พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
หาเช้า..เรียนค่ำ (หาค่ำ..เรียนเช้า)
ตอนจะมาอเมริกา
ไม่ได้ยินดี ยินร้ายที่จะมา
เขาอยากให้มาก็มา

มาภาษาก็ไม่ค่อยได้ พับเก็บไปนานแล้ว
สมัยที่เรียน เนื่องจากเรียนสายอาชีพ เลยได้เรียน TENSEs ไม่เคยครบ ๑๒ กับเขาสักที ไม่รู้โครงสร้าง สักแต่ว่าท่องๆ จำเอาเป็นนกแก้วนกขุนทอง
แต่ยังโชคดีที่มีทุนเดิมตอนเด็กๆ ที่เรียนรร.คริสต์ ก็ได้อานิสงห์เท่าที่เรียนตั้งแต่อนุบาลถึงประถมนั่นแหละค่ะ

ตอนมานี่ น้องเขาติดต่อให้มา College ใหญ่ ในเมืองเลย กลัววีซ่าจะไม่ผ่าน
แล้วย้ำนักย้ำหนาว่า มึงต้องเรียนนะ ค่าเรียนแพงนะโว้ย
เราก็ได้แต่ เออ..
เดือนนึงก่อนเปิดเรียน เซ็งจิต ไปไหนก็ไปไม่ถูก ไปไม่เป็น
ส่วนน้อง มาได้ไม่กี่วันก็ไปสมัครงานแล้วก็ได้เลย เพราะว่าเคยเป็นออแพร์มาก่อน มี SSN (Social security number) ภาษาได้ เลยได้ทำร้านใหญ่ในเมือง

เรานี่ก็ไม่รู้จะไปหางานที่ไหน ทำอะไร
ว่างๆ ก็นั่งอ่านตำรานวด กับภาษาอังกฤษอยู่บ้านเฉยๆ
ครั้นเจ้าของบ้านคนไทยก็คอยมาถามว่า หางานได้หรือยัง แรกๆ เราก็ว่าเขาใจดีจัง เป็นห่วงช่วยติดต่อคนนั้นคนนี้ให้ พออยู่ไปสักพัก เริ่มได้ยินเขาบ่นถึงเราละว่าไม่ยอมออกไปหางาน ด้วยความที่เขาเป็นคนเสียงดัง เลยได้ฟังชัดๆ ถึงรู้ว่ากลัวเราไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน

ก็เลยเริ่มๆ เดินๆ ดูแถวบ้าน ใจอยากทำซาลอนมากค่ะ ตามที่ใจรัก
แต่เจ้าของบ้านเขาก็พูดว่า อย่าไปทำซาลอนคนไทยนะ กดค่าแรง
เลยลองเข้าไปสมัครร้านจีน กับร้านญี่ปุ่น
ร้านญี่ปุ่นเฉยๆ ค่ะ
แต่ร้านจีนสนใจ เพราะเขาให้ลองดรายผมช่างด้วยกันดู แต่เราไม่มีไลเซ่น เธอก็เหมือนจะหยวนๆ บอกว่าเธอยังใหม่มาก ภาษาก็ไม่ได้ ทั้งอังกฤษทั้งจีน เพราะฉะนั้น ฉันต้องเทรนเธอใหม่ แต่ฉันจะไม่ให้เงินเดือนเธอนะ เพราะฉันต้องเหนื่อยสอนเธอ (อ้าว! แล้วตูจะแหลกอะไรล่ะเจ๊)
ก็เลยไม่เอาดีกว่า


(จริงๆ การประกอบอาชีพในอเมริกา หลายๆ อาชีพไม่ได้ทำกันง่ายๆ ต้องมีใบอนุญาต (License) ด้วย ทั้งช่างผม หมอนวด ช่างทำเล็บ ฯลฯ เชื่อไหมคะ แม้แต่รถเข็นขายไอติม ก็ต้องมีเหมือนกัน เราไม่มีใบอนุญาต ก็อาจจะเป็นข้อเสียเปรียบให้เขากดราคาค่าจ้างได้)


