กัน เดอะสตาร์ 6 บทเรียนสำคัญในการเป็นซุปเปอร์สตาร์
หลังจากดูรายการ เรื่องของเรื่อง ทางช่อง 5 หลังละครดอกรักริมทาง เมื่อคืนวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้ชมทั่วประเทศจะต้องรักน้องกันเพิ่มมากขึ้น เพราะรายการฉายภาพของน้องตั้งแต่เด็กที่มีความฝันในการร้องเพลง จนก้าวเข้ามาประกวดเดอะสตาร์ถึงสองครั้ง แล้วความพยายามและการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทำให้น้องกันประสบความสำเร็จ ทั้งหมดนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว ส่วนการวิจารณ์และแสดงความชื่นชมของพี่โจ้ พี่ม้า พี่เพชรคงทำให้ผู้ชมเกิดความรัก ศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวหนุ่มหน้ามนคนซื่อคนนี้มากขึ้นในการเดินทางสู่ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ในอนาคต
คนที่ร้องเพลงดี เชื่อว่าในวงการบันเทิงมีมากมาย แต่การเป็นซุปเปอร์สตาร์ ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคน ไม่มีใครให้คำจำกัดความที่แน่ชัดว่าความหมายหรือกฏเกณฑ์ในการเป็นซุปเปอร์สตาร์เป็นอย่างไร เพราะแต่ละงาน จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินและให้สมญานามนี้เอง
ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาเส้นทางเดินของคนที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ในปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางในการเดินของคนที่เลือกเส้นทางบันเทิงสายนี้
มองกันง่าย ๆ สำหรับพี่เบิร์ด ซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของเมืองไทย พี่เบิร์ดร้องเพลงเพราะเหมือนคนอื่น ๆ แต่เวลาแสดงคอนเสิร์ตครั้งใด ทำไมคนเต็มทุกรอบทุกครั้ง ปล่อยเพลงอะไรออกมา คนร้องได้ จำได้ทั่วบ้านทั่วเมือง สื่อมวลชนประโคมข่าวครึกโครม คนกล่าวขวัญถึงด้วยความชื่นชม อะไรทำให้พี่เบิร์ดแตกต่างจากคนอื่น อะไรทำให้พี่เบิร์ดมีบางอย่างเหนือคนอื่น อะไรทำให้พี่เบิร์ดครองใจผู้ชมทั่วประเทศได้มากกว่าคนอื่น
เมื่อมาดูคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ดที่สร้างความประทับใจทุกรอบ พี่เบิร์ดบอกว่าจะเตรียมตัวเองไม่ต่ำกว่า 3 เดือนเพื่อให้คอนเสิร์ตออกมาดีที่สุดสำหรับผู้ชม ซ้อมแล้วซ้อมเล่าอย่างสนุก ไม่เคยเบื่อหน่าย ไม่เคยย่อท้อแม้สักวัน
ในวันแสดงจริง พี่เบิร์ดเปรียบเสมือนผู้นำของผู้ชมที่จะทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกอย่างไรก็ได้ทั้งชอบและไม่ชอบ ซึ่งสิ่งแรกที่พี่เบิร์ดทำ คือให้ความสำคัญกับผู้ชมที่ต่างจิตต่างใจ ต่างไม่รู้จักกันให้เป็นเหมือนพวกเดียวกันก่อน ถือว่าเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ร่วม (shared vision) ของผู้ชม เมื่อผู้ชมทุกคนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว รู้สึกว่าการมาครั้งนี้เรามาด้วยใจที่ตรงกันแล้ว พี่เบิร์ดจึงก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป
เมื่อผู้ชมต่างเป็นพวกเดียวกันแล้ว ต่างมีอารมณ์ร่วมกันแล้ว พี่เบิร์ดจะสร้างแรงกระตุ้นให้กับทุกกลุ่มผู้ชม ทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น แม้กระทั่งกลุ่มเด็กให้ลุกขึ้นยืนร่วมกัน ให้ร่วมกันร้อง ร่วมกันเต้นอย่างสนุกสนาน ในเวลานี้ผู้ชมเกิดอารมณ์คึกคักแล้ว ต่างให้ความร่วมแรงร่วมใจเป็นอย่างดี ดังนั้นการแสดงคอนเสิร์ตทุกรอบ จึงถือว่าพี่เบิร์ดได้บรรลุวิสัยทัศน์ร่วมแล้ว คือให้ทุกคนมีความสุขและสนุกสนานร่วมกันได้
ในการสร้างความสนุกนั้น พี่เบิร์ดจะสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ติดขัด ไม่ให้อารมณ์สนุกสนานของผู้ชมกระเจิดกระเจิง หากจะต้องสื่อสารบ้างพี่เบิร์ด เลือกที่จะใช้ภาษากายหรือภาษาท่าทางในการสื่อสารแทนภาษาพูด เพราะนักวิจัยของสหรัฐอเมริกาเคยศึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกประทับใจของคนเรา และพบว่า 77% มาจากสิ่งที่สายตามองเห็น 14% มาจากสิ่งที่ได้ยิน และ 9% มาจากการใช้อวัยวะสัมผัส ดังนั้นภาษากายและภาษาท่าทางจึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของคนเรามากกว่าการได้ยินเสียง หรือการสัมผัส
