ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า
Group Blog
 
All blogs
 
ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า 2 (ภาพยนตร์)

ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า 2 (ภาพยนตร์)

นักแสดง
กัว ฟู่เฉิง เป็น ปู้จิ้งอวิ๋น
เจิ้ง อี้เจี้ยน เป็น เนี่ยฟง
เยิ่น ต๊ะหัว เป็น เจวี่ยอู๋เซิน (พิฆาตไร้เทพ)
เซียะ ถิงฟง เป็น เจวี่ยซิน (พิฆาตใจ)
เหอ เจียจิ้ง เป็น บุรุษนิรนาม (อู๋หมิง)
อาชา เป็น ตี้เอ้อม่ง
ถังเหยียน เป็น ฉูฉู่
Lam Suet เป็น จ้าวสุกร (จอมตะกะ)
เคนนี่ หว่อง เป็น จอมมารอันดับหนึ่ง
ถัน เหย้าเหวิน เป็น ฮ่องเต้หมิง

เนื้อเรื่อง ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า 2 (ภาพยนตร์)
เจวี่ยอู๋เซิน (เยิ่น ต๊ะหัว) ผู้ปกครองแคว้นอู๋ผู้แข็งแกร่ง ต้องการครอบครองจงง้วน จึงยกกองกำลังมารุกราน โดยมี เจวี่ยซิน (เซียะ ถิงฟง) บุตรชายเป็นผู้ช่วย เจวี๋ยอู๋เซินกำจัดยอดฝีมือแห่งจงง้วนเสียหมดสิ้น จนฮ่องเต้ (ถัน เหย้าเหวิน) ต้องยอมสยบแก่เขา แม้แต่ บุรุษนิรนามในตำนาน (เหย เจียจิ้ง) ก็ถูกวางยาพิษทำให้พลังยุทธในร่างลดเหลือเพียง 1 ใน 10 ปู้จิ้งอวิ๋น (กัว ฟูเฉิ่ง) เป็นห่วง ฉูฉู๋ (ถังเหยียน) จึงมาช่วย ทั้งหมดถูกจับ แต่หลุดออกมาได้ บุรุษนิรนามประลองกำลังกับเจวี่ยอู๋เซิน ปรากฏว่าสู้ไม่ได้

เมื่อทั้งหมดหนีมาได้ บุรุษนิรนามเสนอว่า ตอนนี้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะต้านทานเจวี่ยอู๋เซิน ได้ นั่นคือ จอมมารอันดับหนึ่ง (เคนนี่ หว่อง) ผู้เป็นพี่ร่วมสาบานของ เจ้าสุกร (Lam Suet) ทั้งหมดจึงไปยังถ้ำของจอมมารอันดับหนึ่ง โดยคุกเข่าขอร้องให้จอมมมารอันดับหนึ่ง โดยมี ตี้เอ้อม่ง (อาชา) ลูกสาวของจอมดาบอันดับสองขอร้องด้วย จอมมารอันดับหนึ่งจึงทดสอบ เนี่ยฟง และ ปู้จิ้งอวิ๋น ปรากฏว่าเนี่ยฟงมีจิตใจที่อ่อนโยนกว่าจึงเลือกให้มาฝึกวิชามาร แต่ขณะที่เนี่ยฟงฝึกยังไม่ทันเสร็จนั้น บุรุษนิรนามก็ถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชากระบี่ให้แก่ปู้จิ้งอวิ๋น ทางฝ่ายเจวี่ยอู๋เซินก็บีบบังคับฮ่องเต้ให้บอกที่ซ่อนของสุสานมังกร ซึ่งภายในบรรจุกระดูกมังกรซึ่งเป็นของสำคัญของแผ่นดินอยู่ เจวี่ยอู๋เซินส่งคนไปหมายสังหารปู้จิ้งอวิ๋นและเนี่ยฟง เนี่ยฟงจึงออกมาจากถ้ำขณะที่ยังฝึกวิชามารไม่สำเร็จ เพื่อช่วยตี้เอ้อม่ง ทั้งเนี่ยฟงและปู้จิ้งอวิ๋นผนึกกำลังกันล้ม เจวี่ยอู๋เซิน ได้ แต่ทว่ากระดูกมังกรก็ตกอยู่ในมือของเจวี่ยซิน เนี่ยฟงก็ถูกจิตมารเข้าครอบงำทำให้กลายเป็นปีศาจ ปู้จิ้งอวิ๋นจึงต้องหยุดยั้งเนี่ยฟง ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ท้ายที่สุดเนี่ยฟงก้ได้สติคืนมา แต่ฉูฉู่ก็ถูกเนี่ยฟงสังหารจนตาย และปู้จิ้งอวิ๋นก็ตกลงไปในหุบเหว


.............................
ฮ่องกงคลั่ง"ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า2" เปิดฉายวันแรกทำลายสถิติ 112 ล้าน! (ไททาร์ซาน )

ทำลายสถิติหนังฮ่องกงในปี 2009 เพราะมีการเปิดโรงที่มากที่สุดในรอบปี มียอดจองตั๋วเข้าชมอย่างถล่มทลาย ...

