|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
แนะนำตัวกันก่อน
อืม มม..เอิ่ม จะเรื่มอย่างไรดีเอ่ยตัวกระผมเองก็ไม่ได้มีประสปการณ์ในการเขียนบลอคมากมาย สักเท่าไรก็เรยยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะบอกกล่าวสิ่งใดให้กับเพื่อนๆ ที่เข้ามาในบลอคนี้ ได้รับทราบดี
อืมมม เริ่มจากแนะนำตัวผมก่อนดีกว่า ผม ชื่อ นายอัครเดช นามสกุล สมมุติว่า สะกิดตลิ่งละกัน -. .- ยืมเค้ามาๆ เนื่องจากมิอาจเปิดเผยนามสกุลจริงได้นะเวลานี้เนื่องด้วยยังไม่ได้ไปยื่น เรื่องขอเปนคนไทย โผก้อเรอม่ามีนาซากุง - -. เอาเปนว่าชื่อัครเดชครับ เหอเหอ นามสกุลไม่ต้องสนหรอกม่ายมีอารายแค่ไม่อยากใส่ ณ ปัจจุบันนี้ผมก็มีอายุได้ 31 ปลายๆเต็มที่จะ 32 ในเดือนกุมภา ที่่จะถึงนี่หละครับ สาเหตุที่กระผมเขียนบลอคนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่อยากจะให้เรื่องราวชีวิตของตัว กระผมเองได้มีผู้รับรู้เปนประจักพยานว่ามนุษย์อย่างนี้หนอก็มีอยู่ในโลก และอาจจะหาทางช่วยเหลือผมได้ด้วยคำแนะนำของผู้ที่ได้เข้ามาผ่านหูผ่านตาบ้างก็ เป็นได้ อันที่มาของชื่อบลอคนี้ว่า "นับหนึ่งไม่ถึงไหน" นั้นก็มาจากความไม่เอาไหนของตัวกระผมนี่เอง ปัจจุบัน ผมยังไม่มีการงานและยังคงต้องอาศัยการดูแลของพ่อแม่เพื่อประทังชีวิตนี้ให้ อยู่รอดต่อไป ทุกวันนี้ผมเรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหงครับ คณะบริหารธุรกิจ สาขา ท่องเที่ยว เหลืออีกประมาณ 20วิชาผมก็จะได้ออกมาเป็นไกด์กับเขาเสียที รหัสของผมคือ 4802029175นับตามรหัสนี่ก็เปนปีที่ผมสมควรจะสำเร็จการศึกษาออกไปได้แร้วแต่ มานช่างยากเย็นเสียนี่กะไรครับ เรยยังไม่จบอยู่ทุกวันนี้ เรย นับหนี่งไม่ถึงไหนอยู่นี่หละครับ
ต้องกล่าวให้ทราบกันว่าในชีวิตผมนั่นมีสิ่งที่รักดังดวงใจ อยู่สามสิ่งด้วยกันครับ หนึ่งก็คือ ยายของผม สองและสามคือ พ่อ แม่ครับ
อันความหวังตั้งต้นของผมนั้นอยากจะมีครอบครัวมีหลานให้ยายผมได้อุ้มได้ เลี้ยงดูเหมือนอย่างตอนที่ท่านเลี้ยงผมมา แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จครับตอนนี้ยายผมท่านจากผมไปแล้วครับทั้งที่ผมพยายามจะทำ ให้ได้ตามที่คาดไว้แต่ชีวิตมันไม่ง่ายหรือ มีรูปแบบที่่ตายตัวครับเราจะคาดเดาไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่เราจะเจอในวันต่อไป คืออะไรหรือเราจะเจอกับ อุปสรรคแบบไหนในชีวิต ก็อย่างที่บอกหละครับผมทำไม่สำเร็จ ผมเลือกทางผิด ทั้งที่ผมคิดว่าเปนทางที่ถูกที่ดีที่จะทำให้ผมทำได้ตามที่คาดหวังนั่นเป็น การไม่ ถึงไหนของผมเรื่องหนึ่งในหลายๆเรื่องในชีวิตของผมนะครับ มาดูเรื่องการเรียนของผมกันบ้าง
