ชื่อ
..............:
...มี่
อายุ
.............:
...30 ปี (บอกตัวเองว่าอายุ 25 มา 5 ปีละ ^^)
ส่วนสูง
.........:
...163 cm.
นน.มากสุด
....:
...78 kg. (นน.หลังคลอด -- ตอนท้อง 9 เดือนหนัก 84 kg. ไม่นับละกัน ^^)
นน.น้อยสุด
....:
...58 kg. (มหา'ลัยปี 1 ตอนกินยาลดความอ้วน)
เริ่มซีซั่นแรก
...:
...71.0 kg. (05/03/53) และปิดซีซั่นแรกด้วยนน.
........:
...62.0 kg. (12/07/53)
เริ่มซีซั่นที่ 2
...:
...62.6 kg. (26/07/53) เจ๊งไม่เป็นท่าเด้งไปสูงสุด
......:
...66.4 kg. (16/12/53)
เริ่มซีซั่นที่ 3
...:
...65.0 kg. (23/12/53) ภารกิจสำเร็จลุล่วง
...............:
...60.0 kg.(18/03/54)
เริ่มซีซั่นที่ 4
...:
...60.0 kg. (18/03/54) เป้าหมายของซีซั่นนี้
............:
...55.0 kg.
เป็นคนที่อ้วนมาตั้งแต่จำความได้ เด็ก ๆ ก็จะมีแต่คนมาหยิกแก้มแล้วบอกว่า
"น่ารักจังเลย!" อากงอาม่าปาป๊าอาแปะสนับสนุนในการกินเต็มที่
"กินไปเหอะ โตขึ้นเดี๋ยวก็ยืด เดี๋ยวก็ผอมเอง" <-- ไปเอาข้อมูลมาจากไหนเนี่ย?? ไร้ซึ่งเหตุผลและหลักวิชาการโดยสิ้นเชิง แต่เราก็เชื่อ 55+
โตขึ้นมาอีกหน่อยซักประถมปลายเสียงชมที่ว่า "น่ารัก" เริ่มจางหาย เหลือแต่
"ทำไมปล่อยให้อ้วนขนาดนี้เนี่ย โตจะเป็นสาวแล้ว ไม่ห่วงรูปร่างบ้างเลย" "ไม่คิดจะลดบ้างเหรอ? อ้วนเกินไปแล้วนะ"ช่วงนั้นยังไม่สนใจกับเสียงดังกล่าว แทบไม่ใส่ใจเลย ยังกินเหมือนเดิมอย่างสบายอารมณ์ อายุแค่นั้นจะเอาอะไรอ่ะ
"อ้วนก็ช่าง ไม่เห็นจะสนเลย" มาถึงมัธยมปลาย เริ่มรู้สึกตัว อยากใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แล้วดูดีแบบเพื่อน ๆ แต่ไม่ทันแล้วล่ะ อ้วนอย่างกะโอ่ง
แม้แต่คนที่เราแอบชอบยังเรียกเราว่า "อ้วน" เลย แสลงใจสุด ๆ เริ่มลดน้ำหนักเองโดยการงดอาหารเป็นบางมื้อที่นึกอยากจะงด เช่น วันจันทร์มื้อเช้ารีบ ๆ ก็เลยไม่กินข้าว วันพุธนึกอยากผอมก็งดมื้อเย็น อีกทีวันอาทิตย์อยากงดมื้อกลางวันขึ้นมาดื้อ ๆ ก็ไม่กินซะงั้น หารู้ไม่ว่ามันเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง - - ทรมานตัวเองเปล่า ๆ และน้ำหนักไม่ได้ลงแม้แต่น้อย
แถมบางทีวันไหนกินเยอะมาก ๆ ก็ไปซื้อยาถ่าย(เม็ดสีเหลือง ๆ เล็ก ๆ)มากินเองอีกแน่ะ คิดเอาเองว่าจะได้อึ๊ออกให้หมดแล้วจะไม่สะสม เฮ้อ...ตอนนั้นคิดไปได้ไงเนี่ย
ออกกำลังกายบ้าง นานน๊านนานครั้ง คล้าย ๆ กับการกินคือออกกำลังกายอาทิตย์ละครั้งบ้าง เดือนละ 2 ครั้งบ้าง คงจะผอมเนอะ ไร้ประโยชน์อีกเช่นกัน เสียเวลาเปล่า ๆ ลดไม่ปรึกษาใครก็เงี้ย