ต่อมาได้งานที่เพื่อนแนะนำให้
มีคนไทยเขาหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกอ่อน เขาก็ใจดี รุ่นราวคราวเดียวกัน
สามีฝรั่งเป็นนักธุรกิจ
แต่พอจะไปทำ เขาเปลี่ยนใจ เพราะลูกเขาเลี้ยงง่ายขึ้นกว่าเดิม เขาเลยเราให้ช่วยทำงานบ้าน จัดบ้านแทน เพราะเขาพึ่งย้ายมา เขาจ้าง ๑ อาทิตย์ค่ะ
ให้ชม.ละ ๑๐ บาท เลยรอดตาย
ทำงานวันธรรมดา ก่อนไปรร. ก็วิ่งเป็นวัลลี อย่างนี้ทุกวันๆ




ส่วนเสาร์ - อาทิตย์ หาเป็นงานนวด เป็นหลัก (ก็อุตส่าห์ลงทุนเรียนมานิ)
นวดไทยที่นิวยอร์คมีอยู่ไม่กี่ร้าน
๒ ใน ๕ ที่เคยรู้จัก แอบขายบริการ พอเรารู้ เราก็ไม่เอา
มีอยู่ร้านนึง หลอกทำเป็นลองฝีมือเรา ให้นวดให้ฟรีๆ ซะอย่างนั้น ร้านก็อยู่ไกล ไม่ให้เงินเลยสักกะบาท ค่ารถก็ไม่ให้ มารู้ทีหลังว่า แอบขายซะอีก คือไม่ได้เปิดขายตรงๆ แต่ส่งเสริมให้ขาย จนร้านโดนปิดไปหลายรอบ

หลังจากนั้นอีกไม่นาน ได้งานนวดที่หนึ่งนอกเมือง พอได้ทำจริงๆ ทำๆ ไปถึงรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานนี้เลย
เพราะไม่มีทักษะและความชำนาญ แรงก็ไม่มี (ทั้งที่ตัวก็ใหญ่) นวดลูกค้าสองคนก็จะตายแล้ว
คนก็มองไม่ดี ไม่ใช่แต่คนไทยด้วยกันหรอก ชาวอเมริกันเอง หรือชาวเกาหลี ก็จะมองไปแบบนั้นซะมากกว่า (ก็นะ หมอนวดไทยสร้างชื่อไว้ซะกระฉ่อน)

นวดได้ไม่นานก็เลยเลิก

เขาว่าค่านวดที่นิวยอร์คแพงก็จริง แต่หักให้เราเหลือชม.ละ ๓๐- ๓๕ (บางร้านดีหน่อยก็ให้ ๔๔-๔๕ เพราะค่านวดเขาแพง) บางคนพอบอกจำนวนเงินแล้วตาลุกวาว ว่ามันเยอะ จริงๆ แล้วถ้าเทียบ มันไม่เยอะเลยนะ เพราะไม่ได้มีทุกวัน แล้วที่นั่งแก่วรอลูกค้าล่ะกี่ชม. (บางร้านใจดี ให้ค่าเสียเวลา วันละ ๒๐ แต่เขาก็ไม่ได้จ้างให้อยู่ประจำร้านทุกวันนะคะ อาทิตย์ละวันสองวัน) อาทิตย์นึง เดือนนึง ได้ลูกค้ากี่คน
ยิ่งหน้าหนาวปีก่อนที่ผ่านมา ร้านสปาซบเซา หลายร้านปิดตัวลง (ไม่ใช่เฉพาะร้านไทยนะคะ ร้านญี่ปุ่น ฯลฯ ทั้งนั้นแหละ) เพื่อนที่รู้จักก็ตกงาน เขาปิดร้านบ้าง ลดคนบ้าง
คนฝีมือดี รับนวดตามบ้าน ยังพออยู่ได้

ฝรั่งที่นี่ เขาไม่ค่อยนวดไทยแท้นะคะ
โดยมากจะนวดคล้ายๆ อโรม่า (การนวดอโรม่า คือใช้น้ำมันหรือใช้ครีม ลูบไล้ไปตามร่างกาย พอสบาย)แต่นวดที่นี่หนักกว่าอโรมาธรรมดา
จะผสมนวดไทยกับอโรม่า รีดไปตามจุด ตามเส้นต่างๆ แต่หนักหน่อย
เพราะโดยมากเขาทนเจ็บอย่างนวดไทยไม่ได้ (หมอนวดไทยที่นวดนาน มือหนักกันมาก)





