ต่างใจเดียวกัน scene 3 : สวัสดีครับ เรียกผมว่าเอกก็ได้นะครับ

scene 3
-------------------------------------------------
"สวัสดีครับ เรียกผมว่าเอกก็ได้นะครับ"



"สวัสดีครับ ผมชื่อนพดลครับ อันที่จริง เราไม่รู้จักกันหรอก แต่ความจริงเราเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่กล้าเข้าไปทักคุณ กลัวว่าคุณจะตกใจเสียก่อน.....แกร๊ก!"

"เฮ้น้องสาว.. เราชื่อนพดลนะ ฮ่ะ ฮ่ะ เธอน่ารักมากๆ เลย.....แกร๊ก!"

"หวาดดีงับ ป๋มชื่อนบปาโดนน้า งุงิ งุงิ ... แกร๊ก"

"อือมม์ สวัสดีครับ คุ้นๆ หน้าผมไหมครับ.. ผมชื่อนพดลนะครับ เรียกผมว่า เอกก็ได้ คุณชื่ออะไร อ้อ ไม่ต้องตอบผมตอนนี้หรอกครับ ตอบมมาผมก็ไม่ได้ยิน ก็นี่เป็นภาพจากวีดีโอนี่ เราเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่กล้าทักคุณก่อน หากเจอกันคราวหน้า ถ้าคุณเห็นผมแล้ว อย่าลืมทักผมนะ"

ชายหนุ่มเอื้อมมือลากเม้าส์ไปกดปุ่มหยุดการบันทึกวิดีโอในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลากเอาไฟล์วีดีโอทั้งหมดไปทิ้งที่ recycle bin จากนั้นก็กด empty มันเสีย ปิดจอคอมพิวเตอร์ แล้วละสายตามองเหม่อไปนอกหน้าต่างออฟฟิศ.....

"ฮั่นแน่ ทำอะไรอยู่มึง เดี๋ยวนี้ชอบนั่งใจลอยนะ มีความรักเหรอ" สมหมายเดินเข้ามาตบไหล่ "โอ๊ะๆๆๆ เดี๋ยวนี้ติดเว็บแคม เอาใหญ่แล้วมึง"
"ป่าวนี่" ชายหนุ่มปฏิเสธ "จะเอาอะไรล่ะ"
"อ้อ พี่แต๊วการเงินเค้าให้มาตามไปดูคอมพ์เค้าหน่อยน่ะ เห็นว่าส่งเมล์ไม่ออก" สมหมายพูดพลาง ก็เขย่ากาแฟในแก้วไปพลาง
"แล้วทำไมต้องยิ้มแปลกๆ ล่ะพี่" ชายหนุ่มถาม
"อ้อ มึงเพิ่งมาทำงานใหม่ เอางี้ ขึ้นไปแล้วก้อรู้เองล่ะ" สมหมายกระดกกาแฟในแก้วแบบรวดเดียวหมด

.......................................................................

