มหาสมุทรสีเทาขาว ล้ำลึกเหลือคณา

โอ้ละหนอ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โอ้ละหนอ's blog to your web]
Links
 

 

สร้างเสริมประสบการณ์ใกล้ตาย และถอดจิตออกจากร่างได้ ง่ายจัง

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ดิฉันขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ใกล้ตาย (ฺNear death experience) และประสบการณ์การรับรู้ว่าออกจากร่าง (Out of body experience) ในแง่วิทยาศาสตร์ค่ะ

อนึ่ง กระทู้นี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หากข้อมูลใดขัดแย้งกับความเชื่อส่วนบุคคลหรือความเชื่อตามศาสนาใดๆก็ตาม ดิฉันก็ขออภัยนะคะ



ความตายอะไร การตายทางสรีรวิทยา คือ การยุติการทำงานของ สมอง ระบบหมุนเวียนโลหิต หัวใจ และปอดอย่างถาวรไม่สามารถคืนสภาพได้
เรื่องของนิยามความตาย และการเปลี่ยนแปลงหลังความตายเคยเขียนบทความไว้ที่นี่ค่ะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ailurophile&month=11-2009&date=09&group=1&gblog=5

"ประสบการณ์ใกล้ตาย" (Near Death Experience)

ประสบการณ์ใกล้ตาย “Near-death experience" เป็นคำบอกเล่าถึงการรับรู้จากคนที่ใกล้ หรือฟื้นจากการตาย เป็นปรากฏการณ์ที่พบทั่วโลก และไม่ใช่เรื่องใหม่ หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่พบอยู่ในงานของพลาโต (Plato's "Republic“, 360 B.C.E.) กล่าวถึงประสบการณ์ใกล้ตายของทหารชื่อ Er ที่เกือบตายจากบาดแผลสงคราม Er เล่าว่าวิญญาณของตนหลุดจากร่าง ถูกพิพากษา และขึ้นสววรค์

จาก Plato’s Republic, the Myth of Er
"… Well, I said, I will tell you a tale; not one of the tales which Odysseus tells to the hero Alcinous, yet this too is a tale of a hero, Er the son of Armenius, a Pamphylian by birth. He was slain in battle, and ten days afterwards, when the bodies of the dead were taken up, his body was found unaffected by decay, and carried away home to be buried. And on the twelfth day, as he was lying on the funeral pile, he returned to life and told them what he had seen in the other world. He said that when his soul left the body he went on a journey with a great company, and that they came to a mysterious place at which there were two openings in the earth; they were near together, and over against them were two other openings in the heaven above. In the intermediate space there were judges seated, who commanded the just, after they had given judgment on them and had bound their sentences in front of them, to ascend by the heavenly way on the right hand; and in like manner the unjust were bidden by them to descend by the lower way on the left hand; He drew near, and they told him that he was to be the messenger who would carry the report of the other world to men, and they bade him hear and see all that was to be heard and seen in that place.


รูปประกอบ Plato (429-347 BC)



ปี 1943 พลทหาร George Ritchie อายุ 22 ปี นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องคนไข้โรคติดต่อของโรงพยาบาลทหารที่เมือง Abilene มลรัฐเท็กซัส เจ้าหน้าที่แพทย์ที่ประจำการอยู่ในขณะนั้น ได้ประกาศว่าเขาถึงแก่กรรมแล้วด้วยโรคปอดบวม และกำลังถูกย้ายไปไว้ที่ห้องเก็บศพ แต่พยาบาลชายผู้หนึ่ง ยืนยันว่าเห็นมือของศพเคลื่อนไหวจึงขอร้องให้แพทย์ลองช่วยเขาดูอีกครั้ง แพทย์จึงฉีดสาร adrenalin ทำให้ Ritchie ฟื้นขึ้นมาใหม่แล้วยังสามารถไปเรียนต่อจนสำเร็จจบเป็นจิตแพทย์ออกมาประกอบวิชาชีพได้อย่างปกติ Ritchie สามารถจดจำประสบการณ์ช่วงเวลาที่ตายได้อย่างชัดเจนและเล่าให้นายแพทย์ Raymond A. Moody ด้วย

Ritchie เล่าว่า ในขณะที่เขาตาย เขามองเห็นศพของตนเองนอนนิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลจากระยะที่ห่างออกมา จากนั้นก็ล่องลอยผ่านอุโมงค์มุ่งตรงไปยังแสงสว่างจ้าข้างหน้า มองเห็นตัวตนที่มีลักษณะเหมือนแสงสว่าง เกิดความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตของเขาที่ผ่านมา (life review) อย่างสมบูรณ์ชัดเจนเหมือนจริงเป็นสามมิติ เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผลกระทบต่อตัว Ritchie เองอย่างลึกซึ้ง เพราะเขาเชื่อว่า เขามีโอกาสได้มองเห็นชีวิตหลังการตายได้ชั่วครู่หนึ่ง

