Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

7 Steps ลดปวดอุ้งเชิงกราน

 



เมื่อคุณแม่อยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ เช่น ยืนหรือนั่งนาน ๆ แล้วมีอาการปวดหลัง เอว ก้นกบ จนถึงบริเวณอุ้งเชิงกราน สัญญาณเหล่านี้คืออาการปวดเรื้อรังซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมได้ค่ะ

   7 สาเหตุปวดอุ้งเชิงกราน  

       อาการปวดที่บริเวณอุ้งเชิงกรานเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 5-6 เดือนไปจนถึงช่วงหลังคลอด เมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น มดลูกและน้ำหนักตัวลูกจะทำให้ท้องคุณแม่มีขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่ช่วยป้องกันร่างกายคุณแม่ไม่ให้ล้มไปด้านหน้าคือกล้ามเนื้อบริเวณหลังที่ช่วยยืดกระดูกสันหลังทำหน้าที่ดึงรั้งให้ตัวคุณแม่โน้มมาในแนวตรงดังเดิม ซึ่งกระดูกสันหลังนั้นยืดติดกับกระดูกเชิงกราน ทำให้กระดูกบริเวณนี้ต้องทำงานหนัก จนเกิดอาการปวดร้าวได้ค่ะ

โดยสาเหตุหลักของอาการปวด คือ

      1. น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากช่วงตั้งครรภ์ โดยทั่วไปคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 กิโลกรัม แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จะทำให้กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานต้องออกแรงมากขึ้นในการพยุงน้ำหนักของคุณแม่และลูกน้อย จนอาจเกิดอาการปวดอุ้งเชิงกรานได้
      2. อายุที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก สภาพความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของร่างกายก็จะลดน้อยลง กล้ามเนื้อที่ใช้ยืดบริเวณอุ้งเชิงกรานก็จะรับน้ำหนักได้ไม่ดี
      3. ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น ช่วงตั้งครรภ์ 5-6 เดือน ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนี้มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อเตรียมยืดขยายสำหรับให้ลูกน้อยเคลื่อนผ่านช่องคลอดได้ง่ายขึ้น ทั้งยังส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ยืดอุ้งเชิงกรานอีกด้วย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง กระดูกเชิงกรานต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้น อาการปวดก็จะตามมา
      4. พื้นฐานเดิมของคุณแม่ ถ้าก่อนตั้งครรภ์คุณแม่เป็นคนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ จะพบกับปัญหาการปวดกระดูกเชิงกรานน้อยกว่าคนที่อ้วนหรือกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงค่ะ
      5. พฤติกรรมระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน มีผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานแทบทั้งสิ้น เช่น คุณแม่ที่ท้องใหญ่แล้วต้องมาก้ม ๆ เงย ๆ ยกของ จะทำให้กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานถูกดึงรั้งจึงทำให้เกิดอาการปวดหลังคลอดได้มากยิ่งขึ้น
      6. ตั้งครรภ์ในท้องหลัง ๆ กรณีคุณแม่ที่เคยคลอดลูกมาแล้วหลายคน กล้ามเนื้อจะหย่อนยานมากกว่าคุณแม่ท้องแรก เมื่อต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแต่กล้ามเนื้อขาดความแข็งแรงก็จะปวดรุนแรงกว่าค่ะ
      7. ชอกช้ำจากการคลอด เช่น ทารกมีขนาดตัวใหญ่ทำให้คลอดยากหรือต้องเบ่งคลอดนาน ส่งผลให้กระดูกเชิงกราน และกล้ามเนื้อรอบ ๆ ชอกช้ำ ทำให้มีอาการปวดได้

      ถ้าหากคุณแม่มีอาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรัง อาจทำให้กล้ามเนื้อที่ยืดขยายรับน้ำหนักได้ไม่ดี ส่งผลกระทบต่อหมอนรองกระดูกที่จะเสื่อมเร็ว มีโอกาสที่หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท เมื่อกระดูกต้องแบกรับน้ำหนักมากโดยขาดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาช่วยพยุงน้ำหนัก อาจทำให้กระดูกผุกร่อนจนนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนได้ในระยะยาวค่ะ

