นี่เย็น -110 °C ให้อยู่ตั้ง 3 นาที จะเป็นแะไรมั้ยเนี่ยย...
ว่าเป็นการบำบัดร่างกาย กล้ามเนื้อ ต้านการอักเสบแล ะกระตุ้นการเผาผลาญจึงช่วยลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังลดการเกิดเซลลูไลท์ รวมถึงทำให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วยด้วยความเย็น ซึ่งการรักษาแนวนี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศมานานกว่า 20 ปีแล้ว และเป็นที่นิยมใช้ในหมู่นักกีฬาทั้งหลายให้ กล้ามเนื้ออักเสบหายเร็วขึ้น อ๋อ มิน่าล่ะ นี่เองคือ เคล็ดลับของเหล่า นักกีฬา
ห้องที่ 1 ปรับอุณหภูมิไว้ที่ -10 °C , ห้องที่ 2 อุณหภมิที่ -60 °C , และ ห้องที่ 3 อุณหภูมิ-110 °C !!
การเข้า ควรใส่เป็นสปอร์ตบรา กางเกงขาสั้น หรือ ผู้ชายจะถอดเสื้อก็ได้ เพื่อให้ได้รับผลในการบำบัดเต็มที่
แต่ส่วนที่ต้องปกปิด ก็มี คือ หู จมูก และ ควรสวมถุงเท้า ถุงมือ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะอุณหภูมิเย็นจัดแบบฉับพลัน
จะเข้าไปล่ะน้า ... ><
เข้าไปในห้องแรก -10 ไหวอยู่ ตู้ไอติม
- ความเย็นระดับเหมือนเปิดตู้ไอติม ยัง ชิลล์ ชิลล์
เรียกว่าเดินผ่านดีกว่า อยู่ในห้องนี่ประมาณ สิบวินาทีเองมั้ง
ห้องที่สอง -60 ชักจะหนาวจริงๆละนะ มีลมพัดด้วย โอยย ..
เป็นทางผ่านเหมือนกัน คือ ใช้เวลาสั้นๆ ประมาณสิบวิเช่นเดิม
การที่เราเดินผ่านห้องที่หนึ่งและห้องที่สอง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และ เพื่อไล่ความชื้นด้วย
ห้องที่สาม -110 C หนาวจริงอะไรจริง สามนาทีเต็มๆ
มอนิเตอร์จากข้างนอกจะคอยดูเรา ปลุกใจ และ นับเวลาอยู่ตลอด
เมื่ออยู่ในห้องนี้ เราจะค่อยๆ เดินวนรอบห้องไปเรื่อยๆ หายใจเพื่อรับอ๊อกซิเจน ให้เต็มที่
คือในสภาวะแบบนี้ เค้าบอกว่า ร่างกายจะได้รับ อ็อกซิเจนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเลย
1 นาทีแรก หนาวๆๆ มือกอดอกไว้ เดินวนไปเรื่อยๆ จริงๆเค้าบอกให้แกว่งแขนเบาๆ แต่.. ไม่เอาล่ะ หนาวววว
1.30 ผ่านไป ความรู้สึกก้ำกึ่ง เหมือนจะทนได้ เหมือนจะทนไม่ได้
2.00 ผ่านไป ขาเริ่มหนัก ก้าวไม่ค่อยออก ตาจะหรี่ๆหน่อย คอยมองไปทางประตู นับถอยหลังในใจไปเรื่อยๆ อย่าลืมหายใจให้ลึกๆ
รู้สึกอุปทานว่ามีน้ำแข็งเกาะขา เดินวนกันไปเรื่อย ทำไมข้างหลังเดินเร็วจัง
ครบสามนาทีแล้วค่า !!
