Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่ 10 : วุ่นวายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

30 ธันวาคม 2552
โลกมันกลมจังเนาะ จังหวัดมันกลมจังเนาะ ร้านมันกลมจังเนาะ
ผมกำลังร้องเพลงกะแรกอยู่ดีๆ มีคนเดินเข้ามาหาถึงหน้าเวที หน้าตาคล้ายๆพี่เอ้ แต่นึกอีกสักแวบหนึ่งนั้นคือ นายวิสูตร วงศ์เขียว เพื่อนๆเรียกกันว่า หมาก

หมากคือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว ผมยังจำภาพเขาใส่ชุดสีกรมท่า ใส่ชุด รด ใส่ชุดพระจอมได้ติดตาเลย เพื่อนที่จากกันมาตั้งนาน แต่ได้มาเจอกันในสถานที่ที่ต่างคนต่างไม่คิดจะมาเจอกัน ไม่แน่นะในขณะที่เรานั่งรถอยู่ อาจสวนทางกับคนที่เราอยากเจอที่สุดโดยไม่รู้ตัวก็ได้

หมากดูโตขึ้น สุขุมเหมือนพ่อของเขาที่มาด้วย พร้อมพ่อแฟนและแฟนสาวที่ดูน่ารักดี ผมพูดคุยถึงสิ่งที่ผ่านมา วิสูตรเตือนว่าให้ผมไม่ลืมตัว อย่าทำอะไรสุดโต่งมากนัก พ่อของเขาก็เข้ามาสอนให้เรากตัญญูรู้คุณคน มีความรับผิดชอบ อดทน ชีวิตที่ดีได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ เมื่อโอกาสและจังหวะมา ความดีที่เราทำมันจะนำพาเราไปสู่สิ่งที่ดีโดยไม่คาดฝันเอง ฟังแล้วดูน่ามหัศจรรย์และท้าทายดีนะฮะ

ผมซื้อบราวนี่ร้านน้าอั้มไปกล่องละ 160 บาท ฝากให้ทั้งโต๊ะได้ทานกัน ทุกคนต่างบอกว่าอร่อยมาก และสัญญาว่าจะกลับมาหาอีก ผมไปส่งถึงหน้ารถ และขอบคุณสำหรับวันนี้ที่แสนประทับใจในหลายต่อหลายเรื่อง

ช่วงถัดมา ผมได้ร้องเพลงกะที่สองและสาม เป็นเพลงสากล เป็นบาปหรืออย่างไรที่มีฝรั่งสองคนนั่งโต๊ะหน้า หันหน้ามาป๊ะจังงงังกับผมพอดี แล้วผมจะร้องเพลงสากลได้ไหมนี่ สมาธิมันหดหายไปในทันที

ผมเอาเนื้อเพลง yellow river ไปใส่ในดนตรีของ beautiful sunday เกือบจะค่อนท่อน ฝรั่งด้านหน้าซุบซิบหัวเราะกันอย่างสนุกปาก จากนั้นผมก็ทำเกือบล่มอยู่หลายต่อหลายครั้ง แน่ใจได้เลยว่า ถ้าผมอัดคลิปแล้วมาดูตัวเองในขณะนั้น เป็นภาพที่ผู้ชายยืนตัวเอียงๆ ยืนดูเนื้อร้องตามแผ่นกระดาษไปอย่างไม่น่าเป็นศิลปินชั้นดีเลย

พี่สาวอีกคนที่ชื่อขวัญ เป็นนักร้องที่สลับผลัดเปลี่ยนกันร้องอีกคนก็สอนเทคนิคการร้องเพลงสากลว่า ให้หัดฟังซ้ำๆให้บ่อยมาก เรื่องหน้าเวทีค่อยๆทำไป พี่เขาแต่ก่อนก็ยืนทื่อเนกัน แต่มีอยู่วันหนึ่งตอนมีแข่งโค้กมิวสิคอะไรสักอย่าง พี่เขาเมาพอดี แล้วไปประกวดเพลงแสงระวี ทำท่าแมงมุมจนผู้ชายแซว ผลก็ตกรอบ แต่พอเขาได้ฟังคำจากเพื่อนๆก็คิดได้ว่า เราก็ทำได้นี่ ทุกคนก็สามารถเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ได้ แต่เราต้องสวมหน้ากาก ต้องไม่ใช่ตัวเราบ้างในบางครั้ง เพื่อทำให้คนด้านล่างเวทีมีความสุขนั่นเอง