ทำลายสถิติ "หนังฮ่องกงตลอดปี 2009" ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ "หนังใหญ่" ใช้ทุนสร้างกว่า 400 ล้านบาท เรื่อง "ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า 2" (THE STORM WARRIORS) แค่เปิดฉายในฮ่องกงเป็นวันแรก สามารถกวาดรายได้ ไปกว่า 112 ล้านบาทไทย ทำลายสถิติหนังฮ่องกงในปี 2009 เพราะมีการเปิดโรงที่มากที่สุดในรอบปี มียอดจองตั๋วเข้าชมอย่างถล่มทลาย ทำให้ หนังจีนในแบบ "แอ็กชั่น กำลังภาย ใน" กลับมาคึกคัก-สดใส ผลิตหนัง "กำลังภายใน" ออกมาอีกเป็นขบวน!

ครั้งแรก...หนังเรื่อง "ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า" เป็นแค่ "หนังสือการ์ตูน" แนวกำลังภายใน บทประพันธ์ ของ "หม่าหยงเฉิน" นักเขียนชาวฮ่องกง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งฝั่งฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมา บริษัท GOLDEN HARVEST บริษัทผู้สร้างหนังยักษ์ใหญ่ของฮ่องกง ลงทุนมหาศาลกว่า 120 ล้านเหรียญฮ่องกง นำแสดงโดย "กัว ฟู่เฉิง (รับบทเป็น ปู้จิ้งอวิน มาทุกภาค) ถือเป็นหนังกำลังภายในเรื่องแรกที่ปลุก กระแสหนังกำลังภายในให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง หลังจากซบเซาไปนานนับ 10 ปี (เคยได้รับรางวัลจากงานประกวดภาพยนตร์ฮ่องกง ครั้งที่ 18 ถึง 4 รางวัล โดยส่วนใหญ่เป็นรางวัลประเภท เอฟเฟกต์ รวมทั้ง "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" อีกด้วย)

ในปี พ.ศ.2551 พี่น้อง ตระกูลแปง (ออกไซด์ และ แดนนี่ แปง) นำเรื่อง "ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า" กลับมาสร้างอีกครั้ง โดยครั้งนี้ใช้สถานที่ถ่ายทำในประเทศไทย และได้นักแสดงนำคนเดิม คือ กัว ฟู่เฉิง และ เจิ้งอี้ เจี้ยน กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง และนับเป็นโชคของ บริษัทพระนครฟิล์ม ซึ่งเป็น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทย หันมาจับงานด้านภาพยนตร์ต่างประเทศ โดย "เสี่ยจุ้ย-ธนพล ธนารุ่งโรจน์" และมี "คุณแหลม-ธวัช- ชัย พันธ์ภักดี" เป็นผู้จัดการทั่วไป ได้รับเชิญไปชม "ฟงอวิ๋น ขี่พายุ ทะลุฟ้า 2" รอบสื่อมวลชนที่เซ็นทรัลเวิลด์แล้ว ต้องยอมรับว่า "ตื่นตะลึงกับความอลังการงานสร้างและเอฟเฟกต์สุดทันสมัย" ตั้งแต่ต้นจนจบ นำชื่อเสียงเกรียงไกรมาสู่ "ผู้สร้างหนังเอเชียที่ไม่ แพ้ฮอลลีวูด" แฟนหนัง "กำลังภายใน" ต้อง "หัวใจร้อนฉ่ามหาสนุก...สมแล้วที่เปิดฉายในฮ่องกง โกยเงินรายได้ ถล่มทลายเพียงวันเดียวได้ถึง 112 ล้านบาท...เปิดตัว "แรง" ระดับนี้ โชคดีคงเป็นของ "พระ นครฟิล์ม"แฟน "หนังกำลังภายใน" ในประเทศไทยจะได้พิสูจน์ "งานสร้างอย่างเยี่ยมยอด" ตั้งแต่ 24 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป ความยิ่งใหญ่ของ "ฟง-อวิ๋น 2" จะ "ศักดิ์สิทธิ์" ขนาดไหน ขอให้ "แรงกระเพื่อมของคนคลั่งในฮ่องกง" ส่งผลถึงประเทศไทยจะได้ "รวยไปด้วยกัน!"

//www.thairath.co.th/content/ent/54953

..........................
jalop บอกว่า ฟงอวิ๋น 2 อาจไม่ถูกใจคนที่ชอบภาคแรก แต่จะถูกใจคนที่อ่านการ์ตูน