เข้าเรื่องงานกันต่อ
พอเลิกนวดได้สักพัก มีคนที่เขาหาเราไปทำงานแพคอาหาร เพื่อที่เขาจะก้าวไปเป็น waitress หรือเสริฟ แทนตำแหน่งที่เขาว่างอยู่

เราก็คิดในใจ แพคเหมือนในโรงงานหรือเปล่าว้า
ร้านมันยุ่งขนาดต้องจ้างคนมาแพคเป็นกล่องๆ เลยเหรอ อะไรจะขนาดนั้น


พอไปถึงร้าน จุดที่เราทำงานคือระหว่างครัว กับประตูที่จะออกไปหน้าร้าน มีม่าน หรือประตูกั้น
หน้าที่ของเราคือ ปิดฝาๆ กล่องพลาสติก และกล่องฟรอยด์ ใส่ถุงกระดาษ ใส่ช้อน ส้อม ตะเกียบ กระดาษเช็ดปาก น้ำจิ้ม และเย็บบิล เมนู ติดปากถุง แล้วใส่ถุงพลาสติก สำหรับลูกค้า ทูโก และดีลิฟเวอรี่ค่ะ
และช่วยตักข้าว และเวฟขนมจีบ ทำชาเย็นให้ลูกค้าในร้านด้วยค่ะ(ทำชา แล้วแต่ร้าน ถ้าร้านใหญ่ มีบาร์ เขาก็ทำให้ บางร้านเวทก็อาจจะทำให้)

ไอ้กล่องฟรอยด์นี่บางทีก็เป็นปัญหากับเราเหมือนกัน
เพราะขอบมันคมค่ะ ฝามันก็เป็นพลาสติกบางๆ คมเหมือนกัน ต้องมากดบีบขอบฟรอยด์เพื่อปิดฝา บางทีอาหารมันก็ร้อน รีบก็รีบ ก็เลยได้มือพองบ้าง เลือดอาบบ้าง ตามประสา คนเซ่อๆ ซุ่มซ่าม
อยู่ไปนานๆ เริ่มจะรู้เทคนิคเอาตัวรอดกับเขา ลองใส่ถุงมือดูก็ทำงานไม่ถนัด ก็เปลี่ยนมาใช้ผ้าเช็ดจานรองกด หรือปลายปากการูดเอา ก็ไวและเนี้ยบขึ้น






คุณสมบัติพิเศษของอาชีพนี้คือ ตาเร็ว แม่นยำ โฉบเร็วปานเหยี่ยว มืออย่างปลาหมึก และไวเหมือนลิงค่ะ
ภาษาอังกฤษไม่ต้องใช้มาก แค่อ่านเมนูภาษาอังกฤษออกเป็นพอ
จำซอสให้ได้ ซอสนี้มีอยู่ประมาณ ๕-๖ อย่าง เฉพาะของเราที่แพค