Raymond A. Moody (รูปประกอบ) ได้รวบรวมกรณีศึกษาจากผู้ที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายชื่อ "Life After Life" ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลต่อแนวความคิดเรื่องการตาย และประสบการณ์เฉียดตายในยุคปัจจุบัน Moody ตั้งชื่อเรียกประสบการณ์เช่นนี้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "ประสบการณ์ใกล้ความตาย (Near-Death Experience; NDE)



ลักษณะทั่วไปของประสบการณ์ใกล้ตาย

จากคำบอกเล่าของผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายมักพบว่า ..

1. รู้สึกสงบ (Feelings of calmness)

ยอมรับความตาย (acceptance of death) รู้สึกสบาย และไม่เจ็บปวด

2. พบแสงสว่างจ้า แต่ไม่แสบตา (Intense, pure bright light)

3. กลายเป็นวิญญาณ และพบประสบการณ์นอกร่าง (Spirit beings and Out-of-body experiences; OBE)

ร่างเปลี่ยนเป็นแสงสว่าง หรือกลายเป็นวิญญาณ (spirit) พบหรือรู้สึกถึงผู้มีอำนาจสูงสุดตามแต่พื้นฐานทางศาสนาของคนผู้นั้น เช่น พระผู้เป็นเจ้า พระเยซู พระพุทธเจ้า หรือ พระอัลหล่า หรือพบญาติมิตรที่ตายจากกันไปแล้ว ขณะเดียวกันเห็นภาพมีมุมมองที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองลอยสูงขึ้นแล้วมองลงมาเห็นร่างกายของตน

4. สู่ดินแดนหรือมิติอื่น (Entering into another realm or dimension)

เช่นสู่สวรรค์ หรือนรก หรือลอยขึ้นฟ้า

5. พบอุโมงค์ (The tunnel experience)

รู้สึกล่องลอยไปที่ช่องทางลักษณะเป็นอุโมงค์ ตรงส่วนปลายของอุโมงค์ก็จะพบแสงสว่าง

6. ติดต่อกับจิตวิญญาณ (Communication with spirits)

ผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายบางคนเล่าว่าพูดคุยกับวิญญาณ หรือเสียง โดนเสียงนั้นมักเป็นเสียงผู้ชายที่ทรงอำนาจ (strong male voice) มาบอกตนว่ายังไม่ใช่เวลานี้ หรือบอกให้กลับไปสู่ร่างตน หรือไม่ได้ยินเสียง แต่มีความรู้สึกเหมือนถูกสั่งให้กลับเข้าร่าง

7. การทบทวนชีวิต (Life review also called "the panoramic life review“)

เกิดการทบทวนเรื่องราวของสิ่งที่ผู้นั้นเคยกระทำมาในอดีต การเกิดสภาวะเช่นนี้มักจะอยู่ในลักษณะการมองจากสายตาของบุคคลที่สาม โดยเห็นชีวิตทั้งชีวิตในช่วงเวลาสั้นมาก ในสถานการณ์นี้ บางคนรู้สึกสำนึกและรับรู้ผลแห่งการกระทำของตน และอาจรู้สึกว่าถูกพิพากษาจากจิตวิญญาณอื่น

จากลักษณะข้างต้น จึงพบว่าผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายมักกลัวตายน้อยลง และมีศรัทธาต่อศาสนามากขึ้น



ลักษณะการเกิด NDE ไม่ได้เป็นลักษณะที่พบเฉพาะประเทศทางฝั่งตะวันตกเท่านั้น จากการสัมภาษณ์ผุ้ป่วยโรคไตที่เคยผ่านประสบการณ์ใกล้ตาย จากไต้หวันจำนวน 51 คน (รายงานโดย Lai CF, et al. 2007) ก็พบว่ารู้สึกถึงลักษณะ NDE ที่กล่าวมาข้างต้นเหมือนกัน