เดินย้อนกลับไปผ่าน ห้อง -60องศา และ ห้อง -10 องศา เพื่อออกประตูเดิมที่เข้ามา
อ่า.. ห้อง -10 วันนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
ตอนเข้านี่ก็ลืมความเครียด ลืมทุกอย่างจริงๆนะ จดจ่ออยู่แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
จริงๆ พอเสร็จจากการอยู่ห้องที่ 3 ( -110 °C ) เนี่ย เราก็จะเดินย้อนกลับทางเดิม
คือ ผ่านห้องที่ 2 และ 1 ออกไป เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
แต่ว่า ถ้าใครทนความเย็นไม่ได้ ไม่ไหวแล้ว ห้องที่ 3 ก็มีประตูฉุกเฉินอยู่ >>
ประตูนี้เลยจ้า
ห้องเล็กประมาณห้องซาวน่า แต่เข้าพร้อมกันได้ 3-4 คน ได้อยู่
เข้าประตูห้องที่หนึ่ง ก็ กลับออกมาที่ประตูเดิมห้องที่หนึ่งเลย ^^
ความรู้สึกตอนออกมา
ตอนออกมาใหม่ๆ ผิวจะแดงๆนิด
คอนเฟิร์มความเย็นและสดชื่น
ให้เข้าอีกก็ยังไหว หมอบอกวันนึงเข้าได้เต็มที่ ไม่ควรเกิน 3 ครั้ง เพราะว่า มันช่วยเผาผลาญ แคลอรี่ด้วย เดี๋ยวเพลียเกินไป
เข้าครั้งนึงเบิร์นประมาณ 800 แคล(ประมาณข้าวขาหมู1จาน)
สรุปจุดเด่น
ฟื้นฟูการบาดเจ็บภายใน ลดการอักเสบกล้ามเนื้อให้หายไวขึ้น ความเย็นทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว
เหมือนเวลาเราพกช้ำ เราก็จะประคบเย็น ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
ส่วนเรื่องลดความอ้วนเนี่ยเป็นเหมือนผลพลอยได้ ไม่ได้ลดความอ้วนโดยตรง
แต่ฟีลว่า ออกกำลังกาย เตะบอล เต้นแอโรบิก จนปวดเมื่อย กล้ามเนื้ออักเสบ แล้วมาเข้า ICE Lab เพื่อบำบัด แล้วยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ซะมากกว่า
แล้วก็การที่ร่างกายได้ออกซิเจนมากขึ้น ทำให้สุขภาพดีขึ้น ไมเกรน และ ภูมิแพ้ดีขึ้นด้วย นี่ก็เป็นครบเลย นั่งผิดท่าผิดทางเจ็บกล้ามเนื้ออยู่ แถมเป็นภูมิแพ้อากาศ แพ้ขนแมวด้วย ตอนนั่งรอเข้าห้องเย็น เจอไอเย็นนิดเดียวก็จามแล้ว แต่ตอนเข้าไม่จามเลยนะ หายใจ(ผ่านแมสปิดปาก) โล่งมากต้องรอดูว่าจะดีขึ้นจริงไหม ^^
บรรยากาศโดยรอบ
อยู่ชั้น 2
ตัวแทนแห่งความหนาว
สถานที่ ICE Lab แบบ การบำบัดด้วยความเย็นทั้งร่างกาย (Whole Body Cryotherapy)
แห่งเดียวในประเทศไทย ที่ APEX profound beauty สาขา เพลินจิต
เดินทางสะดวกมากใกล้รถไฟฟ้า มีที่จอดรถ
ค่าบริการ ICE Lab เท่าที่จำได้ แบบ 1 Day Pass 5,000 บาทค่ะ
มีแบบหลายวันด้วยแต่จำราคาไม่ได้
วันนึงเข้าสัก 3 รอบก็ได้ แต่เยอะกว่านี้ เดี๋ยวจะเผาผลาญแคลมากเกินไป มันจะเพลีย หน้ามืดเอาได้นะคะ และ เข้าห่างกันอย่างน้อยครั้งละ 1 ชั่วโมงค่ะ
อย่างที่บอก เป้าหมายหลักของเครื่องนี้จริงๆคือ บำบัดร่างกาย กล้ามเนื้อ ต้านการอักเสบ กระตุ้นการทำงานของร่างกาย เลือดลม ผิวพรรณ ^^
รายละเอียดเพิ่มเติม