-ซอสดำ(จิ๊กโฉ่ว)-ขนมจีบ ติ่มซำ (dumpling) บางร้านก็มีแบบของจีนเป็นผัก บางร้านก็มีกุ่ยช่าย แล้วแต่
-ซอสไก่ ใช้กับของทอด อย่าง ขนมจีบทอด ทอดมัน (ต้องใส่แตงกวา หอมแดง บางร้านก็โรยถั่วด้วย) ปลาหมึกทอด (ต้องโรยถั่วด้วยนะ)
-ซอสสปริงโรล หรือปอเปี๊ยะทอด (ก็น้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยเรานั่นแหละค่ะ) แต่ว่า สปริงโรลที่นี่ ไม่เหมือนบ้านเรา เขาไม่ค่อยใส่เนื้อสัตว์ โดยมาก จะใส่แค่วุ้นเส้น กะหล่ำ แครอท แล้วปรุงรสเอา เพราะเผื่อลูกค้าเป็นมังสวิรัติ
-ซอสซัมเมอร์โรล เป็นน้ำมะขาม เคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บ สีน้ำตาล
ซัมเมอร์โรลก็คล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่ไม่ใช่ คิดว่าเป็นของอาหารเวียดนาม แต่เป็นเมนูยอดนิยมในร้านไทย เขาจะใช้แป้งห่อผัก ส่วนใหญ่ก็ใส่ผักสลัด เต้าหู้ ฯลฯ บางร้านก็ใส่อโวคาโด้ บางร้านอาจจะใส่กุ้งต้มด้วย
แต่โดยมากไม่ใส่ เพราะเผื่อลูกค้าเป็นมังสวิรัติอีกเหมือนกัน
-ซอสถั่ว สำหรับสะเต๊ะ ไทยสลัด(สลัดแขก)
-อาจาด สำหรับสะเต๊ะ และ กระหรี่พัฟ
ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีแบบลูกค้าขอมา
อย่างซอสพริกเวียดนาม (มันเขียนศรีราชาเลยนะ) แบบซอสเนื้อละเอียด เหมือนซอสพริกบ้านเรา (แต่มันจะเผ็ด แรงกว่า ไม่ออกหวานนิดๆ แบบบ้านเรา)
แล้วก็ซอสพริก ที่เหมือนน้ำส้มพริกแดงตำบ้านเรา อันนี้ก็นิยม ร้านไทยเอามาใส่ก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมา
หรือพริกน้ำปลา พริกป่นก็ว่ากันไป



มาแรกๆ เราก็ไม่รู้จักก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมานะ รู้จักแต่กับข้าวผัดขี้เมา ที่มันใส่พริกไทยสด ใบโหระพา เหมือนพวกผัดฉ่าอะไรอย่างนั้น ไม่มีใครบอกด้วย แพคผิดกระจาย

เอาผัดใบโหระพา (ที่เขาติ๊ดต่างเอาว่าเป็นผัดกระเพรา) ใส่แทนผัดขี้เมาซะเลย เหอๆๆๆ

เรื่องอาหาร เดี๋ยวไว้มาเล่าต่อตอนหน้า
วกเข้าเรื่องแพคกันต่อก่อน

แล้วแพคมันจะยุ่งอะไรกันหนักหนาสาหัส? สงสัยใช่ไหมคะ คนที่ไม่เคยมาทำงานร้านอาหารที่นี่
ก็จะไม่ยุ่งได้ไงคะ เมืองนี้ เวลาเป็นเงินเป็นทอง ไม่ใช่แต่คำพูดคนไทยเท่านั้น ฝรั่งเองก็พูดแบบนี้


แล้วเวลากินข้าว เขาก็เหมือนเมืองไทยเรา ที่พักเที่ยงพร้อมกันทั้งข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ มาถึงก็ล้นร้าน
ที่ออกมาจากที่ทำงานไม่ได้ ก็โทรสั่งเอา ด้วยความที่เขาเป็นเงินเป็นทองกันแบบนี้
ออเดอร์กลางวันจึงแน่นช่วงเกือบเที่ยง ถึงประมาณเกือบบ่าย ๓

มือผัดก็ผัดๆๆๆๆกันไป หลับหูหลับตา ผัดๆๆๆ กันไป (บางคนหลับตาผัดจริงๆ นะ เพราะเตามันแรง แล้วร้อนๆ)
มือผัดที่นี่ไม่เหมือนร้านตามสั่งเมืองไทยนะคะ ส่วนมากเป็นชาย ต้องมีกำลังดี แข็งแรง เพราะกระทะหนัก ทั้งผัด ทั้งยกเขย่าๆ ซอสที่ใช้ผัด ก็ปรุงรสกันไว้แล้วเพื่อความรวดเร็ว ไก่ก็ลวกไว้กันบ้างแล้ว คนทำกับข้าวไม่เก่งก็ผัดกันได้ แค่คลุกเคล้าให้เข้ากันขอให้มีเรี่ยวแรงกันเป็นพอ (ส่วนใหญ่ร้านขนาดกลางขึ้นไป จะมีมือผัด สองคนค่ะ)
แอ๊บก็ทำๆๆกันไป
เสร็จส่งมาให้เรา เราก็แพ็คๆๆๆๆ แพ็คๆๆๆๆ
พี่โก้ น้องโก้ (แม๊กซิกัน) ก็มารับของ ก็ปั่นๆๆ จักรยานกันไปส่ง เข้ามา เอาไป เข้ามา เอาไป วันนึงเป็นร้อยๆ ออเดอร์