Atypical NDEs ประสบการณ์เลวร้ายจากความตาย

จากการสำรวจโดย Gallup poll (1982) พบว่า 25 % ของผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายไม่รู้สึกถึงความสบาย ได้ขึ้นสวรรค์ หรือได้พบจิตวิญญาณที่เป็นมิตร แต่กลับพบจิตวิญญาณที่ชั่วร้าย หรือปิศาจ หรือพบว่ากำลังเดินทางไปสู่นรก มีลักษณะเช่น มีทะเลสาบที่เต็มไปด้วยไฟ มีวิญญาณที่ถูกทรมาน และรู้สึกได้ถึงความร้อนอย่างรุนแรง

ผู้ผ่านประสบการณ์ใกล้ตายบางคนยังเล่าว่าเห็นจุดจบของโลกและมนุษยชาติอีกด้วย

รูปประกอบ A vision of Hell from Dante’s Divine Comedy. Illustration by Gustave Doré



คำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์

- พบว่าสมองส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ใกล้ตายมีหลายบริเวณ ได้แก่บริเวณ limbic system, hippocampus, amygdala และ inferior temporal lobe การกระตุ้นสมองเหล่านี้จะทำให้การรับรู้ของเราผิดเพี้ยนไป

- สภาวะขณะที่ใกล้ตายก็มีผลต่อการรับรู้ของสมองเช่นเดียวกัน เช่น ยา การขาดอากาศ (Oxygen starvation and hypercapnia) และการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟีน (Endorphins) ซึ่งมีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด และหลั่งออกมาตามกลไกทางสรีรวิทยา เมื่อร่างกายพบความเจ็บปวดถึงระดับหนึ่ง

คำอธิบายกลไกของ NDE มีหลายทฤษฎี เช่น

- ขณะใกล้ตายสาร Dimethyltryptamine (DMT) ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาพหลอน อาจหลั่งออกมาจากต่อมไพเนียล ทำให้เกิดการรับรู้ที่ผิดปรกติ

- การนอนหลับแบบกลอกตา (REM sleep) อาจเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ใกล้ตาย ขณะที่เราหลับแบบ REM สมองจะทำงานคล้ายกับที่เราตื่น สมองส่วนทีเกี่ยวข้องกับการมองเห็น (visual centers) ทำงานมาก แต่สมองกลับสั่งให้กล้ามเนื้อในร่างกายเป็นอัมพาต (จากกลไกเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บจากการลุกขึ้นมาขณะที่ยังไม่มีสติ) กลไกของสมองขณะที่หลับแบบ REM อาจคล้ายกับที่เกิดในขณะที่เห็นแสง หรือเห็นสิ่งต่างๆในช่วงใกล้ตายก็ได้ (Nelson Nelson KR et al. 2006)

- ดร. Chawla แห่งมหาวิทยาลัย George Washington สังเกตการทำงานของสมองผ่านการสังเกตคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram; EEG) ในผุ้ป่วยใกล้ตาย 7 คน พบว่าคลื่นไฟฟ้าสมองมีลักษณะคล้ายกับคลื่นไฟฟ้าสมองของคนที่ยังมีสติอยู่ ลักษณะคลื่นไฟฟ้าสมองดังกล่าวปรากฏนานประมาณ 30 วินาที่ถึง 3 นาที่ ก่อนตาย โดยคาดว่าปรากฏการณ์นี้น่าจะเกิดจากการที่เซลสมองตอบสนองต่อการขาดอากาศ (hypoxemia) ดร. Chawla คาดว่าปรากฏการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการเห็นสิ่งต่างๆ และการทบทวนความทรงจำเมื่อมีชีวิตในขณะอยู่ในประสบการณ์ใกล้ตาย (Chawla LS, 2009)


ประสบการณ์ออกจากร่าง (Out-of-body experience; OBE)

ผู้ผ่านภาวะใกล้ตายมักพบประสบการณ์ออกจากร่าง แต่ประสบการณ์ออกจากร่างพบได้ทั้งในภาวะใกล้ตาย และขณะที่อยู่แบบปรกติ

ประสบการณ์ออกจากร่างเป็นการรับรุ้ที่ผิดเพี้ยนอย่างหนึ่ง เรียกรวมว่า Autoscopic phenomena (AP) ประกอบด้วย

1. Out-of-body experience (OBE)
รู้สึกว่าตัวเองลอยออกจากร่าง และมองเห็นร่างตนเองนอนอยู่
2. Autoscopic hallucination (AH)
เห็นตัวเอง แต่ไม่รู้สึกว่าตัวเองหลุดออกจากร่าง
3. Heautoscopy (HAS)
เห็นตัวเองมีมากกว่าหนึ่งร่าง ส่วนมากบอกไม่ได้ว่าร่างไหนเป็นร่างที่แท้จริง