ไม่ทราบว่าใครบอกว่า สองพี่น้องแปง เป็นอาร์ตตัวพ่อ แต่ภาพหนังที่ออกมา
ออก แบบ 300 + การ์ตูนจีนกำลังภายใน แท้ๆ
ใครที่ชอบภาคแรก อาจจะผิดหวัง เพราะทั้งเรื่องแทบจะถ่ายในสตูดิโอเมืองไทยทั้งหมด ฉากไหนๆก็ CG
แต่ถ้าใครเคยอ่านการ์ตูนมาแล้ว ผมคาดว่าน่าจะชอบภาพสไตล์นี้ เพราะมันดูเหมือนภาพในการ์ตูนค่อนข้างมาก
ฉาก Action ทั้งหลายก็แบบ 300 เลยครับ slowmotion > fastmotion > slow วนไปวนมา ถ่ายดาบ ถ่ายมือ
เข้าใจว่าต้องการสื่อความสวยงามของหนังกำลังภายใน
แต่บางครั้ง อะไรที่มากไป ! ก็ไม่ดี
หนังชั่วโมงสุดท้ายสู้มันทั้งเรื่อง
พระเอกสองคน พูดไม่ถึง 10 ประโยคด้วยซ้ำ
บ่นไปก็ยังงั้นแหละครับ ผกก. ไม่ได้อ่าน
ตัดมาที่คะแนนวิจารณ์ดีกว่า - -* ยาวไปและ
เนื้อเรื่อง และบท > 4.5/10 ด้วยความที่ถ้าคิดจะทำเป็นหนังภาคต่อจริงๆล่ะก็สงสัยผม 80 แล้วยังไม่จบ เพราะการ์ตูนมันยาว แต่บทหนังสั้นได้อีก เทียบกับการ์ตูน 2 เล่ม
ฉาก Action > 8.5 /10 งานอลังการดีแล้ว เหมาะกับหนังกำลังภายในดี แต่มันมากเกินไป จนเอียน
ฉาก งานด้านภาพ > 7.5/10 ดูเกรดบีไปหน่อย ไม่อลังการเลยแม้แต่น้อย ดูแล้ว CG แบบไม่ต้องคิด ให้ความดีด้านโทนภาพที่เหมาะสม
เพลงประกอบ > บางทีเพลงก็ยาวไปหน่อยลากได้อีก แล้วพอเปลีย่นอารมณ์เพลงก็เปลี่ยนไม่ทันเสียอีก 6.5/10 ครับ
โดยรวม แม้ว่าจะได้คะแนนไม่ดีเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ แต่ผมเชื่อมั่นว่า
ถ้า ผกก. ทั้งคู่ ปรับปรุงงานให้ดีกว่านี้ หาคนเขียนบทที่ไม่ยืดมากเกินไป ลดฉาก Action ให้พอเหมาะ
และไปถ่ายนอกสตูดิโอให้เราคลายเคลียดบ้างน่าจะดีไม่น้อย
พ่อผมบอกว่า มาถูกทางแล้วแต่ยังขาดองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้หนังสมบูรณ์ไปครับ
ความน่าดู สำหรับคนชอบอ่านนิยายกำลังภายใน 9/10 เลยครับ ภาพสวยงานดี และไม่ควรพลาด
สำหรับคนที่อยากดูหนัง Action 7/10 ครับ แต่อาทิตย์นี้มีเรื่องอื่นน่าดูเยอะเหมือนกัน เรื่องนี้พลาดได้ครับ
..........................
























เราดูแล้ว รู้สึกว่า สะใจดีครับ
หนังโดยรวมสนุกดีนะครับ (ความคิดเรานะ)
แต่ขอติทีมที่ให้เสียงภาษาไทยนิดนึงนะครับ
คือว่าแปลภาษามายังไงคับแปลดาบเป็นกระบี่ กระบี่เป็นดาบ
ฟังแล้วขัดๆอะคับ
แต่ว่าฉากต่อสู่เยอะดีคับ ดูแล้วชอบเลยอ่ะครับ
ส่วนเนื้อเรื่องนะเราพอจะรู้อยู่แล้วก็เลยดูแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก
ตอนจบก็ดีนะครับ ในการ์ตูนมันก็จบแบบนี้ละครับ
ภาคต่อไปก็เป็นโนนเลยภาคที่ในการ์ตูนอ่านแล้วสนุกสุดๆ และตื่นเต้นกับ
เนื้อเรื่องว่า เอ้ย คิดได้ไงอ่ะ เอ้ย ขนาดนี้เลยหรอ โห....!

.......................................................



.......................................................
ขออนุญาตก็อป บทความของคุณ -เกียฮุ้น- มาครับ (เค้าวิจารณ์ได้ดีครับ)
ว่าจะไม่แล้ว แต่ขอสักกระทู้เพื่อฟงอวิ๋นที่รักของผมก็แล้วกันนะขอรับ

กระทู้นี้เน้นวิจารณ์ฟงอวิ๋น 2 สปอยล้วนๆ ด้วยความรักฟงอวิ๋น หาใช่หน้าม้าเวอร์ชั่นภาพยนต์แต่อย่างใด โปรดเข้าใจก่อนอ่านต่อด้วยนะขอรับ

ก่อนที่ผมจะตัดสินใจไปดูฟงอวิ๋น 2 ผมได้มีโอกาสดูหนังตัวอย่างในโรงภาพยนต์ซึ่งบอกตามตรงว่าทำให้อารมณ์อยากดูหนังเรื่องนี้ลดไปกว่าครึ่ง แต่แล้วพอได้อ่านกระทู้ด่าเช็ดฟงอวิ๋น 2 ของหลายๆ ท่าน ก็ไม่รู้ทำไม เกิดอยากดูขึ้นมาซะงั้น

