|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
28 มิถุนายน 2550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คดีพระยอดเมืองขวาง ตอน ๒
ต่อมามองสิเออร์ลุช ได้คุมทหารญวนประมาณ ๒๐๐ นาย เข้าโอบล้อมค่ายพระยอดเมืองขวาง พระยอดเมืองขวาง ซึ่งเป็นข้าหลวงรักษาเมืองซึ่งมิได้ต่อสู้ขัดขวาง เพราะเกรงกระทบไมตรีระหว่างกรุงสยามกับกรุง ฝรั่งเศสจับกุมและบีบบังคับพระยอดเมืองขวางให้สละแขวงคำมวน และสั่งให้มองสิเออร์กรอสกุแรง พร้อมทหารประมาณกว่า ๒๐ คน คุมตัวพระยอดเมืองขวางกับพวกไปส่งที่เมืองท่าอุเทนโดยอ้างว่า หากอยู่ในแขวงคำมวนต่อไปจะเกิดอันตราย เพราะราษฎรเกลียดชังพระยอดเมืองขวาง
เดินทางไปได้ ๔-๕ วันถึงบ้านแก่งเจ็ก บังเอิญนายทหารฝรั่งเศสเจ็บป่วยต้องพักอยู่ที่บ้านแก่งเจ๊ก ๒-๓ วัน ระหว่างนั้นเองมองสิเออร์กรอสกุแรง ซึ่งพักอยู่ใกล้ๆกับพวกพระยอดเมืองขวาง ได้นำทหารประมาณ ๑๐ นาย มาจับกุมหลวงอนุรักษ์ ผู้ช่วยช่วยรักษาแขวงคำมวน ไปกักขัง ๑๑ วัน โดยอ้างว่าผู้นี้เคยพูดว่า ไทยจะรบกับฝรั่งเศสอีก และได้ข่าวว่าพระยอดเมืองขวางเตรียมตัวทำค่ายทหาร พระยอดเมืองขวางทักท้วงอย่างใดก็ไม่ฟัง เอาตัวหลวงอนุรักษ์ไปคุมขังไว้ที่เรือนพักของมองสิเออร์กรอสกุแรง ระหว่างนั้นมีนานทุ้ย นายแปลก ขุนวังคุมทหารราว ๕๐ นาย ได้รับคำสั่งจากหลวงสรวิชิตสารสารท ผู้บังคับราชการเมืองท่าอุเทนให้มาช่วยพระยอดเมืองขวางขับไล่ฝรั่งเศสให้พ้นราชอาณาจักร ในวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒) พระยอดเมืองขวาง นายทุ้ย นายแปลก และขุนวังพร้อมทหารประมาณ ๒๐ นาย พากันไปบ้านแก่งเจ็ก และตั้งให้ขุนวังเป็นผู้ไปเจรจากับมองสิเออร์กรอสกุแรงขอหลวงอนุรักษ์คืน มองสิเออร์กรอสกุแรงตอบปฏิเสธ ขุนวังได้เจรจาขอทรัพย์สินสิ่งของต่างๆคืนที่ฝรั่งเศสริบเอาไปและบอกให้มองสิเออร์กรอสกุแรงถอยกลับไป มองสิเออร์กรอสกุแรงก็ปฏิเสธ ระหว่างเจรจานี้เองเกิดการโต้เถียง มองซิเออร์กรอสกุแรงจับมือหลวงอนุรักษ์ลากเข้าไปในห้อง หลวงอนุรักษ์สะบัดมือหลุดแล้วกระโดดเรือนหนีจึงเกิดการชุลมุนพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดแล้วเกิดไฟลุกไหม้ ถูกทหารไทยชาวโคราช ๑ นาย และขุนวังก็ถูกปืนตาย จากนั้นก็เกิดการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย จนเกิดไฟไหม้ลุกลาม ปรากฏว่าทหารไทยตาย ๖ นาย บาดเจ็บ ๕ นาย ส่วนฝรั่งเศสนั้น ไทยพบว่าทหารญวนตาย ๑๒ นาย แต่รัฐบาลฝรั่งเศสว่าตาย ๒๕ นาย ส่วนมองซิเออร์กรอสกุแรงถูกกระสุนปืนเข้าที่ ขมับ นอนตายอยู่ที่เรือนที่กำลังลุกไหม้ ฝ่ายรัฐบาลฝรั่งเศสอ้างว่าไทยยิงก่อนและจุดไฟเผาที่พัก ฝ่ายรัฐบาลไทยก็ว่าฝรั่งเศสยิงก่อน ปฏิเสธเรื่องจุดไฟเผา
รัฐบาลฝรั่งเศสนั้นถือว่าพระยอดเมืองขวางเจตนาฆ่าและทำร้ายคนในบังคับฝรั่งเศสเป็นความผิด ขอให้รัฐบาลไทยจัดการเอาพระยอดเมืองขวางขึ้นศาลและลงโทษให้จงได้
รัฐบาลไทยอ้างว่าพระยอดเมืองขวางมีสิทธิที่จะทำได้ เพราะเป็นการป้องกันพระราชอาณาจักร ทั้งพระยอดเมืองขวางก็ไม่ได้สั่งยิงแต่หากเกิดการปะทะกันทั้งสองฝ่าย