จากรูป ภาพที่เขียนด้วยเส้นทึบคือร่างจริง (Physical body) ภาพที่เขียนด้วยเส้นประคือร่างลวง (Parasomatic body)



Autoscopic phenomena เกิดจากหลายสาเหต เช่น
การติดเชื้อในระบบประสาท (meningitis and encephalitis) สารพิษ โรคลมชัก(epilepsy) การบาดเจ็บที่สมอง (traumatic brain damage) ไมเกรน เนื้องอก (neoplasia) ในสมอง และ vascular brain damage

กลไกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดประสบการณ์ออกจากร่าง

1. ความผิดปรกติที่ระบบการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายผ่านกล้ามเนื้อ และข้อต่อ (Proprioceptive system) และ ความผิดปรกติที่ระบบ Vestibular system ระบบนี้ทำให้ร่างกายรับรู้ว่าอยู่ในท่าทางใด (เช่น กำลังก้มหน้า เงยหน้า หันหน้าซ้าย-ขวา) ความผิดปรกติจะทำให้ไม่รับรู้ตัวตน หรือทำให้รู้สึกว่าลอยได้

2. เกิดภาพลวงตาจากความผิดปรกติของระบบรับภาพ (Visual system)

นอกจากนี้พบว่ามีความผิดปรกติของสมองบริเวณที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง ได้แก่

- Out-of-body experience : superior parietal lobule (Brodmann’s area 7)
- Autoscopic hallucination : รอยต่อระหว่าง parietal และ occipital lobe (Brodmann’s areas 21 and 40)
- Heautoscopy : angular และ supramarginal gyrus (Brodmann’s areas 40 and 41)

รูปประกอบแสดงการเกิด Autoscopic phenomena และสมองส่วนที่เกี่ยวข้อง คำย่อ TPJ = temporoparietal junction; PIVC = parieto-insular vestibular cortex).



นอกจากความผิดปรกติที่เกิดในสมองแล้ว เราสามารถลวงสมองได้ด้วยการใช้กล้อง และการสัมผัส

คลิปนี้เป็นการทดลองของดร. Olaf Blanke (Federal Polytechnic of Lausanne)

อ่านเกี่ยวกับการทดลองได้ที่นี่ค่ะ
//www.newscientist.com/article/dn12531-outofbody-experiences-are-all-in-the-mind.html



อีกคลิปที่คล้ายกัน

อ่านเกี่ยวกับการทดลองได้ที่นี่ค่ะ
//www.newscientist.com/article/dn17564




ที่มา

1. //thai-d.com/movie-english/flatliner/flatliner.htm
//science.howstuffworks.com/near-death-experience4.htm
2. [รูปคคห. 1] van Tellingen C. Heaven can wait - or down to earth in real time: Near-death experience revisited. Neth Heart J. 2008 Oct;16(10):359-62
3. [รูปคคห. 4] Lai CF, et al. Impact of near-death experiences on dialysis patients: a multicenter collaborative study. Am J Kidney Dis. 2007 Jul;50(1):124-32, 132.e1-2
4. Disayavanish C. The Psychobiology of the Near-Death Experience .J Psychiatr Assoc Thailand 1997 ; 42(4) : 84-104
5. Nelson KR, Mattingly M, Lee SA, Schmitt FA. Does the arousal system contribute to near death experience? Neurology. 2006 Apr 11;66(7):1003-9
6. Chawla LS, et al. Surges of electroencephalogram activity at the time of death: a case series. J Palliat Med. 2009 Dec;12(12):1095-100
7. [รูปคคห. 7] Blanke O, Mohr C. Out-of-body experience, heautoscopy, and autoscopic hallucination of neurological origin Implications for neurocognitive mechanisms of corporeal awareness and self-consciousness. Brain Res Brain Res Rev. 2005 Dec 1;50(1):184-99. Epub 2005 Jul 12
8. [รูปคคห. 8] Lopez C, Halje P, Blanke O. Body ownership and embodiment: vestibular and multisensory mechanisms. Neurophysiol Clin. 2008 Jun;38(3):149-61. Epub 2008 Jan 3
9. Blanke O, et al. Out-of-body experience and autoscopy of neurological origin. Brain. 2004 Feb;127(Pt 2):243-58. Epub 2003 Dec 8



เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 09:03:53




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2553
1 comments
Last Update : 21 สิงหาคม 2553 16:40:58 น.
Counter : 13692 Pageviews.

 

สุดยอดครับ

 

โดย: Good will hunting 3 พฤศจิกายน 2553 13:04:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.