วันอังคารที่ 29 ผมตีตั๋วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยความปลอดโปร่ง ซ้ายไม่มี ขวาไม่มี หน้าก็ไม่มีคนนั่ง แต่ข้างหลังมีนิดหน่อยตามประสาโรงหนังตจว. พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ผมก็บอกกับตัวเองว่า มันก็สนุกดีนี่หว่า แต่ก็มีหลายอย่างที่ตะหงิดๆ ทว่าอารมณ์อยากดูซ้ำก็ยังมี สำหรับคะแนนหนัง ผมให้ 7 เต็ม 10

เสื้อผ้าหน้าผม : โดยรวมแล้วดี แทบจะเป็นข้อดีจุดเดียวของหนังเรื่องนี้ที่ไม่มีคนว่า ยกเว้นคนเดียวคือ ปู้จิ้งอวิ๋น ผมว่าทรงผมดัดหยิกไม่ผ่านอย่างแรง สงสัยคนกำกับฝ่ายนี้คงดูฟงอวิ๋นเวอร์ชั่นละครที่เฮียปู้ผมทั้งหยิกทั้งฟูแล้วเอามาสานต่อในหนัง ทั้งๆ ที่ภาคแรก ผมเฮียแกไม่หยิกขนาดเน้!!! โชคยังดีที่ฉากโชว์หยิกของเฮียปู้มีไม่มากจึงไม่ขัดตาเท่าไหร่ , อีกจุดหนึ่งคงจะเป็นแผลเป็นที่หน้าตี้เอ๋อม่ง ซึ่งต้องเพ่งอยู่นานถึงจะเห็น ทั้งๆ ที่ในการ์ตูนเห็นเด่นมาแต่ไกล แต่ก็ยังดีกว่าละครที่กลายเป็นรูปหัวใจ ไม่รู้คิดได้ไง - -"

โลเกชั่น : ไม่ผ่าน สงสัยงบไม่มี ถ่ายกันแต่ในโรง ฉากที่แย่ที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่เจี๋ยอู๋เสินยกขบวนมาที่สุสานหลวง ทั้งขบวนมีแค่หัวมังกรดำๆ อันเดียว ดูยังไงก็ไม่ขลัง ยิ่ง CG ยิ่งหาความเนียนไม่ได้ พอย้อนกลับไปดูฉากในการ์ตูนแล้ว ผิดกันเยอะ ยิ่งฉากในสุสาน น่าจะบรรยายถึงความเป็นมาของโครงกระดูก ซึ่งเป็นถึงโครงกระดูกของหวงตี้ แต่หนังกลับไม่พูดอะไร คนที่ไม่รู้ดูเลยยิ่งไม่เก็ท ได้แต่คิดว่าแค่โครงกระดูกธรรมดาจะแย่งกันไปทำไมซะงั้น

นักแสดง : ส่วนใหญ่ผมให้ผ่านทุกตัว ยกเว้นเจี๋ยอู่เสิน ซึ่งดูแล้วไม่ขลัง ไม่น่าเกรงขาม ยิ่งเทียบกับตอนสงป้าภาค 1 เฮียเจี๋ยดูหน้าละอ่อนไปทันตา แถมในฉากก็ทำปากจู๋อยู่หลายตอน ไม่รวมการทำท่าลังเลหลุกหลิกขาดบุคลิกผู้นำมากมาย

บท : ภาคนี้ต่างกับภาคแรก ที่มีการยำใหญ่ระหว่างการ์ตูน, นิยาย และแต่งขึ้นใหม่ ทว่าของภาค 2 บททั้งหมดมาจากการ์ตูน ต่างกันตรงที่มีการตัดทอนตัวละครและเนื้อเรื่องหลายๆ ส่วนออก แต่ก็ไม่ได้แต่งเพิ่ม

ดังนั้นฟันธงได้ประการหนึ่งคือ คนที่จะดูฟงอวิ๋นภาค 2 รู้เรื่อง คือคนที่อ่านการ์ตูนมาแล้วเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่เคยแตะอย่าหวังจะเข้าใจ

อย่างไรก็ตาม ถึงฟงอวิ๋นภาคนี้จะตัดเนื้อหามาจากการ์ตูน แต่ก็พบความมักง่ายมากมาย เช่น บทบรรยายและบทพูด ซึ่งใส่เข้ามาน้อยมาก ได้แต่คิดว่าผู้เขียนบทคงเหมาเอาเองว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องตัดมาจากการ์ตูนล้วนๆ คนดูฟงอวิ๋นคงจะอ่านการ์ตูนกันหมดแล้ว ก็เลยไม่ต้องพูดพล่ามอะไร เน้นเอ็ฟเฟคเอามันส์เข้าว่าก็พอ

จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดคือ ฟงอวิ๋นภาคนี้ ขาดต้นเรื่องที่ดี กลับไปเน้นที่ส่วนกลางและส่วนจบก็เหมือนจะปล่อยให้ไหลจบไปซะงั้น

ต้นเรื่องของภาค 2 ที่จริงน่าจะเริ่มเกริ่นนำตั้งแต่หลังสงป้าตาย ยุทธภพขาดผู้นำ เจี๋ยอู๋เสินจึงนำทัพมาบุกจงหยวนหวังตั้งตนเป็นใหญ่ มีการกวาดจับชาวยุทธจำนวนมาก ส่วนปู้จิ้งอวิ๋นหลังปราบสงป้าได้ก็ทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาอยู่กับฉูฉู่ จึงถูกจับได้อย่างง่ายดาย ส่วนเนี่ยฟงใช้วิชาตัวเบาสามารถหนีการจับกุมไปได้

ก็ไม่เข้าใจจะเริ่มเกริ่นนำด้วยภาพแบบย่นย่อเร็วๆ แค่นี้ทำไมไม่ทำ แอบสงสัยว่าไม่อยากจ่ายค่าตัวให้ตาโซนี่ จิบะที่เคยเล่นเป็นสงป้า ก็เลยตัดมันซะห้วน ที่จริงพี่น้องแปงไม่น่าลืมว่า ตัวละครที่คนดูภาคแรกรู้จัก มีแค่ ฟง อวิ๋น และฉูฉู่เท่านั้น นอกนั้นใหม่หมด

บทบาทของอู๋หมิง / บุรุษนิรนาม : เนื่องจากต้นเรื่องไม่ดี จะมีคนดูสักกี่คนคิดว่าอู๋หมิงนั้นเก่งระดับตำนาน อู๋หมิงในภาคนี้จึงดูแทบไม่รู้เลยว่าเก่ง รู้อย่างเดียวคือหล่อหน้าเด้ง สุดท้ายฉากเขียนตัวอักษรที่หลายๆ คนคิดว่าเป็นมุขตลก อันนี้คงเป็นเรื่องวัฒนธรรมล้วนๆ ในจีน ตัวอักษรหนึ่งตัวไม่ใช่คิดค้นกันง่ายๆ การที่อู๋หมิงคิดตัวอักษรใหม่สำหรับตั้งเป็นชื่อเพลงกระบี่ให้จิ้งอวิ๋น นับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก แต่คนไทยดูไม่เข้าใจก็แป้กกันไป อย่างไรก็ดี ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าอู๋หมิงมันหมดแรง ยังทำให้หน้าผาเป็นรอยลึกซะขนาดนั้น น่าจับไปใช้งานต่อจริงๆ

สำหรับฟงอวิ๋นภาค 2 ขาดจุดเชื่อมสำคัญที่โดนตัดทิ้งไปตั้งแต่ภาค 1 คือเลือดบ้าซึ่งเป็นกรรมพันธุ์ของตระกูลเนี่ย ของเนี่ยฟง ซึ่งเมื่อไหร่ที่อาการบ้ากำเริบ จะทำให้ทุกคนในตระกูลเนี่ย ฆ่าฟันคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจากจุดนี้เอง จึงบอกได้ว่าเนื้อหาในภาคนี้ ใจความไม่ได้อยู่ที่เจี๋ยอู๋เสิน แต่อยู่ที่การสู้กันระหว่างฟงอวิ๋น เจี๋ยอู๋เสินเป็นแค่เหตุผลที่ทำให้เนี่ยฟงเป็นมาร จึงต้องสู้กับจิ้งอวิ๋น เพราะถ้าเนี่ยฟงไม่ร้าย สองคนนี้ไม่มีทางสู้กันเลย

นอกจากนี้ตัวหนังยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างฟงและอวิ๋น มีเหตุผลมากมายที่อวิ๋นไม่อาจตัดใจทำร้ายเนี่ยฟง ซึ่งเป็นเพราะน้ำใจของเนี่ยฟงที่เคยช่วยเหลือตนเองไว้หลายครั้ง ตลอดจนการเป็นคนดีของเนี่ยฟง แต่ในหนังใช้แค่คำพูดสั่งเสียของเนี่ยฟงที่ว่า "ถ้าข้าเป็นมาร พี่ฆ่าข้าได้ทันที" แค่นี้ดูยังไงก็ไม่ซึ้ง

บทบาทของปู้จิ้งอวิ๋น : ในภาคแรก มีการแบ่งบทไม่ชัดเจน พูดได้ว่าทั้งฟงและอวิ๋นล้วนเป็นพระเอก แต่ภาคนี้ปู้จิ้งอวิ๋นนั่งแท่นพระเอกมาแต่ไกล ตัวหนังที่มีบทพูดไม่มาก แต่เน้นที่การแสดงสีหน้า และผู้ที่แสดงสีหน้ามากที่สุดในเรื่องเห็นจะเป็นปู้จิ้งอวิ๋น แต่การแสดงสีหน้าของพี่แกบางครั้งก็มากเกินไปจนดูตลก อย่างไรก็ตามผมว่าพี่แกแสดงได้ดีที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับเนี่ยฟงซึ่งภาคนี้แทบจะไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย

บทบาทของเนี่ยฟง : ในภาคนี้ เนี่ยฟงแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากสู้ ไม่ได้ใช้จิตใจที่ดี หรือความฉลาดออกมา ต่างกับจิ้งอวิ๋นที่สามารถวิเคราะห์เพลงยุทธเองได้

แย่ที่สุดคือฉากจบ : ถ้าใครดูฉากจบ คงปฏิเสธความรู้สึกขาดๆ ในใจไปไม่ได้ อันที่จริงฉากจบของภาคนี้ในการ์ตูนน่าประทับใจกว่ามาก แต่ไม่รู้ผู้กำกับเกิดอีโก้อะไรขึ้นมาถึงไม่ได้เอามาใช้ ถ้าฉากจบเป็นอย่างในการ์ตูนคือ ตอนที่อวิ๋นจะฟันเนี่ยฟงนั้น ทั้งคู่ตกหน้าผาแล้ว และแม่นางม่งกระโดดมาขวางไว้จึงถูกแทง และเลือดของนางปิดตาเนี่ยฟง ส่วนอวิ๋นก็อ้อมม่งไปแทงตาที่สามได้สำเร็จ ทำให้เนี่ยฟงคืนสติ สุดท้ายจิ้งอวิ๋นยอมสละตัวเองผลักคนทั้งสองขึ้นจากหน้าผา และเนี่ยฟงคลุ้มคลั่งจะกระโดดตามลงไปช่วยซะให้ได้ ติดที่แม่นางม่งยื้อไว้แทบตาย... เนี่ยฟงจึงตะโกนสาบานว่าจะตามหาศิษย์พี่ให้ได้...จบ

แต่ในหนัง อวิ๋นแทงตามารสำเร็จ เนี่ยฟงกับม่งตกหน้าผา อวิ๋นโดดลงไปช่วย พอฟงกับม่งขึ้นมาได้ เนี่ยฟงกลับมาสภาพเหมือนคนสร่างเมา ทำมึนๆ เอ๋อ มองโน่นมองนี่ แล้วค่อยทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วค่อยแหกปากออกมา ดูแล้วเฟคเป็นอย่างยิ่ง เสียดายการจากไปของจิ้งอวิ๋นโครตๆ

ถ้าหนังเรื่องนี้มีภาค 3 ผมไม่อยากคิดว่าจะออกมายังไง เพราะเนื้อเรื่องหลักใหญ่ของภาคต่อจากนี้คือตอน 7 อาวุธ แต่ตัวละครที่ครอบครอง 7 อาวุธ หายไปแน่ๆ แล้ว 3 คือเจี้ยนเฉิน, ต้วนล่าง และพั่วจิ้น เป็นไปได้ว่าอาจจะได้เห็นการยำใหญ่เนื้อเรื่องอีกครั้ง ได้แต่ภาวนาว่าถ้าจะมีภาคต่อ ก็รีบๆ มีเถอะ เพราะหน้าเฮียเจิ้งอีเจี้ยนจะไม่ไหวแล้วครับท่าน

ที่ผมออกมาวิจารณ์แบบนี้ ไม่ใช่เจตนาจะสับแหลกฟงอวิ๋น ชิงชังสองพี่น้องแปงหรอกนะครับ
แต่ผมเสียดายมากกว่า ถ้าใครจำได้ ฟงอวิ๋นเมื่อสิบปีที่แล้วก็ถูกเข็ญออกมาในช่วงลำเค็ญของหนังฮ่องกง
ซึ่งผลก็คือฟงอวิ๋นสร้างรายได้ เรียกคนกลับมาดูหนังฮ่องกงได้อย่างท่วมท้น (แล้วก็เริ่มถอยหลังลงคลองต่อในหนังเรื่องถัดๆ มาเพราะพึ่ง CG เกินเหตุ

ผม และคงอีกหลายๆ คนคงคิดว่า ฟงอวิ๋น 2 น่าจะมีดีพอจะเรียกคะแนนนิยมให้หนังฮ่องกงอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งฟงอวิ๋น 1 ทำได้ เพราะขนาดกั่วฝู่เฉินที่เคยลั่นวาจาว่าจะไม่เล่นฟงอวิ๋นอีก ก็ยังหวนกลับมาแสดง (ซึ่งคงด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง) ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ภาค 2 น่าจะมีดีไม่น้อยไปกว่าภาคแรก แต่แค่ 2 อย่างที่ผมเห็นว่าพอสูสีกับภาคแรกคือ เครื่องแต่งกาย กับ CG นอกนั้นอ่อนกว่าภาคแรกหมด

และสำหรับคนดูทั่วไป จะดูว่าสนุก หรือไม่สนุก จะมีภาคต่อหรือไม่มี ก็คงไม่คิดอะไรมาก
แต่กับผมมันไม่ใช่ เพราะสำหรับผม ฟงอวิ๋นไม่ใช่ภาพยนต์ แต่เป็นการ์ตูน และนิยายที่มีมานานเกือบยี่สิบปี
เป็นบทประพันธ์ที่สลับซับซ้อน ให้แง่คิดมากมาย

ดูอย่างในฟงอวิ๋น 1 แม้จะเป็นบทยำใหญ่ ก็ยังมีแง่คิด เช่น การงมงายในดวงชะตาของสงป้า, ความโลภของธุลีดิน, การยึดมั่นในรักของปู้จิ้งอวิ๋น, การให้อภัยและคิดถึงมิตรภาพมากกว่าความแค้นของเนี่ยฟง ฯลฯ แต่ภาค 2 คุณดูแล้วได้เนื้อหาสาระอะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ในการ์ตูนนั้นอัดแง่คิดไว้เพียบ เช่น ที่จริงแล้ว เพราะความเห็นแก่ตัวของเจี๋ยอู๋เสิน ทำให้เจี๋ยซินคิดทรยศจนกลายเป็นลูกฆ่าพ่อ ฉากนี้ก็ไม่มีให้เห็น ทั้งๆ ที่มีตัวละครครบอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ฉากอื่นที่ถูกหั่นตัวละครทิ้ง , และอีกฉากที่สำคัญคือ ลำดับที่หนึ่ง (จอมมาร) ลำดับที่สอง (จอมดาบ พ่อของม่ง) และลำดับที่สาม (จอมตะกละ - เจ้าสุกร) ซึ่งเลิกยึดติดกับลำดับที่เมื่อหลานสาวตายระหว่างสู้กัน

ฟงอวิ๋น 2 กลายเป็นภาพยนต์ ที่มุ่งเน้นแต่รายได้ ละทิ้งตัวตนของฟงอวิ๋น มุ่งแต่ขายนักแสดงและฉาก CG ทำให้ผลงานที่จริงมีค่ามีความหมาย กลายเป็นข้อกังขา เช่น ฉากที่อู๋หมิงคิดชื่อเพลงกระบี่ให้ปู้จิ้งอวิ๋น, ฉากที่รุมแย่งกระดูกกัน จากที่เคยมีเหตุผลมากมาย กลายเป็นไม่มีเหตุผล 9 ใน 10 คนดูแล้วไม่เก็ท อีกทั้งฉากจบที่ควรจะประทับใจ หรือเกิดอาการซึ้ง ดูแล้วกลับรู้สึกหงุดหงิดแทน

ผมอดคิดในแง่ร้ายต่อไปว่า คงไม่มีฟงอวิ๋นภาค 3 เพราะภาค 2 ไปไม่ถึงดวงดาวแบบนี้ ใครมันจะออกทุนให้ภาค 3 หรือถ้ามีใครออกทุนให้ ก็คงน้อยกว่าเดิม ผลก็คง... สงสัยจะไม่ได้ลงโรงน่ะซิครับท่าน

ตัวหนังน่ะ ดูสนุกครับ แต่ความเป็น "ฟงอวิ๋น" ต่างหากที่ผมไว้อาลัย บางทีถ้าคุณรู้จักฟงอวิ๋นดีเหมือนผม เราคงได้ไว้อาลัยร่วมกัน
...........................................................


Create Date : 30 ธันวาคม 2552
Last Update : 2 มกราคม 2553 9:27:42 น. 8 comments
Counter : 5798 Pageviews.

 
แวะมาสุขสันต์วันปีใหม่นะค้าบ พรุ่งนี้ก็จะได้หยุดงานแว้ว เดินทางไปเที่ยวก็ขอให้ปลอดภัย ปีใหม่หน้าที่การงานรุ่งเรือง รายได้ดีๆ ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง คิดอะไรสมปรารถนาทุกประการครับ


โดย: ไม่รวยสักที วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:12:07:55 น.  

 
ไปดูมาวันนี้ครับ
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดครับ
พระเอกต้องสองคนนี้เลย เท่สุดๆๆ พวกเกาหลีกระจอกไปเลยครับ
ส่วนตัวชอบเจิ้งอี้เจี้ยงกับกู่เทียนเล่อมาก ปรกติไม่ค่อยได้ดูหนังแต่เรื่องนี้ไม่พลาดจริงๆ


โดย: ยุทธ IP: 124.157.196.209 วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:20:51:01 น.  

 
มันดีคับ ไม่ผิดหวัง แถมหนังจบอย่างนี้ต้องมีภาคต่อไวๆเนาะถึงจะดี

หนังมันอิงตามฉบับการ์ตูนของเฮียหม่าเลย

เสื้อผ้าตัวละครรายละเอียด ก็ใช้ได้เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง ขนาดตี้เอ้อม่ง ยังมีแผลเปนที่หน้าเลย


โดย: excessyo IP: 117.47.139.87 วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:11:24:55 น.  

 
เอ่อ แบบว่าไม่ได้อ่านการ์ตูนอะ แล้วกระดูกสันหลังของฮ่องเต้เนี่ยมันสำคัญไงอะ ทำไมถึงแย่งกันจังอะ


โดย: คนไม่ได้อ่านการ์ตูนอะครับ IP: 10.6.6.129, 202.28.183.10 วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:13:48:57 น.  