    7 Steps ลดปวดอุ้งเชิงกราน  

      1. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง เพราะรองเท้าส้นสูงทำให้น้ำหนักตัวของเราโน้มมาด้านหน้ากระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อจะต้องทำงานหนักในการดึงตัวกลับมาทรงตัวอยู่ในแนวตรงได้ตามปกติ อาการปวดก็จะเพิ่มขึ้น
      2. ไม่นอนเตียงที่นิ่มเกินไป เพราะจะทำให้หลังไม่ตรง กระดูกเชิงกรานต้องรับน้ำหนักเพิ่ม ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น ถ้ามีอาการปวดที่รุนแรงแนะนำให้นอนบนพื้น ซึ่งใน 2-3 วันแรก จะรู้สึกปวดเวลาต้องนอนที่พื้นแข็ง ๆ แต่เมื่อกระดูกสันหลังตรงแล้วก็จะหายปวดได้
      3. รักษาแกนร่างกายให้ตรง ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง นอน ยืน โดยควรปฏิบัติมาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เช่น หากคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องก้มหยิบของ ควรย่อเข่าลงไปทั้งตัว เพื่อเป็นการผ่อนน้ำหนักไม่ให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานหนักเกินไป รวมทั้งเวลานอนก็ควรนอนตะแคงและนำหมอนมารองระหว่างขาเพื่อช่วยรองรับน้ำหนักให้สมดุลยิ่งขึ้น
      4. บริหารอุ้งเชิงกราน โดยฝึกขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเหมือนการกลั้นปัสสาวะ เกร็งไว้ประมาณ 10 วินาที โดยทำวันละ 20-30 ครั้ง หรืออาจทำท่าคุกเข่าลงให้ไหล่ หลัง และก้น อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นยกตัวขึ้นเกร็งไว้ประมาณ 10 วินาที ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น
      5. ประคบร้อนและเย็น การประคบร้อนจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวมากขึ้น เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้น อาการปวดก็จะลดลง ส่วนการประคบเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว จะรู้สึกชาบริเวณที่ปวด ซึ่งจะประคบเย็นในกรณีที่มีการปวดเฉียบพลัน จากนั้นคุณแม่สามารถสลับเป็นประคบร้อนได้
      6. ควบคุมน้ำหนักตั้งแต่ตั้งครรภ์ ควรเลือกบริโภคอาหารที่เป็นประโยชน์ หลีกเลี่ยงการกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ไม่ควรให้น้ำหนักเกิน 15 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการป้องกันให้กล้ามเนื้อและกระดูกเชิงกรานต้องรับน้ำหนักที่หนักมากเกินไป
      7. ถ้ามีอาการปวดรุนแรงสามารถกินยาได้ เช่น ยาพาราเซตามอล หรือยากลุ่มที่ต้านการอักเสบของกล้ามเนื้อที่ไม่ใช่ยาสเตียรอยด์ ยากลุ่มนี้มีฤทธิ์ในการป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อได้ดี ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะหลังคลอดเท่านั้น เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ยาเหล่านี้จะมีผลกับลูกในท้องค่ะ

        ดีที่สุดคือคุณแม่ควรดูแลไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์ ในช่วงหลังคลอดก็ควรฝึกบริหารกล้ามเนื้อและจัดท่าทางของร่างกายให้ตั้งตรง อาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานก็จะลดลงได้ค่ะ

    อาการแบบนี้...ปวดกระดูกเชิงกราน

      ปวดตั้งแต่เอว หลัง ก้นกบ และรอบ ๆ อุ้งเชิงกรานเวลาที่นั่งหรือยืนนาน ๆ รวมทั้งเวลาที่ต้องเปลี่ยนอิริยาบถเร็ว ๆ

      ไม่ควรรู้สึกปวดนานเกิน 6 เดือนหลังคลอด และต้องไม่รู้สึกปวดร้าวหรือชาไปที่ขา

       หากคุณแม่มีอาการปวดรุนแรงและเป็นเวลานาน ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจจะไม่ได้เกิดจากการปวดกระดูกเชิงกราน แต่เป็นอาการอื่น ๆ เช่น หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ควรรีบรักษาก่อนที่จะมีอาการร้ายแรงถึงอัมพาต


ที่มา...นิตยสารรักลูก

 




 

Create Date : 23 มกราคม 2556
1 comments
Last Update : 23 มกราคม 2556 13:08:33 น.
Counter : 1393 Pageviews.

 

 

โดย: Tiger day 23 มกราคม 2556 13:40:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เอ็กซ์ซ่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




Friends' blogs
[Add เอ็กซ์ซ่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.