นอกจากนี้ พี่เบิร์ดยังใช้พลังในตัวเองเป็นแบบในการสร้างความสุข สนุกสนานตลอดเวลา นั่นคือพี่เบิร์ดไม่เคยแสดงความเหนื่อย ความท้อ ความเบื่อหน่ายให้ผู้ชมเห็น ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าการแสดงคอนเสิร์ตนี้เป็นการทำตามหน้าที่พอให้จบ ๆ ไป ไม่ว่าจะแสดงคอนเสิร์ตกี่รอบ แต่พี่เบิร์ดยังเต็มที่กับมันทุกรอบ ทุกเวลา ทุกวินาทีที่อยู่บนเวที
หากต้องใช้ภาษาพูดในการสื่อสารกับผู้ชมบ้าง พี่เบิร์ดจะเลือกพูดสั้น ๆ ให้ได้ใจความ และใช้ถ้อยคำที่โดนใจผู้ชม ใช้ถ้อยคำที่สร้างอารมณ์ขัน ถ้อยคำที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะหรือเสียงกรี๊ดแสดงความพอใจได้ ถ้าจะเปรียบเทียบ ผู้ชมก็เหมือนป้อมปราการ หากสามารถทลายป้อมปราการลงได้ การจูงใจผู้ชมย่อมสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็อยู่ที่การร้องเพลง การใช้ภาษากายหรือภาษาท่าทางทั้งสีหน้าแววตาที่สื่อไปยังผู้ชม
ทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์ทันที หากการแสดงแต่ละครั้งไม่ได้มาจากใจของตัวนักร้องเอง จึงมีคำกล่าวที่ควรจดจำว่า การแสดงออกที่มาจากใจ คือ สุดยอดของการแสดงออกที่ได้ใจคนฟัง ดังนั้น คนที่ได้ใจคนฟังอย่างสม่ำเสมอ เป็นระยะเวลาอันยาวนาน คนนั้น คือ ซุปเปอร์สตาร์ ที่แท้จริง
คำพูดของคุณบอยที่สอนน้องเชน และตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนฉบับล่าสุด ถือว่าเป็นคำสอนที่มีคุณค่ามากสำหรับคนที่รักจะอยู่ในวงการบันเทิง
ก่อนเข้ามาทำงานตรงนี้ พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) จะสอนว่าอย่าเหลิง มันเป็นวงการมายา ต้องเป็นตัวของเราเองให้มากที่สุด ยิ่งเราอยู่สูงจะยิ่งหนาว อย่าคิดว่าเราเก่งแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาสอน มันไม่ใช่ แต่การทำงานต้องพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ไม่ใช่เก่งแล้ว หยุดอยู่แค่นั้น
น้องกันสามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้หากหมั่นพัฒนาตัวเอง พัฒนางานที่น้องกันเองได้เลือกแล้ว เวลาและอายุอาจจะช่วยน้องได้ แต่การฝึกฝนและฝึกประสบการณ์จะช่วยได้มากกว่า
เรียนรู้บทเรียนสำคัญนี้ไว้นะคะ เพราะอนาคตอันใกล้น้องคงต้องนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้บ้าง จดไว้ในสมุดบันทึกและนำติดตัวไว้ควบคู่กับชีทที่เรียนของอาจารย์ เมื่อไรที่มีเวลาว่าง ขอให้นำออกมาอ่าน เรื่องดี ๆ ในสมุดบันทึกและชีทเรื่องที่เรียนจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของน้องกันเสมอ
ความสุขของคนเราอยู่ที่ใจ การที่น้องกันเลือกทำสิ่งที่ใฝ่ฝันเพราะน้องกันมีความสุขที่ได้ทำ แต่ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในการเป็นซุปเปอร์สตาร์ในเร็ววัน หากพบอุปสรรคครั้งใด ขอให้น้องกันคิดว่าอุปสรรคคือกำไรของชีวิต เมื่อวันหนึ่งที่น้องกันประสบความสำเร็จ อุปสรรคที่ผ่านมาจะเป็นเสมือนช่อดอกไม้ที่สวยงามที่มองเมื่อใดก็มีความสุขเมื่อนั้น
ปล. ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ นำมาจากห้องเฉลิมกรุง
Create Date : 15 มิถุนายน 2553 |
|
28 comments |
Last Update : 15 มิถุนายน 2553 8:21:08 น. |
Counter : 772 Pageviews. |
|
|
เย็นถึงกลางคืนก็ติดฟุตบอลโลก เลิกยากจริง ๆ แต่ก็ไม่ทิ้งน้องกันนะคะ หากมีเวลาจะมาคุยกับเพื่อนต่อ
เสียงเพื่อนบางคนเคือง Ably เรื่องงานเขียนนี้ เพื่อนบอกว่าต้องให้เวลาน้องหน่อย ตอนนี้น้องดีอยู่แล้ว จะเอาอะไรกับน้องนักหนา รักหรือไม่ชอบน้องกันแน่...ชักสงสัย
มองไปไกลเลยนะคะ...
เรื่องนี้ก็มองได้หลายมุม แต่มุมของ Ably คือรักแล้วต้องช่วยดูแล ช่วยหาสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำให้น้องได้ หาให้ด้วยใจที่ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนจากน้อง และจะหาให้เรื่อยไปตราบเท่าที่กำลังใจและกำลังแรงยังมี
หากน้องรับรู้ พี่ก็ดีใจ หากน้องไม่เคยรับรู้ พี่ก็ดีใจ ที่อย่างน้อยได้ทำหน้าที่ของ คนที่รักกัน เท่าที่สามารถทำได้แล้ว
นี่คือความจริงใจทั้งหมดที่มีค่ะ...