี้ยงที่แม่ให้ไว้คนละ 5 บาท ใช่คับ ฟังไม่ผิดหรอกคับ พวกผมได้เบี้ยเลี้ยงกันตอนเด็กคนละ 5 บาท ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเรียกร้องอะไรกับแม่ แล้วไอ้เงิน 5 บาทเนี่ย ก็จะมีค่ามากขึ้นเมื่อเราเอาเงินมารวมกันเเป็น 10 บาท เพื่อซื้อไอติม "ยักษ์คู่" ซึ่งขอบอกเด็กรุ่นหลังว่า มันเป็นเคสที่คลาสสิคมากละไอ้หลานเอ้ย

เราก็ไปกันเลยคับ วิ่งตับๆ กันไปหน้าบ้าน โบกมือ แหกปากร้องเรียก ไอติ้ม ไอ้ติม (บ้านเรานี่เวลาเรียกซื้อสิ่งของจากรถที่นำของมาขาย ท่านไม่ต้องนึกชื่อคนขายเลยนะคับ สามารถเรียกเป็นชนิดสิ่งของนั้นๆ ได้เลยนะ แถมคนขายก็จอดให้เสียด้วย อาทิ กับข้าวๆ จอดหน่อย หรือ ไอติม ไอติม แจ่มมากๆ )

พอรถไอติมจอดสนิท ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นรถถีบแบบไม่มีมอเตอร์ไซด์บรรทุก เราก็จะไปปีนที่หน้ารถ ชะโงกหน้ากันสะลอนเลือกไอติมจนน้าไอติมคนขายถามว่าเอารสไรไอ้หนู เสียงเจี้ยแจ้วของพวกผมบอกพร้อมกัน ยักษ์คู่คับน้า แกก็จะยื่นไอติมทรงเหลี่ยมที่มีร่องตรงกลางให้พวกเรามา 1 ซอง

สมัยโน้นไอติมยังบรรจุในซองกระดาษไม่เป็นซองพลาสติกเหมือนสมัยนี้ พอเราได้ไอติมยักษ์คู่มาแล้ว มันก็ยักษ์สมชื่อล่ะครับเพราะความยาวแท่งนึงก็ปาไปเกินครึ่งไม้บรรทัด ผมจะใช้มือค่อยๆ บิมันตรงกลางให้มันหักกลางออกจากกัน เราก็จะได้ไอติมยักษ์คี่ อิอิ ก็มันไม่ได้เป็นคู่ติดหนึบกันเหมือนเดิมแล้ว เด็กๆ ต้องนึกภาพตามว่า ไอติมในซองหนึ่งซอง จะมีไม้ไอติม 2 ไม้เสียบโผล่ออกมาจากซองกระดาษ หักเป๊าะเราก็จะได้ไอติมแท่งเดี่ยวออกมาสองแท่ง กินกันไป เลียกันไป จนลิ้นสีแดงแจ๋ ส่วนเงินที่เหลือเราก็เก็บสะสมไว้เผื่อจะรวมเอามาใช้ซื้อไอติมรสอื่นที่อยากกิน

นั้นล่ะครับความคลาสสิค ของไอติมคู่ในซองกระดาษ ซึ่งปัจจุบันมันเป็นตำนานไปเสียแล้ว หลังจากโฟร์โมสต์ขายกิจการไอติมให้กับบ.ยักษ์ใหญ่ไป คงเหลือไว้แต่กลุ่มนมพร้อมดื่มต่างๆ

คิดไปแล้วก็หวนคิดถึงวันก่อนตอนเดือนเมษายนนะคับ หลายสิบปีของเดือนเมษาตอนนั้น มันมีอะไรต่างไปจากเมษาปีนี้มากมายนัก ไม่น่าเชื่อว่าไอติมแท่งคู่ จะผสานสมรภูมิรับระหว่างพี่น้องสองศรีของพวกผมได้อย่างหวานละมุน บางทีอะไรเก่าๆ มันก็ทำให้หัวใจเกิดความอ่อนโยนและมอบความหวานให้กับคนอื่นได้มากโขครับ

ยักษ์คู่ สิ่งของในตำนานผมอีกอย่าง ที่หายไปกับวันวาน

ปล. เก่าขนาดไหนไอ้ยักษ์คู่นี่ ก็ท่านลองคิดดูว่า อากู๋เกิ้ล ของพวกเรา search หาภาพไอติมยักษ์คู่โฟร์โมสต์ไม่เจอซองรูปแบบเดิมแล้วล่ะคับท่าน ร้อยเอ็ดเจ็ดล้านอย่าง อากู๋เกิ้ล ยังหาเจอ แต่ไอติมคู่รักของผม หาไม่เจออ่ะคร้าบ ท่านผู้ชมผู้อ่านที่น่ารัก

Create Date : 21 เมษายน 2554		0 comments
Last Update : 23 เมษายน 2554 9:45:46 น.
Counter : 1110 Pageviews.
Share Tweet