ยากยิ่งนักสำหรับผมนะ






























วันสุดท้ายของปีเก่า


ผมไม่อยากตื่นเช้าเท่าใดนัก ไม่ใช่เพราะความขี้เกียจหรอก ความรับผิดชอบต่างหาก ฮ่ะๆ จะมีสักกี่เรื่องที่บอกว่า ตื่นสายคือความรับผิดชอบ
ก็เพราะวันนี้คือวันที่ผมเชื่อว่า จะเป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยน่าดู ห้าโมงเย็นผมได้รับงานนอกให้ไปร้องงานขึ้นบ้านใหม่แถวๆนี้ ทุ่มครึ่งก็ต้องกลับมาร้องที่นี่ต่อ จนห้าทุ่มครึ่ง อาอู่ที่ตีกลอง ก็จะมารับผมไปงานนอกอีกงานนึง รวมแล้ววันนี้ต้องร้องห้าช่วง ใช้เวลาหกกว่าชั่วโมง งานนี้จะได้รู้กันไปว่าจะเกิดจะดับคาเวที
ความท้าทายใหม่ๆเข้ามาเยือนตลอดเวลา ผมเชื่อว่าวันนี้น่าจะเป็นอีกวันนึงที่ควรจะมีเรื่องให้จดจำอย่างมากมาย ผมตื่นมาสิบโมงเช้า นั่งหาลิสต์เพลงที่ถนัดที่สุดเท่าที่เคยร้องเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ จัดงานเอกสารให้เรียบร้อยแล้วใส่ซองให้เป็นระเบียบ
เวลาประมาณ 11 โมง แม่โทรศัพท์มาหาโดยบอกว่าให้อยู่ร้านนะ เดี๋ยวจะมีคนนำผ้าห่มไปส่งให้ ผมก็เอะใจละสิว่าใครกันนะ ตอนแรกคิดว่าตาบอลล์เตี๊ยมกับแม่ไว้ว่าจะแอบมาที่นี่ ลึกๆก็ไม่เชื่อว่าแม่จะมาได้เลย เพราะเมื่อคืนยังได้ยินเสียงลูกกรงถูกเขย่าหน้าบ้าน…
ผมรีบล้างหน้าทาครีมกันแดด(ห่วงสวยนิดนึง) พร้อมแฟลชไดรฟ์งานเพลง เผื่อติดรถเค้าออกไปด้วย ก็ไปยืนรอหน้าร้านน้าอั้มนั่นแหละ รอก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะมา หันไปอีกที เอ้า นั่นมันรถสีขาว ทะเบียนคุ้นๆ… มีหัวของใครไม่รู้ลีบๆ โผล่ออกมาจากหน้าต่าง ผมข้ามถนนไปแล้วรีบเปิดประตูกอดคนนั้นทันที ข้างในทุกคน ทั้งพี่สาว เพื่อนพี่สาว พี่ชาย และคุณแม่ ยิ้มและหัวเราะกันด้วยความเซอร์ไพรซ์ในครั้งนี้…
แม่ฝากผ้าห่มจากที่บ้านมาให้ พร้อมทั้งพัดลมขนาดเล็ก ดีใจจังเลยที่มีพัดลมเป็นของตัวเอง ไม่ต้องงยืมน้องเมย์ห้องข้างๆอีกแล้ว (แหลือแค่เพียงอย่างเดียวคือสะพานไฟแค่นั้นแหละที่ไม่มี)
ผมรีบนำของไปเก็บ พอออกมาก็เห็นแม่ซื้อบราวนี่ร้านน้าอั้มมาทานกัน ทุกคนต่างชมว่าอร่อย ผมก็เลยอ้อนให้ซื้ออีกชิ้นหนึ่งจนได้ จากนั้นผมพาพวกเราไปร้านข้าวซอยลำดวนซึ่งอยู่อีกฝั่งไม่ไกลจากที่นี่เลย
ที่ร้านคนเยอะมากๆ เราจึงจอดรถแต่ไกลเดินมากิน ผมเชื่อว่าทุกคนไม่ผิดหวังกับความเข้มข้นของข้าวซอยร้านนี้มาก ดูจากคนที่ล้นทะลักขนาดนั้น และจานของทุกคนเรียบหมด ย้อมแสดงให้เห็นว่าเราได้พาเขามาเชียงใหม่จริงๆแล้วแหละ ห่ะๆ
ผมออกตังค์ให้เกือบทั้งหมด ทั้งๆที่บางทีรู้สึกเสียดายเงิน แต่ต้องบอกตัวเองไว้เสมอนะครับว่าเงินเมื่อไหร่มันก็หาได้ แต่ะเลี้ยงข้าวครอบครัวนั้น นับสิบครั้งก็ยังไม่ได้เลยจริงไหม? ยังไงผมก็สุขใจที่ได้ทำในสิ่งที่หลายคนไม่ค่อยจะเชื่อว่าชาตินี้ เกมจะทำได้
จากนั้น ผมทำหน้าที่เป็นสารถี ขับรถไปซื้อขนมเค้กให้น้องอิ่มกับน้องอิงแลนด์ รวมทั้ง้าอั้ม ผมแค่หวังว่าน้องเขาจะชอบในขนมเค้กที่ผมไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสนี้ เพราะมันแพง แต่ผมชอบเหลือเกินที่จะให้ขนมอร่อยๆ ดีๆ กับใครสักคนที่ดีกับผม และผมก็ไม่เคยคิดจะเสียดายเลยรู้ไหม










ค่ำคืนวุ่นวาย อันแสนประทับใจ


เย็นห้าทุ่มครึ่ง ผมคต้องยกเลิกงานนอกที่อาอ๊อดจัดไว้ให้แล้ว เพราะดูเหมือนผู้ใหญ่จะมองว่าเราไม่มีมารยาท ที่ไปรับงานอื่นแทนที่จะมาช่วยงานในช่วงสำคัญคืนนี้ มองในแง่ร้ายก็คือเขาตัดโอกาสทำมาหากินเรา มองในแง่ดีก็คือเขาเตือนด้วยความรักความห่วงใย ถ้าเขาไม่เห็นเราเป็นลูกหลาน ก็คงไม่รั้งไว้หรอก จริงมั้ย..
.ใครๆต่างเข้าใจดีว่างานนอกเป็นการหากำไรได้เป็นกอบกำ ผมได้ไปร้องบ้านของคนไฮโซหมู่บ้านหนึ่ง ที่นั่นจัดเลี้ยงได้น่ากินมาก ผมซัดปลาดิบไปสิบกว่าชิ้นจนพุงปลิ้น ร้องแค่ชั่วโมงเดียวแต่ได้ถึง 500 มากพอสำหรับอยู่ได้สิบวันเลยด้วยซ้ำ…..
ผมมาถึงร้านก็เหลือบไปเห็นแม่และพี่ๆ ที่เข้ามานั่งรอฟังเสียงร้องเพลงของเรา วันนี้ไม่ตื่นเต้น แต่รู้สึกฮึกเหิมดีจัง เราจะได้แสดงความสามารถให้พี่ๆเห็นว่าพัฒนาได้ดีขึ้น ผมร้องเต็มที่มากๆ จนถึงสองทุ่มครึ่ง ผมถูกจับเป็นพิธีกรจับฉลากรางวัลอีก มีทั้งเหล้า ตุ๊กตาตัวใหญ่สามสิบกว่าตัว บัตรกำนัลจากทางร้าน เป็นสิ่งงดึงดูดให้ลูกค้าไม่อยากลุกไปไหนเลย โดยเฉพาะไวน์ขาวราคาพันกว่าบาท

สามทุ่มครึ่งมีวงดนตรีเข้ามาอีก ผมก็ต้องรีบหาเพลงเพื่อไปร้องแจมกับเขา สี่ทุ่มกว่าก็ต้องมาเป็นเอ็มซีอีก ยาวไปจนถึงดึกดื่นแน่ๆเลย ผมเริ่มรู้สึกอ่อนล้าจากการทำงานมาก พอว่างนิดหน่อยก็รีบไปนั่งโต๊ะที่แม่นั่งอยู่ ไปจับมือไปกอด ไปพิงไหล่เล็กๆของแม่

ยิ่งดึกเข้า โคมลอยที่ชาวเชียงใหม่จุดและลอยขึ้นไปบนฟ้าเริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับแสงดาวที่ระยับฟ้า แต่เป็นดาวสีส้มที่ละลานตาเต็มไปหมด จนกระทั่งเที่ยงคืน โคมลอยและพลุจำนวนมากที่เห็นมาแต่ไกลได้ถูกจุดขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วท้องฟ้าเมืองเชียงใหม่ ระยิบไปด้วยแสงจากโคมลอย ซึ่งหนึ่งในแสนโคม ก็มีพวกเราในร้านที่มีส่วนร่วมในการปล่อยทุกคน ผมพยายามเก็บภาพเหล้านั้นไว้ในความทรงจำให้ได้ แหงนขึ้นไปมองฟ้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ว่าครั้งหนึ่งเคยได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ที่เชียงใหม่…


ผมไม่มีเวลาแม้แต่ไปส่งแม่ขึ้นรถกลับบ้าน พวกเขากลับกันก่อน ปล่อยให้ผมเป็นพิธีกรอยู่กับสาวอีกคนนึง จนกระทั่งตีสาม ผมขอแอบไปนอนหลับบ้างแล้วกัน ถ้านานกว่านั้นผมต้องสลบเหมือดแน่




1 มกราคม 2553
ผมรีบตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่แม่โทรมา จึงรีบล้างหน้าแปรงฟัน ออกไปทั้งชุดนั้นเลย เดินข้ามสะพานแล้วตรงไปเรื่อยๆ แม่พักอยู่ อินสปาย โฮเต็ล ตรงนี้เอง ฝั่งตรงข้ามมีคนมุงดูไก่ทอด ผมคิดว่ามันต้องน่าอร่อยแน่ๆ จึงซื้อขึ้นไปฝาก ตั้ง 70 บาทแหนะ แต่ก็หมดนะจ๊ะ
พี่ชายตื่นสายเพราะดันไปผับตอนดึก ได้ข่าวว่าได้เบอร์หนุ่มไหนมาก็ไม่รู้ พี่ชายผมมันเจ้าชู้จริงๆเลย ทำให้แม่ผิดเวลาที่วางแผนเอาไว้ว่าจะไปไหน แม่ตักสินใจไปที่กาดวโรรส ซื้อหมูยอฝากยายตั้งหลายชื้น เสร็จแล้วผมจึงขอให้แม่มาส่งที่โลตัสสักหน่อย
แม่ทำไมเดินแปลกๆไปจังเลย คงเป็นเพราะตาข้างหนึ่งของแม่มองเริ่มไม่ค่อยเห็นแล้ว หมอวินิจฉัยไปว่ามีเลือดคั่งที่ตา ต้องผ่าออกในวันที่ 4 มีนาคม ที่จะถึงนี้แล้ว ซึ่งผมถ้าจะทำงานต่อก็ต้องกลับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก่อนหน้าเพียงสี่วันเอง ถึงวันนั้เราจะเลือกอะไรกันนะ
แม่พูดจาไม่ค่อยเพราะเลย แม่บอกว่าของขวัญต้องรีบซื้อไปฝากหัวหน้าหน่อยนะ เพราะปีหน้าจะไม่ได้ซื้อแล้ว แม่แช่งตัวเองว่าปีนี้จะไม่รอด มันทำให้ใจของผมรู้สึกว่าตัวเองอกตัญญูยังไงก็ไม่รู้ที่มาอยู่ที่นี่ แม่ต้องการสื่ออะไรรึเปล่านะ….
บนรถที่เรานั่งกันสามแม่ลูก ผมจับมือ จับผมของแม่ จับนมของแม่ด้วยนะ (แหะ) ผมไม่รู้ว่าจะได้จับอีกทีเมื่อไหร่ ตอนนี้ผมอยากให้แม่มาอยู่ข้างๆจัง แม่คงเหงาใช่ไหมครับที่เกมไม่อยู่บ้าน มองไปที่ที่เกมเล่นคอมบ่อยๆ แม่คงคิดถึงนะสิ เกมก็เช่นกันนะ ไรผมของแม่ จมูกโด่งๆของแม่ อ้อมกอดเล็กๆของแม่ ผมจะต้องถูกพรากสิ่งเหล่านั้นไปอีกแล้ว ด้วยระยะทางที่แสนไกล ผมได้แต่กอดแม่ที่อยู่เบาะหน้า และมองตาไม่ให้กระพริบ ปิดประตูรถ ผละตัวออกจากรถสีขาวคันนั้นไป….



Create Date : 04 มกราคม 2553
Last Update : 4 มกราคม 2553 4:52:56 น. 2 comments
Counter : 472 Pageviews.

 
Haappy New Mear เอ้ย year


โดย: ryusuka วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:15:10:10 น.  

 
เกม พี่เป็นกำลังใจให้นะ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกัน อิอิ พี่ก็ยุ่ง มากๆๆเรย ไว้ มีรถจะขับไปหานะ สู้ๆๆ


โดย: ryusuka วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:15:15:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Antonymer
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Antonymer's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.