Thewinner
นักเดินทาง
TAG
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ
บันทึกจากอินเดีย ตอนที่ 1 พุทธคยา
จากย่างกุ้ง มุ่งสู่ หงสาวดี
ตลุยย่างกุ้ง ตอน 3
ตลุยย่างกุ้ง ตอน 2
ตลุยย่างกุ้ง
CenCiO KaRaOkE
พระธาตุศรีสองรัก + วัดเนรมิตวิปัสสนา
หนาวนี้ที่ภูเรือ
The Terrace Resort
พระราชวังสนามจันทน์
อำนาจเจริญสีเขียว ๆ
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยามค่ำคืน
วัดพนัญเชิง ในวันลอยกระทง
จากดอยเสมอดาวมุ่งสู่เสาดิน คอกเสือ
ลงมาจากดอยเสมอดาวแล้วจ้า II
ลงมาจากดอยเสมอดาวแล้วจ้า
จะไปดอยเสมอดาว
อุทยาน ร.2
อัมพวา ในวันฝนพรำ
จะไปอัมพวา
ทะเลตรัง
พาแม่เที่ยวอยุธยา
ทำบุญถวายเทียนวันอาสาฬหบูชา + เข้าพรรษา
หมู่บ้านควายไทยในวันฝนพรำ
สามชุกตลาดร้อยปี
ทำบุญ + บูรณะพระประธานที่ถูกไฟไหม้
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
ที่พักบนเกาะสมุย
เขื่อนรัชชประภา
ถ้ำแก้ว ถ้ำพระยานคร
สวนรถไฟ
การเดินทางข้ามปี
ร้องรำทำเพลง
รอดกลับมาแล้วจ้า
เตรียมตัวไปปาย
สวนสนประดิพัทธ์
ทุ่งทานตะวัน
ภูสอยดาว
เตรียมตัวออกเดินทางใหม่
ตลุยย่างกุ้ง ตอน 2
วันแรกที่ไปถึงช่วงเช้าหลังจากที่ check in เข้าพักที่โรงแรม Beauty Land Hotel และไปกินอาหารเช้าแล้วก็พากันเดินต่อที่ตลาดสก๊อต
รถเมล์ที่พม่า
มีหลายแบบมาก ๆ
นี่ก็อีกแบบหนึ่ง
ที่พม่านี่น้ำแข็งจะหายาก ไม่ค่อยมีน้ำแข็งขาย จะมีแต่น้ำเย็นขายค่ะ
เวลาจะกิน คนขายจะเอาน้ำแข็งก้อนมาตั้งไว้ แล้วก็ตักน้ำมาราดผ่านน้ำแข็งก้อนนั้น แล้วเอาแก้วรองไว้ด้านล่าง เห็นแล้วไม่กล้ากินอ่า
ร้านขายขนม แต่ไม่ได้ชิม เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นไงบ้างค่ะ
ร้านขายผลไม้ดอง สีสันน่ากินมั๊ยคะ แต่ไม่ได้ซื้อมาชิมหรอกค่ะ กลัวท้องเสีย เพราะเป็นคนธาตุอ่อนท้องเสียง่ายอยู่แล้ว เดี๋ยวจะอดเที่ยว อิอิอิ
แม่ค้าขายมะละกอ
ที่พม่านี่จะมีร้านน้ำชาเยอะมาก ๆ นะคะ สงสัยเค้าชอบกินน้ำชากัน แต่ที่นั่งจะเป็นโต๊ะเตี้ย ๆ ค่ะ
ที่นี่จะไม่มีห้างสรรพสินค้าเหมือนเมืองไทย แต่เค้าใช้รถเป็นร้านขายของกันค่ะ
สนใจจะซื้อทองสักเส้นมั๊ยคะ อยากได้ยาวแค่ไหนสั่งเค้าได้เลยค่ะ เดี๋ยวเค้าตัดให้ ไม่รู้ว่าเป็นทองจริงรึเปล่านะคะ แต่ไม่เห็นร้านขายทองแบบเมืองไทยเลยค่ะ มีแต่แบบนี้ อิอิอิ
ร้านขายหมากค่ะ คนพม่ายังคงนิยมกินหมากกันอยู่มาก ทำให้หาร้านขายหมากได้ง่ายมากค่ะ เดินไปที่ไหนก็เจอ
ยอดเจดีย์สุเล เป็นศูนย์กลางของเมืองย่างกุ้งค่ะ
สถานที่ราชการของพม่าค่ะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร ตอนแรกนึกว่าหอนาฬิกาซะอีก
ตกบ่ายนัดให้รถมารับเราไปเที่ยวกัน สถานที่แรกที่ไปก็คือเจดีย์กาบาอี
วัดที่พม่านี่เวลาจะเข้าจะต้องถอดรองเท้าก่อนเดินเข้านะคะ พระหรือเณรก็ไม่มีข้อยกเว้นค่ะ ถ้าไม่วางไว้ด้านนอกก็ต้องถือเข้าไปแบบนี้ล่ะค่ะ
รูปจำลองพระมหามุนีจากเมืองมัณฑะเลย์
มงกุฏ เครื่องทรงของพระมหามุนีจำลอง
พระอะไรไม่รู้เหมือนกันค่ะ อ่านภาษาพม่าไม่ออก
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่วัดพระนอนกันค่ะ องค์พระหน้ายิ้มปากแดงสวยงามมากค่ะ
ดูกันชัด ๆ นะคะ ผิวจะขาว ปากแดง ยิ้มสวยเชียวค่ะ
ส่วนพระบาทจะต่างจากพระนอนของไทย เท้าจะวางทับกัน
ภายในวัดก็จะมี เทพทันใจ (นัตโบโบยี) ให้ไหว้ขอพรกัน (ไม่รู้จะได้รึเปล่า ขอไปหลายข้อเลย อิอิอิ)
วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ขอไว้
เณรน้อยท่องตำรา
นั่งอยู่กันคนละมุมเลยค่ะ
เพื่อที่จะได้รูปออกมาดี ๆ ก็ต้องหามุมกันหน่อยค่ะ อิอิอิ
ต่อจากนั้นเราก็ไปที่วัดพระเขี้ยวแก้วกันต่อนะคะ (ในรูปเขียนชื่อวัดสลับกัน แบบว่าขี้เกียจแก้แล้วอ่า)
