ใครเข้มแข็ง?? การเติบโตของใครบนเศษซากประชาธิปไตยไทย
ว้าวๆๆๆๆ เมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พาพ่อกับแม่ไปวัดมา เค้ามีสวดบูชานพเคราะห์ (ปกติก็หอบกันไปแบบนี้ทุกปีอยู่แล้ว มันจะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะ!?!?) ........ แต่ปีนี้ดูคนบางตาลงไปเยอะ อาจจะเพราะออกไปติ๋วติ้วต่างจังหวัดกันซะมาก หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะ"ศรัทธา"ของผู้คนที่มีต่อวัด มันบางลงไปทุกที ...
ปีใหม่นี้ อยากจะเห็นอะไรใหม่ๆ ที่มันดีขึ้นบ้าง อยากเห็นบ้านเมืองเราสงบสุข อยากเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ ความชื่นมื่น ชื่นบาน ครึกครื้นของคนไทยคืนกลับมา จริงๆ คนบ้านเรานี่ แม้จะย่ำแย่ปานไหน ก็ยังยิ้ม รักใคร่และกลมเกลียวกันได้เสมอ ก็จนมันมีวัฒนธรรม"สี" นี่แหล่ะ ที่มันทำให้วันนี้.. คนไทยหมางเมินกัน ระแวงกัน โกรธกันเกลัยดชังกันมากขึ้น
"สี" ความต่างในเชิงสัญลักษณ์มันลุกลามไปในทุกสังคมหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ในวัด .. เสียงสนทนาที่ออกรสอย่างถึงพริกถึงขิง ในเรื่องวัดนู้นเจ้าอาวาสสีนั้น วัดนี้เจ้าอาวาสสีนี้ วัดโน้นอยู่เบื้องหลังสีนั้น วัดนี้ไม่เอาสีนี้ ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนากันในหมู่สาธุชนที่มาร่วมพิธี คำถามมันเกิดขึ้นในใจ ณ ตอนนั้นว่า .. ไอ้คนที่มันเอา"สี"มาเปื้อนคนไทยเนี่ย มันคิดอะไรอยู่? มันกลายเป็นการแบ่งประเทศ แบ่งความคิด แบ่งทัศนคติทางการเมือง จากที่มันยังเป็นสภาวะนวลๆ เป็นอะไรที่ถกเถียงกันขำๆ ตามร้านกาแฟ เมื่อถ้ามีความคิดต่าง ในเรื่องการเมือง ถกกันจบก็ยังกอดคอกินเหล้ากันตอนค่ำได้ ...
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ ... "สี" เข้ามามีบทบาทมากมายต่อทุกสังคม ทุกชนชั้น ทุกระดับ "สี"ได้ทำให้เพื่อนโกรธกัน(ฆ่ากันตายก็มีข่าวมาแล้ว) เกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวร้าวฉาน ผัวเมียทะเลาะกัน ลูกไม่พอใจแม่ พ่อสีนั้น แม่สีนี้ ลูกไปอีกสี อึดอัดกันไปหมด .. มันพาให้นึกทุเรศ ทุรังในสภาพที่เกิดขึ้น และพาให้ประสาทเสียจริงๆ
ปีที่ผ่านไปนับเป็นปีแห่งความล้มเหลวในหลายๆด้านของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ความเสื่อมศรัทธาในระบบกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน คนมีอำนาจในบ้านเมืองก็ขัดแย้ง แก่งแย่งผลประโยชน์กันงัดอำนาจกันไปมา อย่างกรณีแต่งตั้งบรรดาหัวๆของตำรวจป่านนี้ก็ยังคาราคาซัง หรือแม้แต่นโยบายของกระทรวงต่างสำนัก ก็ถูกขัดขาเตะถ่วงด้วยไม่สมประสงค์กันในผลประโยชน์อีกทั้งปัญหาการขยายสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ที่หลับหูหลับตากู้มากระตุ้นกิเลสและคะแนนนิยม ดูจะสวนทางกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างน่าใจหาย รวมถึงการโกงกินในลักษณะที่ว่ากันตามภาษาชาวบ้านว่า "หน้าด้านๆ" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการเขมือบที่ลุกลามไปทุกกระทรวง ทบวง กรม นึกอะไรไม่ออกก็จัดซื้อ จัดจ้าง อย่างทางเท้าในกทม.ยังดีๆ ก็รื้อปูใหม่ ถนนพระรามสองนี่ก็เริ่มทุบอีกแล้ว นี่ยังไม่นับความเสื่อมถอยทางด้านวัฒนธรรม และการกีฬาในระดับประเทศที่นับวันจะมีแต่ปัญหามากมายไม่รู้หมด...
กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ที่ประเทศเรากำลังจะรุดหน้าไปได้ดี แต่ก็ต้องมีเหตุอันเป็นไปได้ทุกครั้ง พออะไรๆ กำลังจะดีหน่อยพี่ก็ปฏิวัติ กำลังจะโล่งหน่อยพี่ก็รัฐประหาร การเมืองไม่มีความนิ่ง นโยบายจึงเปลี่ยนรายปี การพัฒนาประเทศจึงสะดุดงึกๆ งักๆ จำได้ว่าก่อนรัฐประหารล่าสุดที่มีคนเอาดอกไม้ไปเสียบให้กำลังใจ ยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปกับรถถัง ตอนนั้นไทยเราเป็นประเทศที่ติดอันดับโลกในหมวดประเทศที่น่าลงทุน ชีวิตคนส่วนใหญ่ยังสบาย เงินทองคล่องมือ แต่พอมีรัฐบาลทหารขึ้นมาปกครองเท่านั้นแหล่ะ ทุกอย่างจบ!! .. เพราะอะไร? ก็เพราะว่า"โลก"เขาไม่เอาเผด็จการ เราจึงถูกพิจารณาและถูกมองว่าเป็นประเทศที่ปกคอรงโดยระบบเผด็จการทหาร อยู่ในเกรดเดียวกับพม่าไปนู่น
วันนี้.. ถ้าสังคมไทยยังมัวแบ่งสี แบ่งฝ่าย ถ้าสังคมไทยยังประเมินสิ่งต่างๆจากสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้เชื่อ รับรู้เพียงสิ่งที่เขาให้รู้ แสงแห่งปัญญาที่จะนำไปสู่หนทางแห่งความสงบและจรรโลงคงไม่มีทางเกิดขึ้น การพัฒนาประเทศในองค์รวมคงสะดุดชะงักงันเหมือนโดนแช่แข็ง ถึงวันนั้น เราคงได้แต่นั่งเกาขี้กลาก มองเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน เค้าแซงหน้าพัฒนากันไปไหนต่อไหน
นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่มันจ่ออยู่เพียงปลายจมูก เพราะระบบเศรษฐกิจในยุคนี้ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวเนื่องกันไปหมดทั้งโลก วันนี้คนไทยกำลังทุกข์สะสม เงินในกระเป๋าน้อยลง ทำมาหากินลำบากขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ในสังคมช่างภาพอาชีพใกล้ๆตัว ตอนนี้ก็หั่นราคาตัดหน้าคมเฉือนคมกันจนชนิดที่หลายคนเลิกรับงานขายกล้องไปขายน้ำปั่น คั้นกะทิ หรือไปหากินอย่างอื่นก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
เวียดนาม อินโด เค้าไปถึงไหนกันแล้ว ทั้งการลงทุน การเมือง การศึกษา เทคโนโลยีในบ้านเรากะอีแค่เรื่องสัมปทาน 3 G ยังลูกผีลูกคน กั๊กบน กิ๊กล่างกันอยู่เลย ให้ตายเถอะ!! ขอถามหน่อยละกัน ว่า... พวกพี่จะทะเลาะกันไปถึงไหนวะครับ ??? ประเทศแมร่งจะล่มจมอยู่แล้ว !!! ตอนแรกกะว่าจะเขียนบล็อกนี้เป็นแนวฮา ไม่อยากเอาการเมืองมาสอดแทรก แต่พอดีไม่รู้อะไรเข้าสิง พิมพ์รวดเดียวออกมาแนวนี้ (สงสัยอัดอั้นมานาน) ดังนั้นขอบ่นมั่งละกันเนอะ
**ปีใหม่นี้กลางๆปี มีแว่วๆกระแสหักดิบทางการเมืองอีกครั้ง ผมไม่สนหรอกว่าสีไหน สีอะไร แต่ถ้าใคร เ สื อ ก ทะลึ่งลุกขึ้นมาปฏิวัติอีก กรูจะกระโดดถีบสองขาเลย คอยดู... **
อย่าได้เจ็บได้จนค่ะ..