ในวัยเด็กผมได้เริ่มเรียนในชั้นอนุบาลในโรงเรียนใกล้ๆบ้าน ชื่อว่าอนุบาลเรือนเด็กครับ ต่อมาก็ได้ไปต่อ ประถมจนถึงมัธยม 3 ที่โรงเรียน ทิวไผ่งาน ซึ่งในช่วงม1-ม3 ผมก็เริ่มส่อแววไม่ถึงไหนของผมด้วยการเกเรียนซะแร้ว ช่วงม1นี่มีโอกาศพิเศษได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเรียนที่วัดนวลนรดิศก็เป็น อะไร ที่ น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับชีวิตผมดีเหมือนกันครับ จนแร้วจนไม่รอด ผมก็ต้องกระเสื่อกกระสนกลับไปเรียนที่ทิวไผ่งามเหมือนเดิมครับ ก็ถูไถได้อาจารช่วยเข็นจนจบ ม3 มาจนได้ หลังจากนี้ผมก็ได้มี โอกาศไปศึกษาต่อที่นิวซีแลน เป็นโอกาศอันดีที่ผมได้ล้างผลาญเงินของพ่อผมอีกแร้วครับ ไปอยู่ได้ประมาณสองปี ทำวีรกรรมไว้มากมาย สุดท้ายไม่ได้อะไรติดมาเรยเสียเงินไปเปล่าๆหลายอยู่ครับ ทุกวันนี้ผมยังมานั่งใจหายสงสารพ่อที่ต้องทุ่มเงินก้อนโตไปกับความไม่เอาไหน ของผม เมือเรียนไม่จบก็ต้อง กลับบ้านครับ จะอยู่ไปไยหละครับมิได้สังเคราห์แสงได้ ก็กลับมาสาเหตุทีทำให้เรียนไม่จบก็เนื่องจากการเลือกทางเดินที่ผิดของผม อันมาจากความคิดที่อยากจะรีบมีครอบครัวจะได้รีบมีหลานให้ยายอุ้ม ก็กลับมารับกรรมจากการกระทำของตัวเองอยู่หลายปีทีเดียวหละครับ ใช้ชีวิตอย่างว่างเปล่าไร้แก่นสารไปวันๆ
จะว่าว่างเปล่าไปซะทีเดียวมันก็ไม่ใช้ครับ จริงๆแร้วอาจจะพูดได้เลยว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผมเลยทีเดียว ที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้ เพราะในช่วงชีวิ่ตที่ว่างเปล่าของผมนี้ผมได้มี โอกาศใกล้ชิดกับธรรมะคำสอนของ พระพุทธเจ้ามากขึ้นครับ จากการที่มีเวลาว่างมากไม่มีอะไรทำ มีคนบังคับให้อ่านหนังสือครับ เหอเหอ ก็เลยโชคดีได้อ่านสิ่งต่างๆที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้ ทำให้เกิดปัญญาขึ้นมากมายในจิตใจที่ขุ่นมัว เหมือนดัง แสงไฟในคืนเดือนมืด ดังเสียงเรียกที่บอกเราให้ตื่นจากภวังค์ กลับมาเดินในเส้นทางที่ถุกต้อง ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผมก็เปนคนธรรมดาเหมือนคุณๆท่านๆนี่แหละครับตอนเด็กก็มี เล่นซนทำบาปยิงนกตกปลา แต่ผมอาจจะป่าเถื่อนกว่าเด็กธรรมดาไปหน่อย ทั้งทีจริงๆแร้วเบื้องลึกผมไม่ได้มีจิตใจโหดร้ายอะไรนะครับ แต่มันเป็นการกระทำที่ทำไปโดยไม่มีความยั้งคิด เหมือนกับช่วงตอนนั้่นผมได้อาศัยไปในรถคือร่างกาย แต่ ผมไม่ได้บังคับพวงมาลัย มานเกิดอะไรผมก็รับรู้ แต่ผมไม่ได้บังคับมัน แต่หลังจากที่มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาในชีวิต การได้อ่านได้คิด ได้ทบทวน ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและใช้ความคิดกับสิ่งต่างๆ การทำสมาธิ ทำให้ผมเปลี่ยน เป็นผมในทุกวันนี้ ถึงตอนนี้คุณๆท่านๆอาจจะคิดว่า เอ็งเปลียนอะไรของเอ็งวะ ข้าก็เห็นเองพร่ำๆนู่นนี่ๆของเอ็งมาไม่เหนมีไร โอเคครับเดวผมจะเล่าให้ฟังต่อ
Create Date : 14 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 17 ตุลาคม 2552 6:58:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 238 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|