AyAtAnA - Blog of many 'ION'
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

ภาษาญี่ปุ่นแบบ กูก็ไม่รู้ (Non-Guru Japanese)

อยากศึกษาภาษาญี่ปุ่น อยากอ่านออก เขียนได้ ทำไงดี

ก็ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นซิครับ หรือ จะซื้อหนังสือมาอ่านเองก็ได้ เลือกได้ทั้งแบบพูดได้ใน 7 วัน หรือเอาแบบด่วนๆ 72 ชม. ก็มี

แต่พอไปเรียนเข้าจริงๆ มันไม่ง่ายแฮะ ไปไม่ถึงไหน เรียนที่โน่นที ที่นี่ที อ่านเล่มนู้น อ่านเล่มนี้ จนเต็มหัว แต่ไม่รู้ว่ารู้อะไร งงงง จับต้นชนปลายไม่ถูก มันคงยากสำหรับผม



ยากแรก..ไวยากรณ์ เพราะต้องเข้าใจการผัน Verb ของภาษาญี่ปุ่น ที่มีมากมายเป็นสิบแบบ สำหรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆกัน

ยากสอง...คำศัพท์แต่ละคำ เวลาใช้งานต่างวาระกัน ก็ต้องอ่านต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลข นี่แหละ นับเลข 1-10 ก็พอได้ แต่พอเรียกวันที่ คน หรือ จำนวนวันกลับต้องใช้อีกคำหนึ่ง Ichi, Hitori, Hitotsu, Ichi Nichi,Tsuitachi คือการอ่านของเลข 1 เพียงตัวเดียว

ได้แต่บอกตัวเองว่า...ไม่ต้องกังวล เขาพูดได้ เราก็พูดได้ เด็กญี่ปุ่นยังพูดภาษาญีุ่่่ปุ่นได้เลย
คนญี่ปุ่น ก็บอกว่า ภาษาไทยยากเหมือนกั็นนั่นแหละ



ยากสาม...คือ ตัว คันจิ อักษรจีนซึ่งญี่ปุ่นนำมาใช้ มีการอ่านได้ทั้งแบบจีน (On-Yomi) แบบญี่ปุ่นเอง (Kun-Yomi) และแบบเฉพาะ (์Nanori) บางตัวอ่านได้ 8-9 แบบ ไม่นับเวลานำไปเขียนเป็นชื่อ นั่นยิ่งมีคำอ่านเฉพาะมากขึ้นไปอีก

โอย...อยากร้อง กรี๊ด แบบละครหลังข่าว



ตอนผมเรียนภาษาญี่ปุ่นเมื่อนานมาแล้ว สมัยนั้นเริ่มเรียนไวยากรณ์ก่อนโดยใช้ตัวอักษร Romanji ต่อมาเมื่อปรับมาเรียนตัว Hiragana และ Katakana ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเริ่มเข้า Kanji ก็เริ่มมีปัญหาอย่างออกนอกหน้า

เนื่องจากพออ่านได้บ้างกระท่อนกระแท่น อ่านตัวอื่นได้หมดยกเว้น Kanji ที่อ่านได้เฉพาะบางตัว ก็เลยอ่านข้ามจนติดเป็นนิสัย และสุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอะไร อ่านป้ายบนห่อขนมยังไม่รู้เรื่องเลย เป็นอาการของคน "เกือบ" จะรู้



มาวันนี้ ตั้งใจว่าจะเริ่มใหม่ครับ หาวิธีใหม่ (新法 - しんぽう - New Method) เริ่มด้วยการให้เสร็จไปเป็นเรื่องๆไป ฺBlog นี้จึงเป็นเหมือนบันทึกสำหรับตัวเองที่จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นกันใหม่ และอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีอาการเดียวกันบ้าง เนื่องจากไม่รู้ว่าตัวเองรู้อะไร จึงเป็นที่มาของคำว่า "กูก็ไม่รู้" ครับ



หน้านี้จะเป็นเพียงบทนำก่อนครับ เนื้อหาจะพยายามตามมาเรื่อยๆ นึกอะไรออกจะมาแปะก่อน ไม่ได้เรียงเป็นบทๆ ไม่ได้อ้างอิงบทก่อนหน้าและไม่ได้เป็นตำราครับ สะดวกอ่่านอะไรก่อนหลังก็ได้ตามสบายครับ

(ถ้าอ่านตัวอักษร Hiragna และ Katakana ได้ก็จะดีครับ เพราะหลังจากนี้จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้ตัว Romanji เนื่องจากมันทำให้ผมเสียนิสัยรวมทั้งมีผลต่อการจดจำคำต่างๆในระยะยาวครับ)





 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
7 comments
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 22:39:42 น.
Counter : 3001 Pageviews.

 

โอ้ววว เข้าใจค่ะ เคยลงเรียนแบบจะยากก็ยากแต่ก็สนุกดี

 

โดย: j a r n i k 17 พฤษภาคม 2553 22:49:09 น.  

 

ดีมาเลยคะ อยากจะเรียนไปด้วยเลย จะติดตามนะคะ
มีอะไรใส่มาเยอะ ๆ เลยนะคะ

 

โดย: wiron25 17 พฤษภาคม 2553 23:00:11 น.  

 

จะว่าไปแล้วเราก็ซื้อหนังสือมาแล้วก็กองมันไว้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์เปิดอ่านซะที

 

โดย: sakura_pot 18 พฤษภาคม 2553 9:51:14 น.  

 

จะคอยติดตามนะคะ
อยากรู้เรื่องอยู่เหมือนกัน

 

โดย: Shiraha 6 มิถุนายน 2553 12:59:23 น.  

 

เขียนได้น่าสนใจมากค่ะ แอบฮาด้วย ติดตามอยู่นะคะ

ตอนนี้กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ รู้สึกว่ายากมากๆ T_T

ตกก็ตกแล้ว แรงบรรดาลใจในการเรียนก็มีเป็นพักๆ

เฮ้ออ...เครียดค่ะ แต่จะสู้ต่อไป ^^

 

โดย: ค อ ป เ ต อ ร์ ไ ม้ ไ ผ่ 30 มิถุนายน 2553 1:28:26 น.  

 

สู้ต่อไปนะ เราก็เรียนด้วยตัวเองอยู่ อิอิ

 

โดย: เด็กหัวส้ม 22 กรกฎาคม 2553 21:04:11 น.  

 

เขียนได้น่าอ่านมากค่ะ เราก็เจอปัญหาแบบเจ้าของบล๊อคเหมือนกันค่ะ เรียนมาก็เอาไปใช้จริงไม่ได้ ท้อเลยหยุดเรียนไปเลย นี่ก็้องกลับมาเริ่มใหม่

 

โดย: โนดาเมะ 4 กุมภาพันธ์ 2554 23:02:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Kalaman
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Think Thinker Thinkest
Friends' blogs
[Add Kalaman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.