ต่อไปจะเป็นการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุญกับบารมีว่า คือ อะไรและเกี่ยวกันกันอย่างไร
ในการทำความดีของพุทธศาสนิกชนนั้น เราเข้าใจกันดี เรามักเรียกกันว่า ทำบุญ คำว่า บุญ นั้น เป็นคำในภาษาบาลี
เมื่อทำบุญแล้ว เราก็ได้ บุญ
สิ่งที่ค่อนข้างเป็นปัญหาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็คือ คิดว่า ทำบุญ แล้วเราก็ได้บุญเป็นอัตโนมัติ แต่ไม่เคยรู้ว่า บุญ นั้นจริงๆ เป็นอย่างไร
เรามักจะสังเกตเอาจากปัจจัยภายนอก เช่น ทำบุญแล้ว หน้าตาแจ่มใส เป็นต้น ดูแล้ว ท่าทางมีสง่าราศี แสดงว่า เป็นคนมีบุญ เป็นต้น
ในความเป็นจริงแล้ว บุญมีลักษณะเป็นดวง อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ในท้อง เหนือระดับสะดือ 2 นิ้วมือของเจ้าของ
ในการทำบุญนั้น ผู้ที่คำนวณดวงบุญให้กับเรา ก็คือ พระพุทธเจ้าของเรานั่นเอง บุญไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างที่นักปริยัติหลายคน พยายามอธิบายไปอย่างนั้น
ต่อจะกล่าวถึงบุญกริยาวัตถุ 3 ซึ่งก็คือ
ทาน คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้
ศีล คือ การสำรวมกาย วาจา ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น
ภาวนา คือ การสวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ
ที่ไม่กล่าวถึงบุญกิริยาวัตถุ 10 ก็เพราะเห็นว่า เป็นข้อมูลอยู่ในอรรถกถา เพื่อความปลอดภัยและง่ายต่อการอธิบาย ขอยกตัวอย่างเฉพาะ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก เท่านั้น
ขอยกตัวอย่าง การทำบุญ ด้วยการบริจาคทานก่อน เป็นตัวอย่างแรก ข้อมูลนำมาจากหนังสือคู่มือสมภาร ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ บทบัญญัติที่ 12 เรื่อง การตรวจดูบารมี 10 ทัศ อุปบารมี 10 ทัศ ปรมัตถบารมี 10 ทัศ
บุญที่เกิดจากการบริจาคทานนั้น เมื่อบริจาคบ่อยครั้งเข้า รวมกันได้ขนาดโตวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง ได้ประมาณ ๑ คืบ หรือเท่าขนาดดวงพระจันทร์แล้ว
ดวงบุญนั้น จะกลั่นตัวเองเป็นบารมี ที่เรียกว่า ทานบารมี ได้ดวงทานบารมี ราวๆ วัดตัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๑ นิ้ว
และดวงทานบารมีนี้ มีมากขึ้นจนวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๑ คืบ หรือขนาดเท่าดวงพระจันทร์แล้ว ก็จะกลั่นตัวเองเป็นบารมีที่สูงกว่านั้น คือเรียกว่า ทานอุปบารมี
ได้ดวงทานอุปบารมีราวๆ วัดตัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๑ นิ้ว และดวงทานอุปบารมีนี้ เมื่อมีมากขึ้นจนวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๑ คืบ หรือขนาดเท่าดวงพระจันทร์แล้ว
ก็จะกลั่นตัวเองเป็นบารมีที่สูงสุด คือทานปรมัตถบารมี ได้ดวง ทานปรมัตถ บารมีราวๆ ๑ นิ้ว
โดยสรุป บุญเป็นคุณความดีเบื้องต้น เมื่อทำบุญมากๆ แล้วบุญจะกลั่นเป็นบารมี อุปบารมี และปรมัตถบารมี
ต่อไปจะเป็นการอธิบายถึงเรื่องบุญกริยาวัตถุ 3 คือ ทาน ศีล ภาวนา กับบารมี 30 ทัศ
บารมี 10 ทัศ มีดังนี้
ทาน การให้
ศีล การรักษาศีลให้เป็นปกติ
เนกขัมมะ การออกจากกาม
ปัญญา ความรู้
วิริยะ ความเพียร
ขันติ ความอดทนอดกลั้น
สัจจะ ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ
อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง
เมตตา ความรักด้วยความปรานี
อุเบกขา ความวางเฉย
บุญกิริยาวัตถุ 3 กับ บารมี 3 ทัศแรก ตรงกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่บารมีอีก 7 ประเภทที่เหลือ เราจะสร้างได้อย่างไร!!!!
ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้ ในการทำบุญกิริยาวัตถุ 3 คือ ทาน ศีล ภาวนานั้น ไม่ใช่การทำกันง่ายๆ เหมือนเดินเข้าไปซื้องของใน 7-11
มันต้องใช้ วิริยะ ใช้ ขันติ ใช้ สัจจะ ใช้ เมตตา ใช้ อุเบกขา นั่นแหละ ทำให้บารมีเหล่านั้น เจริญขึ้นมา
ตอนนี้ก็เหลือ ปัญญา บารมี กับ อธิษฐาน บารมีที่จะต้องอธิบาย
ปัญญาบารมีนั้น ไม่ยากเลย การที่เราให้ธรรมะเป็นทานเป็นการสร้างปัญญาบารมี สำหรับที่สำคัญที่สุด ไม่ค่อยมีใครอธิบายได้ก็คือ อธิษฐานบารมี
อธิษฐานบารมีนั้น ไม่ใช่เป็นการขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากเบื้องบน แต่ก็เป็นการตั้งใจอธิษฐานเพื่อให้สร้างบารมีให้สำเร็จ
ถ้าไม่อธิษฐานบารมี มารมันจะมาขัดขวางการสร้างบารมีของเราทันทีทันใด
ไม่ต้องถามว่า ทำไมมารเขาถึงทำอย่างนั้น เพราะ มันเป็นหน้าที่ของเขา
โดยสรุป บุญ-บารมีเกี่ยวพันธ์กันอย่างยิ่ง ถ้าไม่ทำบุญไว้ก่อนเป็นเบื้องต้น บารมีจะเกิดขึ้นไม่ได้ การสร้างบุญมี 3 วิธี คือ ทาน ศีล ภาวนา ส่วนบารมีมี 10 ทัศ 20 ทัศ 30 ทัศ
ในการสร้างบุญด้วยทาน ศีล ภาวนา เราจำเป็นต้องสร้างบารมีประกอบไปด้วยเสมอ เพราะ การสร้างบุญไม่ได้ทำง่ายๆ
ความรู้เหล่านี้ มีอยู่ในการเรียนการสอนของวิชาธรรมกาย
เชิญทุกท่านได้อ่าน E-book วิชาธรรมกาย ตั้งแต่ขั้นเบื้องต้นจนถึงขั้นสูงมาก ได้ที่
https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz