Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ข้อมูลน่ารู้ : ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปาก ที่โรงพยาบาลรามคำแหง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส้มได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาที่โรงพยาบาลรามคำแหงค่ะ  สาเหตุที่ไปฉีด เพราะ คำว่า "กลัวโรคมะเร็ง" มากค่ะ ถ้าเราสังเกตกันรอบๆตัว  ญาติๆ เพื่อนๆ หรือคนรู้จัก มักจะต้องมีคนเป็นโรคมะเร็งมากมาย  และตัวส้มเองก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสเป็นมั้ย โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูก  ดังนั้น  ทางที่ดีที่สุด คือการป้องกัน ด้วยวิธีการฉีดวัคซีน


วัคซีนตัวนี้ คุณหมอได้บอกมาว่า จะมีวัคซีนอยู่ 2 ชนิด คือ  Gardasil และ Cervarix  ซึ่งก็จะแตกต่างกันดังนี้ค่



  1. วัคซีน Gardasil มีสายพันธุ์ไวรัสที่ใช้ผลิตอยู่ 4 สายพันธุ์ คือ HPV type 6, 11 (ป้องกันหูดหงอนไก่) 16, 18 (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก) ในขณะที่ Cervarix มี 2 สายพันธุ์คือ HPV type 16, 18  (ดังนั้นส้มก็เลยเลือกฉีดแบบ 4 สายพันธ์ไปเลยค่ะ เพราะไหนๆก็ฉีดแล้ว ที่สำคัญ ราคาต่างกันแค่ 400 บาทเอง)

  2. ประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกไม่ต่างกัน

  3. วัคซีน Gardasil ป้องกันหูดหงอนไก่ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

  4. วัคซีน Gardasil ฉีดเข็มแรก เข็มที่สอง (2 เดือนต่อมา) และเข็มที่สาม (4 เดือนต่อมา) ส่วนวัคซีน Cervarix ฉีดเข็มแรก เข็มที่สอง (1 เดือนต่อมา) และเข็มที่สาม (5 เดือนต่อมา)


ประสิทธิภาพของวัคซีน



  1. วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันภาวะเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตผิดปกติที่นำไปสู่มะเร็งปากมดลูกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่เคยมีประวัติได้ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีมาก่อน เนื่องจากการพัฒนาของเนื่อเยื่อที่ผิดปกติไปเป็นมะเร็งนั้นจะต้องใช้เวลาหลายปี ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่ากว่าจะพบว่าจำนวนการเกิดผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ลดลง

  2. วัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อฮิวแมนแพบปิลารีไวรัส ถ้าใช้ในกลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อฮิวแมนแพบปิลารีไวรัสมาก่อน ที่สำคัญคือวัคซีนไม่สามารถกำจัดเชื้อฮิวแมนแพบปิลารีไวรัส ในกรณีที่มีการติดเชื้อเรื้อรังมาก่อนฉีดได้ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระยะเวลาการออกฤทธิ์ของเชื้อฮิวแมนแพบปิลารีไวรัสจะอยู่ได้นานเท่าไรหรือจำเป็นต้องฉีดซ้ำเมื่อไร และบ่อยเท่าไร แต่เท่าที่มีข้อมูลล่าสุดในปัจจุบันรายงานถึงระยะเวลาที่วัคซีนจะออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้นานอย่างน้อย 3-5 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ในอนาคตการติดตามผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนอาจจะให้ข้อมูลมากขึ้นว่าภูมิคุ้มกันของการให้วัคซีนจะลดลงเมื่อไรและจำเป็นต้องฉีดซ้ำเมื่อไร

  3. สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ป่วยควรทราบเกี่ยวกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลในปัจจุบันคือวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยควรตระหนักว่าวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเรื้อรัง แต่ไม่สามารถใช้ในการรักษาการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในคนที่มีการติดเชื้อมาก่อนแล้วได้

