Pai 2008 in the rainy season
ปาย เมืองเล็กๆ ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ที่ใครหลายคนคงปฏิเสธมนต์เสน่ห์อันยั่วยวนนี้ไม่ได้ ณ เวลานี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ปาย ปาย เติบโตจากการเป็นทางผ่านสู่จังหวัดเชียงใหม่ จนค่อยๆ กลายเป็นแลนด์มาร์คยอดนิยมในไกด์บุ๊คชื่อดังอย่าง Lonely Planet แรกเริ่มเดิมที เมืองแห่งนี้เป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งเดินทางมาตามกระแสจากหนังสือ Lonely Planet โดยชายชาวอเมริกันนามว่า โจ คัมมินส์ ผู้ซึ่งหลงใหลในธรรมชาติและเอกลักษณ์ของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ จนนำไปบอกเล่าในคู่มือนักเดินทางทั่วโลก ปาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ ที่ถูกกล่าวขานมาเป็นเวลาหลายปี ถึงเสน่ห์ของธรรมชาติ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ อาหารการกิน วัฒนธรรม รวมถึงสิ่งก่อสร้าง ที่นี่ได้รวบรวมงานศิลปะไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงเป็นแหล่งชุมนุมของศิลปินแขนงต่างๆ ที่ช่วยกันรังสรรค์ผลงานอันโดดเด่นจนตอกย้ำเสน่ห์ของเมืองปายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับฉันการเดินทางมาปายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว และทั้ง 2 ครั้ง ก็เป็นช่วงฤดูฝนเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะเป็นฤดูฝน ปายก็ไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวัง ในทางตรงข้ามปายกลับบ่มเพาะเสน่ห์อย่างเต็มตัวในฤดูนี้ นอกจากจะเป็น Low season ของฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความสงบและซึมซับกับเสน่ห์อันแท้จริงของที่นี่แล้ว เรายังจะได้พบเห็นความเป็น ปาย ในรูปแบบที่แตกต่างไปจากไกด์บุ๊คหลายๆ เล่ม ซึ่งนิยมบอกเล่าเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ตามรอย Lonely Planet : Go to Pai by Motorbike 2008 in the rainy season เส้นทาง : กทม. - แม่ฮ่องสอน -ปาย ปางอุ๋ง - ขอนแก่น < ขออภัยสำหรับข้อมูลบางส่วนที่ขาดหาย เนื่องจากเป็นการรีวิวย้อนหลังนานถึง 2 ปี ==' > การเดินทางครั้งนี้เราย่นระยะเวลา 10 ชั่วโมง จากขอนแก่น-เชียงใหม่ ด้วยสายการบินแอร์เอเชียในช่วงโปรโมชั่น เส้นทาง กทม.-เชียงใหม่ (รู้สึกว่าวันก่อนหน้านี้จะเดินทางไปทำงานอะไรซักอย่างที่บางกอกอยู่แล้วคะ) ...ถึงสนามบินเชียงใหม่ ฉันก็จับสองแถวตรงไปยังอาเขต (บขส.) เพื่อหารถต่อไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน plan ครั้งนี้เริ่มต้นจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งต่างจากครั้งแรกที่ฉันจะจับรถตรงเข้าสู่ตัวเมืองปาย..ถึงแม่ฮ่องสอนฉันเข้าเช็คอินในโรงแรมใจกลางเมืองราคาปานกลาง เพื่อหาข้อมูลการเดินทางต่ออีกเล็กน้อย เนื่องจากจุดหมายปลายทางหลักของทริปนี้อยู่ที่ 'ปางอุ๋ง' แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังอยู่ในกระแสในขณะนั้น ฉันและเพื่อนตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์จากร้านให้เช่าในตัวเมือง ในราคาไม่เกิน 200 บาทต่อวัน เราได้มอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ สภาพดีมาหนึ่งคัน เนื่องจากเส้นทางที่จะใช้ และถนนหนทางในตัวเองแม่ฮ่องสอนนั้นเป็นทางสำหรับขึ้นเขา หากจะใช้พวกเกียร์ออโต้เพื่อความสบาย คงจะไม่เหมาะ และกำลังคงไม่ถึงเป็นแน่ ในระหว่างที่ตระเวนหาข้อมูลเพิ่มเติมนั้น เราก็ได้แวะเยี่ยมชมวัดต่างๆ ในแม่ฮ่องสอน สถาปัตยกรรมในวัด ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ หรืออาคารสำหรับประกอบกิจทางสงฆ์ ล้วนแต่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของชาวเหนือ
วัดจองคำ พระธาตุดอยกองมู ร้านกาแฟ และทัศนียภาพภายในวัด หลังจากรถและข้อมูลพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ 'ปาย-ปางอุ๋ง' เส้นทางของทริปหากจะลำดับตามสถานที่คือ แม่ฮ่องสอน - หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว - ปางอุ๋ง - ปาย แต่เราจะนำทุกท่านมุ่งตรงไปยังปายกันก่อน แล้วจึงไล่ย้อนกลับลงมา ระหว่างทางมีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ แต่จากประสบการณ์สาวแบ็คแพ็คฯ อย่างเรา ที่มักจะออกท่องเที่ยวในฤดูนี้ ทำให้เรามีอุปกรณ์ป้องกันติดตัวตลอดเวลา จึงไม่หวั่นแม้วันมามาก :P โค้งนี้พิชิตมาแล้ว ด้วยระยะทาง 1,864 โค้ง ใช้เวลาไปประมาณ 7 ชั่วโมง เราก็มาถึงปายเอาเมื่อบ่ายแก่ๆ ก่อนอื่นต้อง walk-in ที่พักให้ได้ซักที่ก่อน ฉันและเพื่อนมุ่งตรงไปยังที่พักเดิมที่เคยพักเมื่อปีที่แล้ว..โชคดีเป็นบ้า มันยังอยู่ และไม่เต็มด้วย เย้...ถูกและดีมีที่นี่ที่เดียว ปายริเวอร์ไซด์ สนนราคาคืนละ 100 บาท มีน้ำอุ่นพร้อม ติดลำน้ำปาย และอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา เมื่อปีที่แล้วเราพักกันในราคา 150 บาท คะ มาปีนี้สภาพก็ยังเดิมๆ จะมีเก่าลงไปบ้างเล็กน้อย ที่นี่อยู่อีกฝั่งของลำน้ำปาย เดินข้ามสะพานไม้มาก็ถึงแล้วคะ ปายริเวอร์ไซด์แบ่งเป็นสองส่วน ไม่แน่ใจว่าเจ้าของเดียวกันหรือไม่ แต่ใช้ชื่อเดียวกันคะ สภาพภายอกเป็นกระท่อมเหมือนกัน หน้าตาไม่ต่างกันเลย แต่ภายในนั้น สำหรับปายริเวอร์ไซด์ฝั่งขวา จะหรูหราไฮโซน้องๆ โรงแรมห้าดาว ราคาก็เอาการอยู่ทีเดียว ส่วนฝั่งซ้ายก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะคะ ใกล้ชิดธรรมชาติ น้ำอุ่นก็มีให้พร้อมสรรพ ด้วยราคาเพียง 100 บาทเท่านั้น สบายกระเป๋าน้อยๆ จัง ปายริเวอร์ไซด์ หลังจากได้ที่พักแล้วก็มาหาอะไรใส่กระเพาะน้อยๆ กันซะหน่อย สมบุกสมบันกันมา 7 ชม. แล้ว หิวได้ที่เลยทีเดียว ราคาอาหารอยู่ในอัตราปกติของแหล่งท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยฝรั่ง ซึ่งก็จะสูงอยู่ซักนิด ร้านอาหารบ้านปาย อิ่มท้องแล้วก็เดินย่อย เยี่ยมชมความเป็นไปของปายในปี 2008 เปลี่ยนไปพอสมควรเลยคะ เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนจากปาย แวะเที่ยวหมู่บ้านสันติธรรมกันซักนิดคะ ขาหมูที่นี่อร่อย หมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 11 กม. เท่านั้น บ้านดิน ได้เวลาออกจากปายกันแล้วคะ สถานีต่อไปเราจะแวะกันที่ ถ้ำลอดปางมะผ้า ถ้ำลอดปางมะผ้า - ถ้ำผีแมน ถ้ำลอดปางมะผ้า เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในถ้ำถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มีชื่อเรียกต่างกัน มีลำธารน้ำกลางถ้ำต้องอาศัยเรือเป็นพานะในการเข้าชม ในถ้ำพบเศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช เครื่องมือหิน ซีกฟันและกระดูกของมนุษย์ รวมทั้ง "โลงผีแมน" ที่มีลักษณะเป็นท่อนไม้ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกเป็นร่องคล้ายเรือหรือรางไม้ใส่อาหารให้สัตว์เลี้ยง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยโลงขนาดใหญ่จะถูกวางอยู่บนคาน โดยใช้เสา 4-6 ต้น