วัดที่พม่าสร้างได้สวยงามมาก ๆ เลยค่ะ
ถ้าเทียบกับที่อยู่อาศัยของชาวพม่าแล้ว เหมือนเค้าจะเน้นสร้างวัดให้สวยงามมากกว่าสร้างบ้านให้สวย ๆ
ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากจีน
จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่วัดพระหินอ่อนกันค่ะ
วัดที่พม่านี่จะนิยมสร้างสิงห์ไว้ที่ปากทางเข้าวัดกันค่ะ ตัวใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ
ด้านในจะเป็นพระพุทธรูปทำจากหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุค หินอ่อนนำมาจากเมืองมัณฑะเลย์และแกะสลักโดยช่างชาวมัณฑะเลย์
องค์ใหญ่มาก ๆ ค่ะ
ขออีกสักมุมก็แล้วกันนะคะ
ทางเดินเข้ามาจากหน้าประตูวัด เค้าทำได้สวยจริง ๆ ค่ะ เห็นแล้วประทับใจ
บาตรใหญ่ ทำด้วยหินอ่อนเหมือนกันค่ะ
เทพเจ้าสี่ทิศ
มองเข้าไปด้านใน อลังการมาก ๆ ค่ะ
ด้านในรู้สึกว่าจะเป็นฉัตรนะคะ (ถ้าเข้าใจไม่ผิด แบบว่าฟังไกด์พูดไม่ค่อยออกน่ะค่ะ)
องค์นี้เรียกว่าพระอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
ทางเดินลงค่ะ เค้าสร้างหลังคาไว้ทำให้ไม่ร้อนเท้าดีค่ะ เพราะเค้าห้ามใส่รองเท้า + ถุงเท้าขึ้นไปในวัด
เดินลงมาเจอเด็กน้อยชาวพม่า ยิ้มสู้กล้องเชียวค่ะ
เดินมาเหนื่อย ๆ ร้อน ๆ เห็นอ้อยสด ๆ เลยให้แม่ค้าน้ำ ปั่นอ้อยให้กินซะเลย
เสร็จแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้น่ะค่ะ สนนราคาก็อยู่ที่ 300 จ๊าต คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 9 บาทค่ะ
เดี๋ยวค่อยไปต่อกันที่มหาเจดีย์ชเวดากองกันนะคะ
Create Date : 27 มีนาคม 2551
Last Update : 27 มีนาคม 2551 16:02:05 น.
5 comments
Counter : 2949 Pageviews.
Share
Tweet
รูปใหญ่สะใจดีจัง อิอิ
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
โดย:
maxpal
วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:04:39 น.
ดูแล้วอยากไปเที่ยวบ้างจังเลยครับ แฮะๆ
โดย:
Panzel
วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:25:39 น.
ตามมาชมครับ ถ่ายภาพได้สวยมากๆครับ
โดย:
กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว
วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:0:16:14 น.
น่าเที่ยวมากเลยครับ.....อิจฉาจัง...
ภาพที่ถ่ายก็สวยๆทั้งนั้นเลยครับ
สอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายหน่อยครับ....
โดย:
TripDD
วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:18:23:31 น.
คุณ maxpal รูปเล็ก ๆ ดูแล้วไม่ค่อยสะใจอ่ะค่ะ เลยทำรูปใหญ่ ๆ มาลง กิกิกิ
คุณ Panzel ไปด้วยกันมั๊ยคะ หลังจากกลับมาหนนี้ติดใจ ว่าปีหน้าจะไปอีกรอบ
คุณ กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่ติดตามชม
คุณ TripDD กลุ่มนุชไปกันหกคนค่ะ เป็นทริปหารเฉลี่ย ค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ เกือบ ๆ ห้าพันบาทต่อคนค่ะ
ส่วนตั๋วเครื่องบินตอนนั้นจองโปรของแอร์เอเชีย ไปกลับ ประมาณ สองพันแปดนิด ๆ
แล้วก็ค่าขอวีซ่าอีก หนึ่งพันบาท
รวมทั้งทริป สี่วันสามคืน ก็ประมาณ เกือบ ๆ เก้าพันบาทค่ะ
โดย:
Thewinner
วันที่: 31 มีนาคม 2551 เวลา:9:03:21 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Thewinner
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
เห็นคนอื่นมี blog แล้วอยากมีบ้าง
Thewinner
dharma
Ducati
SnOwY~SeAsOn
Sassykik
กู๊กกี้จัง
asroma29
kwangkungzaa
[ v i w a n ]
ทรายหวาน
Webmaster - BlogGang
[Add Thewinner's blog to your web]
Bloggang.com
MY VIP Friend
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่