  4. ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระดับแอนติบอดีย์ควรจะสูงเท่าไร จึงจะป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีบางสาบพันธุ์ได้ แต่สังเกตพบว่าระดับแอนติบอดีย์ในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละครั้งที่ได้รับวัคซีน เนื่องจากระดับแอนติบอดีย์ไม่ลดลงหลังจากหยุดให้วัคซีน ก็น่าจะเป็นได้ว่าการเริ่มต้นด้วยแอนติบอดีย์ระดับสูง จะช่วยป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ยาวนานขึ้นอาจจะเป็นปีหรือหลายสิบปี

  5. วัคซีนมะเร็งปากมดลูกทั้งสองชนิดคือ Gardasil และ Cervarix มีประสิทธิภาพในกลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วอายุ 26 ปีหรือต่ำกว่าและในกลุ่มนี้บางคนอาจเคยติดเชื้อไวรัสเอชพีวีหนึ่งสายพันธุ์หรือมากกว่ามาก่อนแล้ว Gardasil และ Cervarix จะป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีจำเพาะบางสายพันธุ์แต่ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยไม่เคยสัมผัสกับสายพันธุ์เหล่านี้มาก่อน ถ้าหากยิ่งมีจำนวนคู่นอนมากเท่าไหร่โอกาสในการติดเชื้อเชื้อไวรัสเอชพีวีหลายสายพันธุ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้แนะนำให้ผู้หญิงอายุ 18-26 ปีบอกถึงประวัติเพศสัมพันธ์กับแพทย์ เพื่อดูว่าประเมินถึงประโยชน์ที่จะได้จากวัคซีน

  6. วัคซีนมะเร็งปากมดลูกทั้งสองชนิดคือ Gardasil และ Cervarix ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูง อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นพบได้น้อยมาก


 ใครควรฉีดบ้าง



  1. นะนำให้ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกในเด็กหญิงอายุ 11-12 ปีทุกราย โดยสามารถเริ่มให้วัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี ในทางอุดมคติ ควรเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เนื่องจากวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในเด็กหรือผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่วัคซีนครอบคลุมมาก่อน ดังนั้นเด็กหญิงและผู้หญิงที่ไม่เคยติดเชื้อเหล่านี้ก็จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการฉีดวัคซีน

  2. ผู้หญิงที่อายุ 26 ปีและมีเพศสัมพันธ์อาจได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนน้อยกว่า เนื่องจากผู้หญิงเหล่านี้อาจจะเคยได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีมาแล้วไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวหรือหลายสายพันธุ์ซึ่งเป็นชนิดที่ครอบคลุมโดยวัคซีน

  3. การให้วัคซีนมะเร็งปากมดลูกแนะนำในเด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 13-26 ปีที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน อย่างไรก็ดีการตัดสินใจควรมีการพูดคุยปรึกษาหารือระหว่างแพทย์และผู้รับบริการถึงความเสี่ยงที่ผู้รับบริการจะเคยได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีมาก่อนและประโยชน์ที่จะได้รับจากวัคซีน

  4. ฉีดวัคซีนที่แขนหรือต้นแขน 3 ครั้ง ในวันแรก เดือนที่สอง และเดือนที่สี่ หลังจากนั้น โดยภูมิคุ้มกันจะเกิดหลังจากได้รับวัคซีนครบทั้งสามเข็ม

  5. วัคซีนมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก ไม่พบว่ามีไวรัสที่มีชีวิตเหลืออยู่ในวัคซีน ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดยาคือ มีแดงและเจ็บบริเวณที่ฉีดยา อาการปวดหัวคล้ายกับจะเป็นไข้หวัดก็พบได้ อาจพบมีไข้ได้ อาการปวดและไข้สามารถบรรเทาโดยการให้ยาได้

