walk1 การเดินทางของฉัน การเดินทางของเธอ และ การเดินทางของเรา. . . ร่ อ น เ ร่ . . . พ เ น จ ร . . .

Animas
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Animas's blog to your web]
Links
 

 
Indonesia : Bali (04.06.10)


คืนนี้เราย้ายมานอนที่ Ubud กันนะคะ


อยากอยู่ใกล้ที่ shopping . . . จะได้ประหยัดเวลาในการเดินทางไปตลาด


เพราะใครๆก็บอกว่าที่นี่มีของน่ารักน่าซื้อเยอะแยะ



เราเลือกโรงแรม Puri Bunga Resort and Spa ได้จาก Agoda


หลังจากที่ตะลุยอ่าน comments จากทุกแหล่งข่าว ไม่ว่าจะเป็น Agoda , Hotels , Google หรือ TripAdvisor


เลือกที่นี่ล่ะวะ อยู่ไกลจาก Central Ubud นิดหน่อย ... วิวดี ... สงบ และ ห้องพักสวยด้วย (จากรูปใน web)




ป้ายชื่อโรงแรมที่ด้านหน้าถนนทางเข้า มองเห็นไม่ค่อยชัดหรอกค่ะ ถ้าไม่มีคนรู้ทางพามาก็หาไม่เจอแหงๆ




ถนนเข้าไปยังตัว Resort ค่ะ ดูร่มรื่นจริงๆ




มีที่สำหรับจอดรถอยู่ด้านหน้า Lobby ... จอกรถได้เกือบ 10 คันแน่ะค่ะ


ด้านขวามือของรูปจะมีทางเดินลงไปยังห้องพักซึ่งอยู่ลึกลงไปในหุบเขา ... เดินไปไกลพอสมควรค่ะ โชคดีที่มีคนยกกระเป๋าไปให้นะคะ




ตอนที่ check in มี welcome drink เป็นน้ำสับปะรดเย็นๆ


ใช้เวลาในการเช็คอินแป๊บเดียวเองค่ะ




ห้องพักของเราอยู่ที่อาคารนี้ ซึ่งเป็นอาคารเก่า ... เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะว่าตึกเก่ากับตึกใหม่มันแตกต่างกันยังไง




ห้องพักที่เราเลือกเป็นห้อง Deluxe มีห้องนอนแยกต่างหากจากห้องด้านหน้า


ในรูปนี้ คือ พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็จะเจอกับมุมครัวเล็กๆ ที่มีตู้เย็น - กาต้มน้ำไฟฟ้า - น้ำดื่ม - แก้วกาแฟ แต่ไม่มีกาแฟให้


อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนนั่งดูทีวี มีโซฟาใหญ่ ผ้าม่าน 2 ชั้นที่พอเราดึงเปิดเพื่อจะเปิดหน้าต่างก็ร่วงลงมาทั้งแผงเลย


และ ทีวีสี 34 นิ้ว (เป็นของที่ใหม่ที่สุดในห้องนี้ 555)




ถัดจากทีวีจอใหญ่ก็เป็นประตูสู่ห้องนอน


สวยใช่มั้ยคะ? เดี๋ยวก่อนค่ะ...อย่างที่เค้าว่าไว้ว่าในรูปมักดูดีกว่าของจริง ที่นี่แหละค่ะที่เป็นแบบเค้าพูดกัน 100%


เตียงนอนค่อนข้างเก่า เวลาเราจะนอนก็เริ่มประสาทเสีย...ต้องเปิดผ้าห่มออกมา แล้วก็ปัดที่นอนด้วยตัวเองอีกครั้งนึง


ปกติไม่ทำหรอกค่ะ เห็นเตียงปุ๊บก็โดดขึ้นไปนอนเลย แต่ที่นี่มันยังไงก็ไม่รู้แฮะ


ห้องน้ำก็เชื่อมกับห้องนอน แค่เปิดประตูบานเฟี้ยมเท่านั้น ... เปิดแล้วปิดไม่ได้ง่ะ




ห้องน้ำที่อยู่ข้างห้องนอนเป็นอ่างอาบน้ำใหญ่ ไม่มีผ้าม่านกั้น...น้ำเลยกระจายไปทั่วห้อง เพราะฝักบัวด้านบนปรับไม่ได้


ส่วนก๊อกน้ำด้านล่างเปิดไม่ได้ ปุ่มน้ำร้อนก็เปิดใช้ไม่ได้เช่นกัน


ในห้องน้ำมีกลิ่นอับมาก คิดว่าเป็นเพราะเค้าใช้ไม้มาตกแต่งเชื่อมต่อกับอ่างอาบน้ำ แล้วมันชื้นจนเหม็นตุ่ยๆ


ห้องส้วมอยู่แยกไปต่างหากที่ฝั่งตรงข้ามค่ะ


มีกลิ่นอับเหมือนกันเลย แถมห้องส้วมไม่มีหน้าต่าง ไม่มีที่ระบายอากาศด้วย เฮ้อ...