ผลที่ออกมา ไม่บอกก็คงจะรู้กัน อ้วนเหมือนเดิม อ้วนกว่าเดิมอีกต่างหากเนื่องจากไม่ได้ปรับเปลี่ยนนิสัยการกินและออกกำลังกายใด ๆ เลยเปลี่ยนวิธีมากินยาลดความอ้วน
จนเข้ามหา'ลัยปี 1 น้ำหนักลดจาก 70 เหลือ 58 กิโลกรัม (ตอนนั้นยังกินยาลดมาเรื่อย ๆ กิน ๆ หยุด ๆ)ใส่เสื้อผ้าแล้วก็พอใจ แต่อาการข้างเคียงนี่ไม่น่าพอใจเลย ทั้ง
หน้ามืด คอแห้ง เวียนหัว หงุดหงิด ขี้โมโห รวมอยู่ในตัวหมด แต่ก็ไม่ได้เลิกกิน ยังคงกินอยู่ เพราะหยุดกินแป๊บ ๆ ก็อืดขึ้นมาอีก
กินมาก ๆ เข้าก็เบลอ ๆ งง ๆ เรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง(ความจำไม่ค่อยดีมาจนทุกวันนี้) จนบอกตัวเองว่าไม่ไหวละ เลิกกินเหอะ ถึงได้เลิกกินแต่กว่าจะคิดได้ก็เรียนจบละ เหอ ๆ
แล้วโยโย่เอฟเฟคก็มาเยือน แต่ทำอะไรไม่ได้มาเยือนก็ต้องปล่อยให้มันเยือน แต่มันไม่เยือนเฉย ๆ มันทำวีซ่าอยู่ถาวรกันเลยเนี่ยดิ
กลับมาโหมดลดน้ำหนักด้วยตัวเอง(แบบโง่ ๆ) อดมื้อกินมื้อ กินน้อยเท่าที่จะกินได้ สลับกับตบะแตก กินแหลกลืมอ้วน แล้วก็อดมื้อกินมื้อต่อ โดยไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้ระบบเผาผลาญเราเสีย
พอมาเจอกับแฟน เค้าไม่ว่าอะไรเราเลยที่เราอ้วน รักที่เราเป็นเรา ก็พากันกินไปเรื่อย ไม่สนแม้แต่วันแต่ง ไม่ได้ลดน้ำหนักเลย ใส่ชุดเจ้าสาวอ้วนซะไม่มี ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็อยากจะลดให้ผอม ๆ สวย ๆ อ่ะนะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว - -
หลังจากคลอดลูกคนที่ 2 น้ำหนักสแตนบายอยู่ที่ 78 กิโลกรัม ทั้งอ้วนทั้งป้า และเหมือนสวรรค์โปรดได้มาเจอกับเวปไซด์ลดน้ำหนักและได้เริ่มลดอย่างจริงจังด้วยการ
"ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย" น้ำหนักจึงค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันกำลังเขียนไดอารี่ลดน้ำหนักอยู่กับเพื่อน ๆ ที่เวป
"สลัดผัก.คอม" ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม มีความสุขกับการลดน้ำหนักครั้งนี้มาก กินที่อยากกิน ออกกำลังกายไม่หักโหม อาจจะมีหลุดบ้าง ท้อบ้าง แต่พวกเราสัญญาว่าจะไม่ถอยเด็ดขาด! คอยแนะนำและให้กำลังใจกันอย่างสม่ำเสมอ
"ถึงวันนี้จะยังไม่ถึงเป้าหมายแต่มี่แน่ใจว่า จะไปถึงในเร็ว ๆ นี้เนี่ยแหละ ^^ FIGHTING!!!"
Create Date : 12 พฤษภาคม 2554 |
|
6 comments |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 17:28:10 น. |
Counter : 577 Pageviews. |
|
|