ตั้งกับพื้นถ้ำและเสาแต่ละคู่จะถูกเจาะเป็นช่องเพื่อสอดคานไว้วางพาดโลงผีแมน ถ้ำในส่วนนี้เป็นส่วนท้ายสุดของถ้ำ มีชื่อเรียกตามสิ่งที่ค้นพบว่า ถ้ำผีแมน ออกจากถ้ำลอดก็เจอเข้ากับสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา จึงต้องหยุดพักกันชั่วคราวก่อนจะเดินทางต่อไปยังปางอุ๋ง จากถ้ำลอดสู่ปางอุ๋ง ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง เราไปถึงปางอุ๋งประมาณ 2 ทุ่ม เนื่องจากหลงทางกันในหมู่บ้าน ชาวบ้านแถวนั้นพูดไทยไม่ค่อยจะได้ จึงเป็นอุปสรรคในการถามทางและทำให้การเดินทางล่าช้ายิ่งขึ้น ซ้ำร้ายก่อนจะถึงปางอุ๋ง ไฟรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาก็เริ่มออกอาการติดๆ ดับๆ เส้นทางที่เราใช้เดินทางกันเรียกว่าอยู่กลางป่า บ้านคนซักหลังก็ไม่มี..พวกเราตกอยู่ในความมืดสนิท มีเพียงไฟฉายดวงน้อยราวกับแสงหิ่งห้อยที่พกติดตัวมาช่วยนำทาง สำหรับที่พักนั้นคุณเพื่อนได้ทำการจองโฮมสเตย์มาล่วงหน้าแล้ว แต่เนื่องจากเวลาที่ไปถึงก็ดึกพอสมควรสำหรับชาวบ้านละแวกนั้น ประกอบกับที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงทำให้ฉันและเพื่อนหาที่พักที่จองไว้ไม่เจอทั้งๆ ที่ขี่ไปจนถึงปากทางแล้ว แต่ด้วยความมืดจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปต่อ เราจึงตัดสินใจย้อนกลับมาแถวทางเข้าปางอุ๋งเนื่องจากสังเกตุเห็นโฮมสเตย์หลายหลังตอนเข้ามา โฮมสเตย์ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ขนานแท้ที่ชาวบ้านใช้ห้องเก็บของ หรือพื้นที่บางส่วนของบ้านแบ่งให้ผู้เดินทางผ่านไปมาได้พักแรมกันชั่วคราว สนนราคาคืนละ 200 บาท สำหรับ 2 คน จากราคาเต็มที่บอกผ่านแบบหวังฟลุ้ค 400 บาท สภาพห้องก็อย่างที่บอกคะ ไม่ต่างจากห้องเก็บของ แค่พอนอนได้ แต่บางหลังก็เป็นโฮมสเตย์แบบธุรกิจเต็มตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ประมาณหนึ่ง ...เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเรารีบจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ทำได้อย่างดีแค่ล้างหน้าเรียกความสดชื่นให้ตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถอาบน้ำได้คะ หนาวมากมาย และส่วนหนึ่งก็คือ น้ำท่าไม่ค่อยสะอาด และมีไม่เพียงพอ ไม่สะดวกพอที่จะทำกิจกรรมยามเช้าได้มากกว่านี้ จากนั้นเราก็รีบออกมาชื่นชมกับปางอุ๋ง พอลงไปถึงปางอุ๋งเท่านั้นล่ะ โธ่ๆๆ รู้สึกเสียดายที่พักเมื่อคืนซะเหลือเกิน ก็ไอ้ที่เราจองไว้น่ะนะ อยู่หน้าอ่างเก็บน้ำ แค่ถนนแคบๆ กั้นเท่านั้น เมื่อคืนตอนที่จดๆ จ้องๆ อยู่ในความมืดตรงปากทางอ่างเก็บน้ำ เราก็อยู่เฉียดกับที่นี่แค่ไม่ถึง 5 ก้าว ==' นี่ล่ะนะประสบการณ์ใหม่ๆ มีให้เสมอสำหรับการเดินทางแบบแบ็คแพ็คเกอร์ >,< ชื่นชมกับไอหมอกที่ปางอุ๋งกันพอประมาณ ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ พวกเราตกลงกันว่าจะกลับเข้าไปตั้งหลักที่แม่ฮ่องสอนกันก่อน เนื่องจากใกล้ครบกำหนดส่งคืนรถที่เช่ามาเต็มที และตั๋วรถขากลับก็ยังไม่ได้จอง ตกลงกันได้ตามนี้ก็บิดเจ้ามอเตอร์ไซค์คันเดิมฝ่าม่านหมอกมุ่งหน้ากลับแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางจากปางอุ๋งกลับแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางจากปางอุ๋งกลับแม่ฮ่องสอน เมื่อถึงแม่ฮ่องสอนก็ตรงดิ่งไปที่อาเขตเพื่อจองตั๋วรถ แต่ก่อนจะถึงอาเขตนี่สิ อีกไม่ถึง 10 ก้าวเท่านั้น อาเขตอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ มอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมที่เช่ามาดันเหยียบเข้ากับตะปูอย่างจัง ==' งานนี้ก็เลยปล่อยให้คุณเพื่อนเดินเท้าเข้าไปจองตั๋วรถ ส่วนตัวเองก็นั่งรอช่างจากร้านเช่านั่นล่ะมาปะยางให้ พอปะยางเสร็จยังพอมีเวลาเหลืออยู่ 2-3 ชั่วโมง จะปล่อยให้เสียเปล่าไปใยยังเหลืออีกที่ที่ไม่ได้ไปนี่นา หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว คะ สอบถามช่างที่มาปะยางให้พบว่าอยู่ใกล้ๆ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนนี่เอง หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเรียบร้อยก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่เที่ยวจนนาทีสุดท้าย หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่นี่มี 2 หมู่บ้าน เราเลือกจากเส้นทางที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกที่สุด ซึ่งก็คือ "หมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า" แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังไม่วายเจ็บเนื้อเจ็บตัว มอ'ไซค์ปลิ้น กลิ้งโคโล่ตกน้ำ ==' เส้นทางเข้าหมู่บ้านมีหลายช่วงที่ต้องข้ามธารน้ำตื้นๆ ซึ่งมีตะไคร่น้ำเกาะตามโขดหิน ทำให้ยากต่อการทรงตัว ช่วงสุดท้ายก่อนถึงหมู่บ้าน ..หน่ะ อีกแล้วนะ เวลาเห็นเป้าหมายลอยมาตรงหน้าทีไร ต้องมีอันให้สะดุดทุกที..มอ'ไซค์ที่ค่อยๆ ไต่โขดหินก็ปลิ้นสะบัดทั้งคนขับคนซ้อนกลิ้งลงน้ำ และพอตัวแตะน้ำเท่านั้น สำนึกอย่างหนึ่งก็วูบเข้ามาในหัวฉัน พร้อมกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ฉันชูมือขึ้นสุดแขน พร้อมกลับพลิกตัวกลับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และวิ่งขึ้นไปยืนบนโขดหินที่แห้งสนิท โดยไม่สนใจคุณเพื่อนที่กำลังประคับประคองมอ'ไซค์ด้วยความยากลำบากขึ้นจากน้ำ..ก็ในมือฉันนี่ไง ฉันถือกระเป๋ากล้องอยู่ ให้ตายเหอะ มันจะมาเจ๊งตอนนี้ไม่ได้นะ กว่าจะเก็บตังค์ซื้อได้..โชคยังดีอยู่บ้างที่ก่อนจะมาทริปนี้ได้ลงทุนเปลี่ยนกระเป๋ากล้องใหม่ ซึ่งตัวกระเป๋าภายนอกพอจะกันน้ำได้อยู่บ้าง *O* คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ไม่งั้นฉันคงนั่งร้องไห้แหมะอยู่ตรงนั้นเป็นแน่แท้ :'( กลับจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงฯ ด้วยสภาพมอมแมมเป็นลูกหมาตกน้ำ ยังพอมีเวลาเหลือหลังจากคืนรถเช่าเรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงเปิดห้องพักเพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่หมักหมมมาเต็มที่ 1 คืน..เน่าสนิทจริงๆ งานนี้ .... ก่อนกลับอย่าลืมแวะไปขอใบประกาศนียบัตรผู้พิชิตโค้งกันที่หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไว้อวดชาวบ้านนะคะ ครั้งหนึ่งกับการผจญภัย 1,864 โค้ง ^&^ เสียค่าธรรมเนียมเพียง 20 บาท ต่อใบเท่านั้นคะ ใบประกาศฯ มี 2 แบบ แบบแรกสำหรับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะพิชิตโค้งด้วยตัวเอง แบบที่สองสำหรับผู้พิชิตโค้งที่ไม่ได้นำยานพาหนะมาเอง สำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะพิชิตโค้ง สำหรับผู้พิชิตโค้งที่ไม่ได้นำยานพาหนะไปเอง ได้ครบกันทุกอรรถรสแล้วสำหรับทริปนี้ ได้เวลาลาจากเมืองเหนือกลับสู่มาตุภูมิกันจริงๆ ซะที ไว้เจอกันใหม่นะจ้ะ ปาย ถ้าว่างก็มาด้วยกันนะคะ ^^ photo by sNOwhite & Oil review by sNOwhite
Create Date : 29 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 29 กันยายน 2553 14:22:44 น. |
Counter : 1422 Pageviews. |
| |
|
|
|