 
กระดูกมังกรเป็นของวิเศษ
ความจริงแล้วเป็นกระดูกของปฐมฮ่องเต้ "หวงตี้"
ซึ่งเชื่อว่าเป็นมังกรจำแลงมา
ตราบที่กระดูกมังกรยังอยู่บ้านเมืองจะได้รับการปกป้องจากหวงตี้
(เปรียบเสมอฮวงจุ้ยของบรรพชนฮองเต้จงหยวน)
ดังนั้นเจี๋ยอู๋เสินจึงต้องการทำลาย

ที่เนี่ยฟงแย่งกระดูกมังกรไปก็เพราะ
กระดูกมังกรสามารถช่วยลดจิตมารให้เนี่ยฟงได้


โดย: วีร์นักเดินทาง (Wiizento ) วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:16:20:47 น.  

 
หลังจะที่ปู้จิ้งอวิ๋นตกหน้าผาไปแล้วนั้น พี่แกยังไม่ตายนะครับ แค่ศูนย์เสียความทรงจำ จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร รู้แต่ว่าเก่ง ฮ่าๆ

...เรื่องรวมๆ ก็ประมาณว่า มีสุดยอดจอมยุทธระดับอุลตร้าซุปเปอร์เก่งโคตรๆ คนนึ่ง ตั้งชื่อตัวเองว่า ตี้ซื้อเทียน (ราชันสวรรค์) แค่ใช้สายตามองคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้ผู้ผู้นั้นก็ถึงกับลมปราณแตกตายไปเอง (โอเว่อร์ปะล่ะ แอ่ะๆ)
มันจะไม่เก่งได้ยังไงละครับก็มันมีอายุมาตั้งเกือบ2พันปีมาแล้ว
วรยุทธในใต้หล้าก็ฝึกมาหมด ขนาดสำนักบรรพชนกระบี่ก็เคยเข้าไปเป็นศิษย์และได้เคยอ่านตำราบรรพชนหมื่นกระบี่ (ก็ท่าที่จอมยุทธไร้นามอู๋หมิง เคยใช้ในฉากแรกที่สู้กับเจวียอู๋เซินในหนังภาค2นะครับ)
เล่ามาหลายบรรทัดยังไม่เข้าเรื่องเลย
...ก็ตี้ซื่อเทียนนะครับมันเป็นอมตะครับ เนื่องจากได้ดื่มกินเลือดหงสาเข้าไป
จากนั้น2พันปีผ่านพ้นไปมันก็ไม่อย่างให้ใครเป็นอมตะเหมือนกับมันคับ เพราะว่าในยุคของฟงอวิ๋นนี้ เทพมังกรจะปรากฏกายครับ มันจึงเริ่มแผนการ “ฆ่ามังกร”


โดย: วีร์นักเดินทาง (Wiizento ) วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:16:25:00 น.  

 
โดยรวบรวมอาวุธ 7 ชิ้น ก็ได้แก่
1 เลิศภพจบแดน ของ ปู้จิ้งอวิ้น
2 กระบี่วีรชน ของ เจี้ยนเฉิน (ศิษย์คนแรกของจอมยุทธไร้นาม)
3 กระบี่กิเลนไฟ ของ ต้วนล่าง
4 ทันฑ์สวรรค์ ของ หวายคง
5 ดาบสะท้านเดียวดาย ของ หวงอิ่ง (จอมยุทธชาวญี่ปุ่น)
6 ดาบสวรรค์ ของ พัวจิน
7 กระบี่จิ้งจอก ของ พัวจิน (พัวจินใช้ได้ทั้งดาบและกระบี่ ทั้งยังเป็นศาย์พี่ของจอมยุทธไร้นาน)
ในนี้ไม่มีดาบดื่มหิมะของเนี่ยฟงเพราะมันหักไปแล้วคงเห็นกันในภาพยนต์ภาค2ที่ดูกัน


โดย: วีร์นักเดินทาง (Wiizento ) วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:16:25:38 น.  

 
ดูแล้้วเหมือน ๆ 300 เวอร์ชั่นกำลังภายในเลย......
มีภาคต่อไปเร็วๆ ล่ะกัน


โดย: Nazi IP: 115.67.46.207 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:17:04:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wiizento
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ความจริง ดีชั่วอยู่ที่ความคิดชั่ววูบ..ระดับของเทพยดากับอสูรร้ายก็เป็นเช่นเดียวกัน.."
"ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยปราศจากการสูญเสีย.."
"เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยงาม..ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น.."

"มีหรือไม่มีเกิดขึ้นด้วยการรับรู้..
ยากกับง่ายเกิดขึ้นด้วยความรู้สึก..
สูงกับต่ำเกิดขึ่นด้วยการเทียบเคียง..
หน้าและหลังเกิดขึ้นด้วยการนึกคิด.."
จำนวนผู้เข้าชมขณะนี้คน free counters
Friends' blogs
[Add Wiizento's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.