"อืมม์ พี่ เวลาส่งเมล์ไม่ออกพี่ก็ต้องมาคลิกที่นี่นะพี่ แล้วก็คลิกอันนี้ อย่างนี้ ดูทันไหม?" ชายหนุ่มบอก
"แหมน้องเอกนี่เก่งจริงๆ เลยน้า.. หน้าตาก็...โอเค พี่ละสงสัยจริงๆ เลยว่าทำไมป่านนี้เราถึงยังไม่มีแฟนอีก"
"ฮ่ะๆ พี่ถามผมแล้วผมจะไปถามใครดี" ชายหนุ่มหัวเราะแห้งๆ
"เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวพี่แนะนำให้ ออฟฟิศเรา พนักงานสาวๆ ยังไม่มีแฟนเยอะนะ"
พี่แต๊วพนักงานหญิงวัยกลาวคน มีลูกสองแล้ว ทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการ งานอดิเรกคือทำบัญชี
ส่วนงานประจำคือ จับคู่ให้กับพนักงานในออฟฟิศ "เชื่อพี่เหอะ.. พี่เลือกให้นะ รักกันไปหลายคู่แล้ว"
"ฮ่ะๆ เกรงใจพี่ ไม่เป็นไรหรอกครับ" ชายหนุ่มปฏิเสธ
"ไหนบอกพี่หน่อยซิว่าชอบผู้หญิงแบบไหน แบบเรียบร้อยอ่อนหวาน หมวยๆ ผิวขาว หรือว่าสาวเปรี้ยว"
"ไม่ใช่พี่ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบน้านนน" เขาเริ่มเหงื่อแตก
พี่แต๊วขมวดคิ้ว หยีตาใส่ "อ้อ เข้าใจละ เราชอบผู้ชายใช่ไหม เห็นพี่อย่างนี้ก็เถอะ พี่หัวสมัยใหม่นะจ้ะ ผู้ชายพี่ก็ติดต่อให้ได้"
"เฮ้ยยย ไม่ใช่พี่ ผมหมายความว่า เอ่อ... แบบว่า"
"ไม่ต้องเกรงใจ พี่ก็เล็งๆ ให้เราไว้คนนึงแล้ว"
"หา!"
พี่แต๊วยิ้มอย่างมีชัยชนะ "งั้นเดี๋ยวพี่นัดให้นะจ้ะ"

........................................................................

อืมม์ ทำไมเกิดมาจนป่านนี้เราถึงยังไม่มีใครอีกนะ? จำไม่ได้ว่าถามตัวเองอย่างนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่? ความทรงจำของคนเราก็เหมือนลิ้นชัก หากผมลองนั่งหลับตาดีดี แล้วลองเปิดลิ้นชักออกมา........

วันนั้นเป็นตอน ม.3 วันกีฬาสี นักเรียนแต่ชุดกีฬาสี สวยงาม เชียร์ลีดเดอร์กระโปรงบานโบกมือไหวๆ อยู่หน้าสแตนด์เชียร์ที่ส่งเสียงแข่งกันสนั่นหวั่นไหว..

วันนี้เป็นวันแข่งกีฬาวันสุดท้ายแล้ว สัปดาห์หน้าก็จะสอบ พ้นจากสัปดาห์หน้าไป ทุกๆ คนก็จะแยกย้ายกันไปเรียน ม.4 ต่อที่โรงเรียนอื่น วันนี้ผมต้องบอกกับเธอให้ได้

"ดุจดาว เราชอบเธอนะ" หลังจากผมซ้อมกับตัวเองเป็นเที่ยวที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองทีจนมั่นใจแล้ว ผมจึงมองหาเธอ นั่นไงเธอกำลังเดินมาคนเดียว ผมจึงเดินเข้าไป

"ดุจดาวเราชอบเธอนะ เป็นแฟนกะเราเหอะ" ไอ้หน้าภราดรโผล่มาจากไหนไม่รุ้ มาบอกรักตัดหน้า โอ้ว พระเจ้าช่างไม่เป็นใจ ขืนไปบอกรักอีกทีวันนี้ก็เท่ากับว่า เราเป็นพวกแวมไพร์เรคคอร์ดน่ะสิ แต่ไม่เป็นไรวันหน้ายังมี คนอย่างดุจดาวน่ะ ไม่สนใจผู้ชายหน้าปลาจรวดอย่างมึงหรอกเฟ้ย
"อ่ะก็ได้" ดุจดาวยิ้มโชว์เหล็กดัดฟันสีส้มแป๊ด

........................................................................

วันสอบปลายภาคผ่านไปแล้ว นักศึกษาปีสี่อย่างเรา ก้อคงต้องเตรียมตัวแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
อีกครั้งที่รั้งรอสารภาพรักกับเธอ ผมชอบเธอมาตั้งแต่เรายังเป็นเพื่อนนักศึกษาปีที่ 1 วันนี้ผมขอนัดพบกับเธอตอนสอบเสร็จ..