  6. มะเร็งปากมดลูกมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมะเร็งเหล่านี้อาจทำให้ผู้หญิงเสียความสามารถในการมีบุตรและคุกคามชีวิตของมารดาที่อายุน้อยได้ ในสตรีส่วนใหญ่จะทราบว่ามีใครที่ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีนั้นพบได้บ่อย การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะสามารถค้นหาคนที่เป็นมีปากมดลูกผิดปกติที่ยังสามารถรักษาได้ ปัจจุบัน ผู้หญิงจะมีทางเลือกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในการป้องกันโดยที่วัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะช่วยป้องกันก้าวแรกของการเกิดมะเร็งปากมดลูก นั่นก็คือการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ดีขึ้นมากกว่าในอดีต


 ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลด้านบนน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆได้นะคะ  ส้มเองก็แนะนำให้ทุกคนไปฉีดป้องกันไว้ดีกว่าค่ะ  หลายๆคนมักจะกลัวเรืองการตรวจภายใน  ส้มเองก็เคยคิดกลัวเหมือนกันค่ะ แต่พอคิดไปคิดมา  ถ้าเราเป็นโรคร้ายขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะน่ากลัวกว่า  พอได้ไปตรวจภายในจริงๆ ก็ไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะเครืองมือเล็กมาก สอดเข้าไปในช่องคลอดแล้วจะรู้สึกเย็นๆ ตรวจแค่แป้บเดียวไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จค่ะ ก่อนที่จะฉีดวัคซีน ทุกคนจะต้องตรวจภายในเพื่อเชคว่าเรามีเชื้อมะเร็งหรือเปล่า ซึ่งระยะเวลาในการทราบผลก็ประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ ซึ่งคุณหมอจะเรียกเราไปฟังผลอีกที  หลังจากนั้นก็ฉีดวัคซีน ซึ่งพยาบาลจะฉีดให้ตรงไหล่ค่ะ  ไม่เจ็บเลยค่ะ  ก็หลังจากที่ฉีดเข็มแรกไปแล้วนั้น จะต้องรอฉีดเข็มที่ 2 อีก 2 เดือนข้างหน้า (หมอย้ำว่า เข็มที่ 2 ต้องมาตรงตามเวลาที่นัด มิฉะนั้นวัคซีนจะได้ประสิทธิภาพได้เต็มร้อยค่ะ) ส่วนเข็มที่ 3 ก็นับต่อมาอีก 4 เดือนค่ะ ส่วนราคานั้น จะแบ่งชำระเป็น 3 ครั้งตามจำนวนเข็มค่ะ ราคาต่อเข็มประมาณ 3000 บาทค่ะ เพราะฉะนั้นฉีด 3 ครั้งก็ประมาณ 9000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่ราคาก็จะประมาณนี้กันหมดนะคะ


 ฝากไว้ทิ้งท้ายนิดนึงนะคะ "การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค่ะ" ^_^ แล้วพบกันใหม่นะคะ บายจ้าาาา


ขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Health
Free TextEditor


Create Date : 29 กรกฎาคม 2554
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 9:30:13 น. 6 comments
Counter : 6499 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีมีประโยชน์นี้นะค่ะ


โดย: KeRiDa วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:43:10 น.  

 
ฝนตกบ่อยครั้ง ต้องระมัดระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ


โดย: nanny01 วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:02:58 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ คนโพสสวยและน่ารักจังค่ะ(ขอชม!)


โดย: OH IP: 124.120.67.242 วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:11:02:14 น.  

 
ยินดีมากๆค่ะ หากข้อมูลที่นำเสนอเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ยังไงสาวๆก็อย่าลืมไปเชคสุขภาพกันด้วยนะคะ จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงจ้าาาาา


โดย: beautybyorangina วันที่: 15 สิงหาคม 2554 เวลา:17:24:08 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนะคะ


โดย: tt IP: 203.113.118.65 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:45:09 น.  

 
วันนี้ไปโรงบาลรามคำแหงมา หมอบอกว่าวัคซีนตอนนี้ราคาลดลงแล้ว น่าจะเหลือประมาน 2,700 บาทคะ


โดย: wi_wi IP: 1.47.226.85 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:19:02:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beautybyorangina
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 132 คน [?]




Friends' blogs
[Add beautybyorangina's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.