Group Blog |
ภัยร้าย : ยาคุมกำเนิด : แมว ปัญหาการคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง คือ ฉีดยาคุมในช่วงเวลาที่ผิด เกิดโรคมดลูกอักเสบตามมา ฉีดยาคุมหลังผสมไปแล้วเกิด ลูกคลอดไม่ได้ ต้องทำการผ่าตัดออก และ ถ้าเจ้าของสุนัข ไม่ทราบแล้วปล่อยเอาไว้นานจน ลูกโตมาแล้วตายในท้อง จะอันตรายกับแม่มาก โอกาสเสียชีวิตสูง กลัวการทำหมันสุนัข-แมว ให้ยาคุมแบบกินในคน ให้สุนัขกินด้วย ปัญหาที่พบ คือ มีโอกาสไม่ได้ผลและมดลูกอักเสบตามมา ยาคุมกำเนิดในสุนัข-แมวที่ใช้กันอยู่ ณ ปัจจุบัน อย่างแพร่หลาย เป็นยาคุมกำเนิด รุ่นแรก ๆ ของคน ซึ่งมีผลข้างเคียงกับมดลูกมาก ในคนจึงเลิกใช้ ไปใช้แบบ กินหรือฉีด แบบรุ่นใหม่ที่ปลอดภัยกว่า แต่ในสุนัข-แมว ยังไม่มีการใช้ในรุ่นใหม่ ๆ แบบของคน มีเพียงแต่ที่เจ้าของพยายามทดลองกันเองซึ่งผลที่พบ คือไม่ได้ผล และเกิดปัญหาตามมา ระยะห่างรอบเดือนของสุนัข-แมว ไม่เท่ากับคน จึงไม่น่าใช้ แบบลูกศร 28 วันได้ ยาคุมกำเนิด ในสุนัข-แมว ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นทางการ ตามคลีนิคต่างๆ มีเพียง 2 รุ่น รุ่นแรกคือที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนอีกรุ่น จะมีผลกับมดลูกน้อยกว่ารุ่นแรก (Covinan) แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งมีราคาแพงกว่ามาก อันนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าของตัดสินใจ ลองปรึกษาคุณหมอดูนะ ผลต่อมดลูก คือ ยาคุมกำเนิดทำให้ ผนังมดลูกมีการแบ่งตัวมากขึ้น ปกติก็มีการแบ่งตัวอยู่แล้ว นั่นคือไปรบกวนมากขึ้น ยาคุมกำเนิดทำให้ภูมิคุ้มกันของมดลูกต่ำลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งจะเสี่ยงมากมากเมื่ออยู่ในช่วงที่เป็นสัด ปากมดลูกจะเปิดด้วย เชื้อเดินทางสบาย คือถ้าเจ้าของต้องการที่จะฉีดจริง ๆ ก็ให้ฉีดในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้านล่างนี้เท่านั้น ให้เป็นสัดครั้งนึงไปก่อน ค่อยเริ่มฉีด ฉีดช่วงกลางระหว่างรอบเดือนแต่ละครั้ง ในสุนัข (5-6เดือน) แมว (3-4เดือน) โดยมากจะนับจากเป็นสัดไปแล้ว 2 เดือน โดยที่ห้ามผสม ห้ามฉีดช่วงที่เป็นสัด เด็ดขาด ! หลังผสมแล้ว จะฉีดไม่ทันแล้ว แต่จะทำให้ลูกคลอดไม่ได้ตามมา ถ้าเกิดฉีดไปแล้ว ต้องนับวันดีดี ประมาณ 60 วัน หลังผสม ต้องไปผ่าออก หลังจากฉีดไปแล้ว จะคุมกำเนิดได้ (สุนัข ประมาณ 5 เดือน) (แมว ประมาณ 3-4 เดือน) ถ้าไม่ฉีดต่อจะกลับมาเป็นสัดอีกครั้งในระยะ 3-9 เดือน
|
wimzaa
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] |
||||||||||||