"ดากานดา เราชอบเธอนะ" หลังจากผมซ้อมกับตัวเองเป็นเที่ยวที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามทีจนมั่นใจแล้ว ผมก็วิ่งไปหาเธอที่จุดที่เรานัดกัน นั่นไงเธอยืนอยู่ที่นั่น ผมสาวเท้าก้าวเร็วๆ ไปหาเธอ

"ดากานดา ฉันรักแกว่ะ" ไอ้หน้าภราดรอีกแล้วววว มันโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ผมมันก็ยาว หนวดเคราก็รุ่งรัง หน้าปลาจรวดอย่างมันคงไม่ฟลุ๊คซ้ำสอง

"เออ เราก็รักแกว่ะ" เธอยิ้มแฉ่งโชว์ฟันสีขาวตัดกับผิวสีเข้ม

โถ่ ดากานดาของผม
........................................................................




 

Create Date : 20 มกราคม 2550   
Last Update : 20 มกราคม 2550 21:57:48 น.   
Counter : 340 Pageviews.  

ต่างใจเดียวกัน scene 2 : คุณครับ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?

Scene 2
-------------------------------------------------
"คุณครับ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?"




คุณเคยมีความคิดเหมือนผมไหม? บางทีคนที่เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้ แต่ความจริงเราอาจเคยพบกันมาก่อน ผมหมายถึง อาจจะเคยเดินผ่าน หรือได้ใกล้ชิดกัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่

ใช่ครับ ผมหมายถึงคุณนั่นแหละ คุณกับผมอาจจะเคยเจอกันมาแล้วนะ คุณขึ้นรถเมล์ไหม? วันนี้เราอาจจะนั่งรถเมล์คันเดียวกัน.. หรือยืนดูหนังสืออยู่ข้างๆ กัน

ผมคิดว่าการที่เราได้เจอใครสักคน หรือได้รู้จักใครสักคน เป็นเรื่องโชคชะตา

แล้วคุณรู้จักทฤษฏี six degrees of seperation หรือเปล่า? ก็ทฤษฏีที่ว่า คนสองคน ในโลกนี้ ตั้งแต่ยายแดงขายกล้วยไข่ไปจนนายกรัฐมนตรี จะมีคนที่รู้จักกันเชื่อมเป็นทอดๆ ไม่เกิน หกช่วง

เช่น ผมรู้จักกับนาย ก. นาย ก. รู้จักพี่เบิ้มและพีเบิ้มรู้จักกับเพื่อนของคุณ ดังนั้นผมจึงเชื่อมโยงกับคุณ ทั้งหมด ทั้งมวลนี้ไม่เกินหกช่วง และคิดได้อย่างนี้ ก็แปลว่าใครต่อใครในโลกก็น่าจะเชื่อมโยงถึงกันหมด

หรือคนเราต่างก็เกี่ยวข้องกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว?




 

Create Date : 18 มกราคม 2550   
Last Update : 18 มกราคม 2550 4:40:30 น.   
Counter : 303 Pageviews.  

ต่างใจเดียวกัน scene 1 : ถ้าเธอเคยมาตอนบ่ายสามโมง พอบ่ายสองโมง ฉันก็จะมีความสุข

scene 1
-------------------------------------------------
"ถ้าเธอเคยมาตอนบ่ายสามโมง พอบ่ายสองโมง ฉันก็จะมีความสุข"





บ่ายสองสี่สิบแล้ว....

บรรยากาศในออฟฟิศของเขาตอนนี้ ก็เหมือนกับออฟฟิศอื่นทั่วไปตอนบ่าย มีคนจับกลุ่มยืนคุยกันเรื่องงานที่ต้องทำในสัปดาห์หน้า บางคนก็นั่งอ่านทบทวนเอกสารที่ต้องส่งลูกค้า บ้างมายืนตรงระเบียงทางเดินเพื่อคลายเส้นสายหลังจากนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งตั้งแต่เช้า

ชายหนุ่มกำลังนั่งประชุมร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ อีกหกเจ็ดคน อันที่จริงควรจะเรียกว่า มานั่งฟังคนแก่ปรับทุกข์มากกว่า ตอนนี้ท่านประธานก็พล่ามมาได้ชั่วโมงกว่าๆ แล้ว ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไปยันเรื่องคนใช้ที่บ้าน ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ ดูเหมือนท่านประธานก็ดูจะหาคนคุยที่บ้านไม่ได้ เพราะตั้งแต่เมียหนีตามครูสอนโยคะไปแล้ว ท่านประธานก็เลยต้องหาพนักงานเป็นเพื่อนคุยแทน

ชายหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นมามอง

ท่านประธานหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง มองไปที่บรรดาตึกระฟ้าที่เรียงราย แล้วเริ่มพูดเรื่อง ก๊าซเรือนกระจก พี่สมหมายตาเริ่มปรือ หัวโงนเงนไปมา ชายหนุ่มค่อยๆ ย่องออกไปนอกประตู..

เขาวิ่งเหยาะๆ ออกไปนอกสำนักงาน กดลิฟต์รัวๆ วันนี้เขาออกจากออฟฟิศช้าไปมาก เขาอาจจะไปไม่ทัน

ลิฟต์มาแล้ว ประตูเปิดออก พนักงานสาวหุ่นน้องๆ ก้านกล้วยยืนอยู่สี่คนเต็มลิฟต์ เขาค่อยๆ เบียดตัวไปแทรกตรงกลาง ทันใดนั้นเสียงกริ๊งดังขึ้น...ไฟเตือน น้ำหนักเกิน
ชายหนุ่มหันกลับมามองก้านกล้วยทั้งสี่เชือกในลิฟต์แล้วนึกกนด่าพระเจ้าในใจ แล้วตัดสินใจวิ่งลงบันไดไปสิบหกชั้น

พอออกมานอกอาคารสำนักงาน เขารีบวิ่งตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า หยอดเหรียญลงไปในตู้จำหน่ายบัตรอย่างรวดเร็ว เขากระตุกเอาบัตรออกมาจากเครื่องแล้ววิ่งไปยังชานชลาด้านบน..

---------------------------------------------------------

รปภ.หนวด ผู้รักษาความปลอดภัยของผู้โดยสาร กำลังขยับแว่นเรย์แบนด์เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยของชานชลา ผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังยืนล้ำเส้นเหลือง..
"ปรี๊ดดดดดด..ห้ามล้ำเส้นเหลืองครับพ้ม!!" รปภ. หนวด ควงตะบองเดินรี่เข้ามา บิ๊กบังอาจจะใหญ่ใน คมช. แต่บนสถานีนี้ พี่ รปภ.หนวดใหญ่ที่สุด มีฝรั่งอีกคู่หนึ่งยืนกินไก่ย่างอยู่ "ปี๊ดดดดดด...." รปภ. หนวดเดินรี่เข้ามา
"โน โน โนชิคเก้นออนสะเตชั่น อันเดอะสะตู้ด?"

เสียงติ๊ดถี่ๆ จากรถไฟฟ้าเป็นสัญญาณเตือนว่า ประตูกำลังปิดแล้ว และรถไฟฟ้ากำลังจะออก ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบมา พี่รปภ.หนวดกระโดดกางแขนเข้าขวาง ลีลาราวกับ ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน แต่ช้าไปเสี้ยววินาที ชายหนุ่มม้วนตัว แอ่นหลัง ลอดแขน เข้าประตูไปได้อย่างงดงาม

----------------------------------------------------------

ชายหนุ่มยืนยิ้มหัวกระเซิงอย่างมีความสุขอย่างมีความสุข จิตใจเขาลอยไปอยู่ที่แสนไกล เสียงทุ้มๆ แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องของคนขับรถไฟฟ้าแจ้งออกทางลำโพง ปลุกเขาตื่นจากฝันกลางวัน

"สถานีถัดไป ราชดำริ เน็กสะเตชั่น ราชดำริ"

ชายหนุ่มเดินลงจากรถไฟฟ้า ด้านชานชลาฝั่งไปตากสิน
เขาวิ่งลงจากสถานีไป...
.
.
.
ไป
.
.
.
ไปโผล่ที่ชานชลาฝั่งตรงกันข้าม เขาจัดแจงแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยที่สุด แล้วมองไปรอบๆ สถานี