พวกเราไปกัน 3 คน ก็เลยต้องมีคนนึงนอนเตียงเสริม ... สลับกันนอนเตียงเสริมไปเรื่อยๆค่ะ


มาที่นี่ถึงคิวเพื่อนเราคนนี้พอดี 555 แหม...ไม่ได้อยากหัวเราะเลยนะคะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ 555


เตียงเสริมของที่นี่เป็นฟูกที่ปูนอนกับพื้น แถมยังปูไว้ให้หน้าห้องนอน เหมือนที่นอนของนางสนมหน้าห้องไม่มีผิด เหอ เหอ เหอ


ชวนให้ลากฟูกมานอนด้วยกันข้างในก็ไม่ยอมอีกแน่ะ


.............................................


ซัก 4 ทุ่มทุกคนก็หลับกันค่ะ


เรามาตกใจตื่นตอน 5 ทุ่มกว่าๆ เพราะได้ยินเสียงเพื่อนอีก 2 คนโวยวายอะไรไม่รู้


ปรากฎว่าเพื่อนเราที่นอนอยู่หน้าห้องตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู (ซึ่งเป็นกระจกรอบด้าน) ตึง ตึง ตึง


เพื่อนเราเรียกเรา แต่เราก็ไม่ตื่น กลายเป็นเพื่อนอีกคนนึงตื่นแทน


เพื่อนเราคนนี้บอกได้ยินเสียงเคาะประตู ตึง ตึง ตึง เหมือนกัน แถมได้ยินเสียงผู้ชายคุยกันงืมงำด้วย


เอาล่ะซิ ... ใครวะ? ตะโกนถามไปก็ไม่มีเสียงตอบ


เลยโทร.ไปที่ Reception ทางนู้นก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมอะไรเล้ย


เราแค่บอกว่ามีใครไม่รู้มาเคาะประตู ... ยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ คนที่รับโทรศัพท์ก็รีบบอก sorry sorry sorry แล้ววางหูโทรศัพท์ไป


เป็นแบบนี้ถึง 2 ครั้ง พอครั้งที่ 3 แน่ะ...มันยกหูโทรศัพท์ออกเลย บังอาจนักเชียว เดี๋ยวเหอะ...


................................................


สุดท้ายเพื่อนก็ต้องลากฟูกเข้ามานอนด้วยกันในห้องนอนด้วยกันนี่แหละ




ตื่นมาตอนเช้าเราออกไปเดินสำรวจรอบๆบริเวณที่พัก


วิวสวยมากค่ะ ด้านล่างมีแม่น้ำ Ayung ไหลผ่าน อากาศเย็นสบาย




ต้นไม้เขียวครึ้มทั่วบริเวณ




มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าก่อนถึงห้องอาหารอีกสระหนึ่งค่ะ คงเป็นสระใหม่




เดินไปเรื่อยๆก็เจอกับตึกใหม่ ไปแอบชะโงกดูห้องผ่านผ้าม่านโปร่ง


โห ... ใหม่กว่ากันเยอะเลยนี่นา


ไอ้ห้องที่เรานอนนั่นผนังห้องเก๊าเก่า กลิ่นก็เหม็นอับ ไม่ได้ละ...เดี๋ยวต้องไปเจรจาขอย้ายห้องหน่อย


เพราะเราต้องนอนที่นี่กันอีกคืนนึง ... จ่ายตังค์ไปแล้วด้วย




เราเดินไปขอย้ายห้องที่ Lobby เด็กผู้ชายบอกว่าต้องถามผู้จัดการก่อนครับ


เราเลยไปกินอาหารเช้าดีกว่า อาหารเช้าโอเคค่ะ ... วิวจากห้องอาหารก็เห็นหุบเขาที่มีแม่น้ำอยู่ด้านล่างเช่นกัน


ซักพักผู้จัดการก็เข้ามาแนะนำตัว แล้วก็ถามว่าทำไมถึงจะย้ายห้อง


ประเด็นหลักที่เราอยากย้ายห้อง คือ ห้องมันเหม็นอับมาก และ ห้องไม่ค่อยสะอาดด้วย


เค้าบอกว่าห้องที่ตึกใหม่เต็มหมด เอ๊อ...ไม่เห็นมีใครนอนซักคนนิ เค้าบอกจะมากันวันนี้


เอาล่ะซิ ... ไม่อยากอยู่แล้ว!


พอถามเรื่องคนที่มาเคาะห้องเมื่อคืนนี้ ทีนี้ล่ะ...ไปกันใหญ่ ไปนู่นเลย...


When you stay near the river ... spirit might visit you อ้าว...ไหงงั้นล่ะ


เหนื่อยค่ะ ไม่รู้จะคุยยังไงดีแล้วถ้ามารูปแบบนี้




ตกลงกันว่ายอมทิ้งค่าห้องคืนนี้ละกัน เพื่อความสบายของทุกคน...ไม่อยากนอนเหม็นค่ะ 555


เก็บข้าวของ ปล๊าว...ไม่ได้อาละวาด (แบบทุกที) นะคะ เก็บของแล้ว check out


บอกเค้าว่าเพื่อนนอนไม่สบาย ขอย้ายละกัน ห้องที่ตึกใหม่ไม่มีไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาโรงแรมใหม่ก็ได้


พนักงานพร้อมใจกันยกกระป่าให้พวกเราเป็นอย่างดี


ผู้จัดการก็มากระซิบว่าเดี๋ยวเค้าหาห้องให้ที่ใหม่นะ


รับรองว่าต้องชอบ เพราะเค้าส่งแขกไปที่นี่หลายรายแล้ว ไม่ผิดหวังเลยซักคน เอ๊...ยังไงเนี่ย


เค้าโทร.ไปบอกที่ใหม่ให้เรียบร้อยแล้ว ได้ราคาพิเศษด้วย แถมอธิบายทางให้คนขับรถเราอย่างละเอียด


ก่อนที่พวกเราจะขึ้นรถ ... มีคนมาเยี่ยมๆมองๆ แล้วก็ถามถึงเรื่องเมื่อคืนนี้


กลายเป็น talk of the town ไปแล้ว วันนี้ทั้งวันไม่ว่าไปแวะที่ไหนก็มีแต่คนถามถึงเรื่องนี้แฮะ



ไม่ชอบโรงแรมนี้ค่ะ ถึงวิวจะสวยมากๆก็ตาม


ไม่ชอบกลิ่นไม้ชื้นๆอับๆเหม็นๆในห้องพัก ไม่มีทางระบายอากาศเลยค่ะ


เป็นบทเรียนว่าอย่าเชื่อในรูปที่เห็นใน website มากนักนะ


แล้ว comments ต่างๆก็ฟังหูไว้หูบ้าง แต่โดยส่วนตัวแล้วเราว่ามันอยู่ที่ดวงนะ...ว่ามั้ย?



ไปไหนมา สามวา สองศอก



วันนี้เราไปเที่ยวที่เมือง Tempaksiring ค่ะ เมืองนี้อยู่ทางทิศเหนือของ Ubud


ค่าเข้าคนละ 15,000 IDR (ประมาณ 60 บาท)




ที่เมือง Tempaksiring มีสถานที่ศักดิ์สิทธิอยู่ 2 แห่ง คือ


1.บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำพุแห่งนี้


2.วัด Tirta Empul




แวะชิมกาแฟที่ Sai Land


มีกาแฟที่มาจากเมล็ดกาแฟที่ชะมดกินเข้าไปแล้วถ่ายออกมาขายด้วยค่ะ เพื่อนลองชิม...บอกว่าจืดๆหน่อย แหวะ แหวะ แหวะ




มื้อเที่ยงวันนี้พวกเราไปที่ Kintamani เป็นอาหารแบบ Buffet คนละ 85,000 IDR ( 300 กว่าบาท)


มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง แต่ที่เราว่าอร่อยที่สุดเห็นจะเป็นสารพัดผักชุบแป้งทอดนี่แหละค่ะ




ที่คนเค้าฮิตมากินมื้อเที่ยงที่ Kintamani นี่ก็เพราะเค้าจะมาดูวิว ภูเขาไฟ Gunung Batur และ ทะเลสาบ Batur กัน




บ่ายๆพวกเราไปวัด Besakih ซึ่งวัดนี้คนบาหลีถือว่าเป็นวัดหลวงค่ะ


เพราะเป็นวัดที่สำคัญที่สุด และ ใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน




ก่อนมาถึงวัด Besakih คนขับรถได้เตือนถึงมาเฟียที่อยู่ประจำที่วัดนี้อย่างละเอียดแล้ว


แต่พวกเราก็พลาดจนได้ เพราะพอเราเดินลงจากรถ...ผ่านที่จอดรถมา (คนขับแยกไปนั่งรอต่างหาก คิดว่าคงไม่อยากมีเรื่องกับเจ้าถิ่น)


เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงเรียก Ticket Ticket ไอ้เราก็นึกว่าจะตรวจตั๋วที่ซื้อมาเมื่อกี้นี้


พอเราเดินเข้าไปในร้านซ้ายมือ ... แหม มีเคาน์เตอร์เป็นเรื่องเป็นราวเชียวนะยะ


คนที่นั่งในเคาน์เตอร์ก็หยิบบัตรเราไปไว้ข้างตัวเค้า แล้วก็เริ่มพล่ามพรรณนาว่าต้องทำบุญนะ ใครมาที่นี่ก็ทำบุญทั้งนั้น


ไม่เชื่อดูในสมุดนี่ซิ คนนี้ 200,000 คนนั้น 500,000 คนโน้น 800,000


อ่ะฮ้า...นึกถึงคำเตือนของคนขับรถขึ้นมาได้ทันที (เกือบไม่ทันการ) คนขับบอกถ้าจะทำบุญก็ต้อง from bottom of your heart


เราก็ทันทีนะ ดึงตั๋วเรากลับมาเล้ย บุ้ยไปทางเพื่อนเราล่ะ...ว่า เนี่ย คนเนี้ยะ เคยมาที่นี่หลายทีละ


ไปละ บ๊ายบาย ยังไม่ทำบุญดีกว่า


แต่ก็ยังมีคนอุตส่าห์เดินตามมา 1 คนนะ ประมาณว่าเป็นไกด์ส่วนตัว ไอ้เราก็พยายามไม่มองไม่สนใจ


พอเข้าไปในวัดข้างใน เค้าบอกว่าถ้าไม่มีคนท้องถิ่นพาเข้าไปก็เข้าไม่ได้


โฮ้ย โฮ้ย ตกลงจ่ายที่ 30,000 IDR ซึ่งจริงๆแล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่สตังค์นะคะ มันอยู่ที่เราเต็มใจหรือเปล่าต่างหากนิ




วัด Besakih มีวัดเล็กๆตั้งเรียงรายอยู่ภายในอีกถึง 23 แห่ง


ตรงกลางคือ วัดใหญ่สุด โดยมีฉากหลัง คือ ภูเขาไฟ Gunung Agung




สวยดีค่ะวัดนี้ มีอะไรๆแปลกตาให้ดูตลอดทาง




ระหว่างทางกลับจากวัด Besakih เค้าแวะจอดให้ดูนาขั้รบันไดที่ Bukit Jambul แป๊บนึง


จริงๆแล้วพอมาบาหลีได้วัน 2 วันก็เริ่มชินกับนาขั้นบันไดนี่แล้วค่ะ มีให้เห็นแทบทุกๆโค้งถนนได้มั้ง




'Shopping Time in Central Ubud'


มาถึงตลาดเย็นไปหน่อย...ประมาณก่อน 6 โมงเย็น ได้เดินแป๊บเดียวตลาดวายซะละ เดี๋ยวพรุ่งนี้แก้มือใหม่อีกที




มื้อเย็นของวันนี้ เราตั้งใจมาที่ร้าน Dirty Duck (Bebek Bengil) ... ตั้งใจมากค่ะ


ก่อนที่จะมาบาหลี เพื่อนๆที่เคยมาแล้วสั่งแล้วสั่งอีกว่าต้องมากินอาหารที่นี่นะ ห้ามพลาด!!!


อร่อยสมดังคำร่ำลือค่ะ...ขอรับประกัน โดยเฉพาะเป็ดทอดกรอบสีดำๆนั่น อร่อยจนต้องเบิ้ลสอง 555






Create Date : 13 มิถุนายน 2553
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:15:07 น. 2 comments
Counter : 1394 Pageviews.

 
ถามนิดหนึ่งสิคะ แล้วในรีวิวหรือคอมเม้นท์อื่นๆ ที่เช็คๆ ไปเค้าไม่มีบอกไว้เลยเหรอคะ ทั้งเรื่องห้องเก่ากับเรื่องวิญญาณง่ะ

จขบ.น่าจะไปเม้นท์ไว้ในอโกด้านะคะ เป็นข้อมูลไว้เลยค่ะ จะได้ไม่มีใครหลงกลอีกง่ะ น่ากลัว ฮือออออ

ร้านอาหารเดอร์ตี้ดั๊กน่าสนใจมั่กๆ ค่า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:16:26:37 น.  

 
ว๊าย! ผีหลอก
หุ..หุ...

เค้าว่า นะลมพัดกระจกเสียงดัง ตึง..ตึง.
เหมือนคนเคาะกระจกมากกว่า

เคยเจอนะไม่ใช่ไม่เคย


โดย: SSnS IP: 124.120.77.167 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:19:14:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.