งานไม่ได้มีเท่านี้ค่ะ
ร้านไหนที่เขาให้ค่าจ้างแพคสูง (ชิพดินเนอร์เกิน ๔๕-๕๐) อย่าพึ่งดีใจไป
คุณไม่มีทางได้แต่ปิดฝาหรอกค่ะ งานข้างเคียง (Side job) บานตะไท
บางร้าน ของหวาน(Dessert) ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวมะม่วง สังขยา ไอศครีม ไอติมทอด กล้วยทอด ฯลฯ
ของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizers) ขนมจีบ ซัมเมอร์โรล ของทอด ผักสลัด มึงไปทำเองค่ะ (มึงหมายถึงอิฉันค่ะ อิอิอิ)
ไหนจะกล่องทูโก (Containers) ช้อนส้อม น้ำอัดลม(Soda) ไอติม ข้าวเหนียว ผักสลัด ฯลฯ อะไรหมด อะไรพัง ก็อิฉันอีกแล้ว
ก็เขาว่า ก็ใช้อยู่คนเดียว รู้อยู่คนเดียว ทำไมไม่รู้จักเช็คของ
เฮ้อ..
มันก็เลยเป็นความรับผิดชอบของอิฉัน แต่เพียงผู้เดียวไปโดยปริยาย

ฝั่งครัวทำอาหารออกมาก็ต้องดู ไม่เอาถั่วงอกป่าว ไม่ใส่ถั่วป่าว ไก่หรือกุ้งหรือเนื้อ
ทำแกงผิดไหม ต้มข่าใส่ไก่หรือกุ้ง
ต้องเช็ค เพราะมันผ่านหน้าเราถ้าผิดมา ก็ซวยอยู่คนเดียวนี่แหละค่ะ

ไหนอาหารในร้านจะออก มึงอะแหละมาเอาไป เร็วๆ!!!
เช็ดจานด้วย แต่งจานให้สวยด้วย
(ฝั่งซ้ายอาหารต้องแพค ฝั่งขวา อาหารในร้านจะออก ของหวานมาต้องทำ ฯลฯ)

บ่าย ๓ เป๊งงงงง หมดยกที่ ๑ Lunch ผ่านไป



ถ้าทำชิพเช้า ก็จะเลิกประมาณ ๔-๕ โมงนี่แหละค่ะ
ก็วิ่งไปโรงเรียนกันต่อ


ถ้าชิพเย็นก็จะเข้าประมาณ ๓-๕ โมง
บางร้าน ต้องทำทั้งสองชิพ ตั้งแต่เปิดจนปิด
ตารางเรียนไม่ตรง เป็นหน้าที่เธอ หาทางเอา ไม่เปลี่ยนเวลา ก็ต้องโดดเรียน โดดไม่ได้ก็ย้ายรร.ซะสิ (แน้..มาบงการชีวิตฉันอีก)


โดยคร่าวๆ งานพื้นฐานก็ประมาณนี้ค่ะ
แต่ งานข้างเคียงก็จะแตกต่างกันไปแต่ละร้าน (บางร้านอาจจะต้องตะโกนอ่านออเดอร์ให้ฝั่งครัว แข่งกับเสียงเตา เสียงกระทะด้วย)
ถ้าจะถามว่า ชิพไหนจะยุ่งกว่ากัน อยู่ที่ทำเลด้วยค่ะ
ถ้าย่านออฟฟิศ ย่านมหาวิทยาลัย ก็กลางวัน
ถ้าย่านที่อยู่อาศัย หรือผับบาร์ ก็ชิพเย็น
แต่โดยมากแล้วชิพเย็นจะได้เงินเยอะกว่า
กลางวันหลายร้านไม่ค่อยจ้าง ให้รันเนอร์ เวท แพคกันเอง



Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 1:36:01 น.
Counter : 868 Pageviews.