รัฐบาลฝรั่งเศสโกรธแค้นและฉวยโอกาสอ้างเป็นเหตุย่ำยีเอกราชสยามประเทศโดยสั่งให้มองซิเออร์ปาวี ยื่นประท้วงโดย ขอให้ลงโทษ พระยอดเมืองขวางสถานหนักและให้สยามประเทศจ่ายค่าทำขวัญให้แก่ครอบครัวทหารฝรั่งเศส ญวนและเขมรที่ถูกฆ่าตาย
ต่อมาฝรั่งเศสได้ส่งเรือรบลุกล้ำอาณาเขตของไทยเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ยิงต่อสู้กับไทย ฝรั่งเศสยังได้ส่งเรือรบจำนวนมากข่มขู่ประกาศปิดอ่าวไทย ตลอดจนเมืองท่าชายทะเลอื่นๆจนรัฐบาลไทยต้องยอมเจรจาปฏิบัติตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้อง รัฐบาลสยามซึ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต้องจำยอมด้วยการลงนามหนังสือสัญญากรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ยกดินแดนฝั่งซ้ายฟากตะวันออกของแม่น้ำโขงและเกาะต่าง ๆ ให้รัฐบาลฝรั่งเศส เหตุการณ์ตึงเครียดครั้งนี้เองจึงได้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็น วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ยังผลให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ออกพระราชบัญญัติให้มีการจัดตั้งศาลรับสั่งเป็นการพิเศษขึ้นเพื่อพิจารณาพิพากษาคดีนี้โดยเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติตั้งศาลรับสั่งเป็นการพิเศษครั้งหนึ่ง สำหรับชำระคนในบังคับสยามที่ต้องหาว่ากระทำความร้ายผิดกฎหมายที่ทุ่งเชียงคำและที่แก่งเจ๊ก เมืองคำมวน ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒)
ศาลรับสั่งเป็นการพิเศษตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้ระบุชื่อผู้พิพากษาไว้รวม ๗ ท่าน โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากรเป็นอธิบดีผู้พิพากษาใหญ่ อธิบดีผู้พิพากษาฝรั่งเศสในศาลอุทธรณ์เมืองไซง่อนเป็นผู้แทนฝรั่งเศสกำกับการชำระคดี ในระหว่างที่ประกาศพระราชบัญญัตินี้ ประเทศไทยเพิ่งเลิกศาลแบบเก่า ก่อตั้งศาลแบบใหม่กำลังปรับกรุงแก้ไขอยู่ แต่เฉพาะคดีที่พิจาณาในศาลนี้ให้ใช้กระบวนวิธีการพิจารณาอย่างใหม่ตามแบบอย่างยุโรปทุกประการ ผู้พิพากษาและอัยการเป็นคนไทยล้วน คณะผู้พิพากษามีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้โดยอิสระ ศาลนี้ทำการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์ กรุงเทพฯ ได้เริ่มพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๖ พระยอดเมืองขวางซึ่งตกเป็นจำเลยได้มีทนายความแก้ต่างรวม ๔ ท่าน
Create Date : 28 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2550 18:05:24 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1339 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ป้าปุ้ม (Tante-Marz ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:47:49 น. |
|
|
|
โดย: mr.benz วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:17:13:29 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
มาลงชื่อไว้ก่อน..จะกลับมาอ่านรายละเอียดทีหลังค่ะ