สถานีราชดำริ นับเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่มีวิวทิวทัศน์ดี สถานีหนึ่ง ตัวชานชลาว่างโล่ง ฝั่งตรงกันข้าม ยังเป็นสนามม้าและสนามกอล์ฟ สีเขียวของหญ้าและทิวไม้ตัดกับสีทึมทึมของอาคารรายรอบอย่างน่าชม แต่เวลานี้ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับทิวทัศน์เลย เขากำลังมองหาใครคนหนึ่ง

นาฬิกาบนสถานีบอกเวลา บ่ายสามโมง หนึ่งนาที

และแล้วเธอก็มา...
เธอคนนั้น หญิงสาว ตัวเล็ก ตาโต วันนี้เธอแต่งชุดทำงานสีอ่อนๆ ตัดกับผมยาวสีดำที่ประบ่า ก้าวเยื้องย่างมารอรถอยู่ที่ริมชานชลา เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี วันนี้เธอคงเจอเรื่องดีดีมา ชายหนุ่มคิดในใจ

เพียงรอยยิ้มนี้เท่านั้นที่เขาเฝ้ารอมาทั้งวัน

แต่ชายหนุ่มหันไปมองเธอเพียงแว่บเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็หันหน้ากลับ ทำท่าไม่สนใจเหมือนกับกำลังรอรถมานานแล้วหลายสิบนาที

รถไฟฟ้ามาแล้ว เขาและเธอขึ้นรถโบกี้เดียวกัน เขาขึ้นประตูด้านซ้าย เธอขึ้นประตูด้านขวา

บนรถไฟฟ้า เขาแอบมองเธอเป็นระยะ ระยะ หญิงสาวก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ตาดวงโตคู่นั้น กับแก้มสีชมพูอ่อนๆ เธอแต่งหน้าจางๆ ทาปากด้วยลิปมัน หญิงสาวละสายตาเงยหน้าจากหนังสือ ชายหนุ่มรีบหันหน้ามองวิวนอกหน้าต่าง

เสียงอู้อี้ของพนักงานขับรถไฟฟ้าคนเดิมดังออกทางลำโพง "สถานีถัดไปสยาม เน็กสะเตชั่น สยาม"

หญิงสาวก้าวเดินลงจากรถไฟฟ้า เธอคงไปต่อรถยังสถานีอื่น แต่ชายหนุ่มยังคงอยู่บนรถไฟฟ้าขบวนเดิมต่อไป เขามองดูเธอยืนรอรถอีกขบวน ผ่านประตูกระจกที่กำลังปิดลง
แล้วรถของชายหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป พร้อมๆ กับภาพของเธอคนนั้นที่หายไปกลับกลุ่มคน

"เน็กสะเตชั่น สนามกีฬาฯ" เสียงอู้อี้จากลำโพง
ชายหนุ่มเดินลงจากรถไฟฟ้า ด้านชานชลาฝั่งไปสยาม
เขาวิ่งลงจากสถานีไป...
.
.
.
ไปโผล่ที่ชานชลาฝั่งตรงกันข้าม
เขากระโดดขึ้นรถไฟฟ้า นั่งรถกลับไปที่ทำงาน

---------------------------------------------------------

ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูเบาสุดชีวิต แล้วลอดตัวเข้าไปนั่งในห้องเหมือนเดิม พี่สมหมายนั่งสัปหงกไปแล้ว ในขณะที่ท่านประธานยืนหันหลัง กำลังพูดเรื่องรูโหว่ของโอโซนที่ขั้วโลกเหนือยู่




 

Create Date : 18 มกราคม 2550   
Last Update : 18 มกราคม 2550 2:53:22 น.   
Counter : 650 Pageviews.  


you_are_what_you_read
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้าเจอบุคคลที่มีบุคลิกแปลกๆ เช่น.. ถอดหัวได้, มีมือคล้ายหนวดปลาหมึก หรือขับยานอวกาศแทนรถยนต์ กรุณาอีเมล์แจ้งด้วยครับ
[Add you_are_what_you_read's blog to your web]