18 comments
  
แวะเข้ามาเจิมก่อนชาวบ้าน
เดี๋ยวเข้ามาเม้นท์อีกที
โดย: โจ๊กหมู (โจ๊กหมูไม่เอาชูรส ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:07:01 น.
  
จบรึยังคะ อ่านถึง ย่อหน้า ชิพเย็น 3-5 โมง
ถ้ามีเดี๋ยวมาอ่านต่อ แวะไปทำงานก่อนค่ะ
โดย: ชินโจมายุ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:19:22 น.
  
ว้า อย่างนี้ก็เหนื่อยแย่เลยซิ พยายามเข้านะ พี่เอาใจช่วย
โดย: ชินโจมายุ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:05:51 น.
  
ได้รับบัตรชวน เข้ามาอ่านแล้ว เรื่องที่เล่าน่าสนใจ
น่าให้คนทั่วไป ได้เข้ามาอ่าน โดยเฉพาะคนที่คิดผิวเผิน มองแค่ตัวเลข $ คูณเป็นเงินไทย
แล้วคิดว่าทํางานร้านอาหาร ส่งตัวเองเรียนไปด้วย เป็นเรื่องธรรมดาง่ายๆ ใครๆก็ทํากัน
อยากบอกอย่าง....ว่าเพลงไทยแต่ละเพลง ที่เลือกลงในบล็อก ไม่รู้จัก...แต่ถูกใจจังเลย

โดย: ThaiJoe IP: 71.140.147.37 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:18:58 น.
  
แวะมาลงชื่อจ้า ^^
โดย: Tabbie cat IP: 68.12.191.230 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:49:47 น.
  
โดย: โดดเดี่ยวผู้น่ารัก วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:25:03 น.
  
เข้ามาอ่านแล้วค่า..

เรื่องที่เขียน อ่านสนุก เพลงก็ฟังสนุกดี

และก็ขอให้สนุกกับงานด้วยนะคะ

โดย: PatPDX IP: 72.223.100.13 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:03:14 น.
  
เขียนดี ชวนให้น่าติดตาม ไม่นึกว่าจะลำบากหรือเหนื่อยขนาดนี้
โดย: dapphet IP: 58.8.7.81 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:52:45 น.
  
แวะมาไถ่ถามว่าสบายดีมั้ย อากาศที่นั่นเป็นบ้าง งานหนักก็พักผ่อนให้เต็มที่นะจ๊ะ
ที่เมืองไทยหนาวได้ไม่กี่วัน นี่ก็เริ่มร้อนอีกแล้วอ่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะ
โดย: ชินโจมายุ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:36:52 น.
  
แวะมาอ่านก้อเห็นจริงด้วยทุกประการ นะคร้า
อ่านไป ขำไป หัวเราะไป
ประสบการณ์ชีวิตนี้หาซื้อที่ไหนไม่ได้
สู้ สู้ นะ คะ
เสิร์ฟที่เมกาได้ เจ๋งที่สุดแล้วค่ะ เพราะจะได้ทำเป็นหมดทุกอย่าง ไม่ใช่แค่การเสิร์ฟ
รับประกันว่าทุกอย่างจริงๆ
อ่านไปอ่านมารู้สึกว่าตรงกะตัวเองสมัยที่เคยเสริฟ์ที่ร้านอาตัวเอง
เกิดมาไม่เคยทำขนมจีบ ก็ยังต้องทำ 555++

ขอบคุณที่เชิญมาอ่านBlog สนุกๆๆ นะจ๊ะ
^^
โดย: จริฟฟี่ IP: 58.8.154.215 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:39:04 น.
  
มาส่งความคิดถึงจ้า งานคงยุ่งเน๊อะ รักษาสุขภาพด้วยนะ
โดย: ชินโจมายุ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:12:06 น.
  
มาวันเกิดเขาด้วยอ่ะนะอย่างกับจะรู้
โดย: โดดเดี่ยวผู้น่ารัก วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:44:48 น.
  
สุขสันต์วันเกิด ย้อนหลัง 1 วัน มีความสุขมากๆนะคะ ^^

วันนี้มาอ่านจนจบ โห งานแพ็คนี่ก็ยุ่งใช่ย่อยเลยนะนั่น มีเป็นระวิงที่เดียว
โดย: Tabbie cat IP: 68.12.191.230 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:11:13 น.
  
ขอบคุณมากค่ะที่ให้บัตรผ่านเข้ามาอ่าน ได้รับความรู้ไปอีกแบบหนึ่ง ลูกสาวอิฉันก็เสริฟตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตเพื่อหาค่าเล่าเรียน MBA โดยมิยอมรบกวนทางบ้านเลยค่ะ
โดย: แม่เจ้าประคุณ IP: 125.25.184.97 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:22:38:35 น.
  
เอิ๊กกกส์ เขียนสนุกมากเลยค่ะ
อย่างนี้เวลาให้ทิปร้านไทย เค้าเอามารวมกันแล้วแบ่งด้วยมั๊ยคะ? อยากให้คนในครัวได้ทิปด้วยน่ะค่ะ
โดย: เสาไฟมุมถนน IP: 76.202.56.81 วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:0:35:47 น.
  
มีบางร้านแบ่งทิปให้ในครัวด้วย ประมาณว่า ถ้าทิปเกินเท่านั้นเท่านี้ จะต้องตัดให้ในครัว เพราะในครัวเหนื่อยมากน่ะค่ะ

แต่ถ้าถามเราว่ายุติธรรมไหม เราว่าอาจจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะว่า พนักงานเสิร์ฟส่วนใหญ่ ไม่ได้มีค่าจ้างตายตัว มีค่าตัวชิพละ ๕-๑๐ เหรียญ แล้วแต่ร้าน แล้วที่เหลือไปหาเอาจากทิป ซึ่งบางวันขายไม่ได้ ก็มี
แล้วเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน ยิ่งร้านขายดีมาก พนักงานเสิร์ฟต้องเดินมาก หลายรอบเหมือนกัน ยิ่งร้านใหญ่ ก็ต้องเดินไกล


แต่มือผัด มือแอ๊พฯ หรือเชฟ มีค่าจ้างรายวันค่ะ ส่วนมากจะ ๗๐ เหรียญ ขึ้นไป แล้วแต่ขนาดร้าน และความใจกว้างของจข.ร้าน หุหุ
ถึงจะขายไม่ได้ งานเขาน้อยลง แต่เขาก็ได้เงิน


ส่วนแพคเกอร์ เหมือนคนตรงกลางค่ะ ไม่ใช่คนส่วนหน้า และก็ไม่ใช่คนส่วนหลังโดยตรง น้อยร้านจะมีเอี่ยวกับทิป ส่วนมาก ถ้าเป็นร้านที่ พนักงานเสิร์ฟโอเค พอเขาได้มาก เขาก็แบ่งให้ค่ะ





บางร้านก็ใจดี มีการตั้งรางวัลจากยอดขาย ถ้าขายได้เท่านั้นเท่านี้ เจ้านายเป็นคนให้รางวัล คนครัว เองค่ะ แพคเกอร์ก็ไม่เกี่ยวอีกเหมือนกัน Y_Y

แต่ลูกค้าบางคนก็ใจดีค่ะ ถ้าอาหารถูกปากบางที มีฝากชม ฝากทิปให้เชฟ บางทีแพคเกอร์ถืออาหารไปให้ลูกค้าที่ซื้อกลับบ้าน ก็ได้ทิปด้วยค่ะ ^_^


ไว้เล่าต่อตอนหลังที่เป็นเวทแล้วเนอะ จะพยายามมาอัพนะคะ
โดย: โดดเดี่ยวผู้น่ารัก วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:23:14:22 น.
  
หนูอยากทำงานนวดคะ เพราะหนูสวย
โดย: patr IP: 66.65.77.114 วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:14:30:51 น.
  
แจ้งข่าว เจ้าของบล็อก อีเมล์เก่าโดนแฮ็กประมาณ 10 ปีแล้ว เลยไม่ได้มาเขียนต่อนะคะ
โดย: ผ่านมาบอก IP: 1.46.169.37 วันที่: 12 ตุลาคม 2563 เวลา:12:30:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โดดเดี่ยวผู้น่ารัก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]