สัพเพเหระ จับจดกับความล่องลอยแล้วเขียนไปเรื่อย ๆตามที่นกน้อยสีฟ้าในหัวใจจะสั่งให้ทำ
Group Blog
 
All blogs
 

ดีใจจังนะที่เป็นพันธมิตร...

ไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย ที่ได้เป็นพันธมิตรจนกระทั่งได้มานั่งอ่านคอมเม้นต์ต่าง ๆแล้วพบว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่ใช่พันธมิตร เราจะต้องไปคบหาคลุกคลีกับคนที่เข้ามาคอมเม้นต์ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย สิ่งนั้นคงทำให้เราเป็นพวกเดียวกับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ เราจะเอาหน้าไปเจอคนในสังคมได้อย่างไร เราคงจะละอายจนไม่สามารถมองหน้าใครได้แน่ ๆ...

ขอบคุณพันธมิตรที่ทำให้ผมเลือกข้างที่ถูกต้อง...


ขอบคุณ 193 วันที่ทำให้ผมแข็งแกร่ง...


ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ทำให้ผมรู้ว่าผมเลือกข้างไม่ผิด...




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 5:14:38 น.
Counter : 326 Pageviews.  

อ้วน อ้วน อ้วน...

อ้วน อ้วน อ้วน...คำ ๆนี้เราเคยได้ยินมานานแสนนาน โดยเฉพาะตัวผมเองรู้สึกว่าจะอยู่กับมันมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ ความอ้วนมีสาเหตุจากอะไร มีวิธีไหนที่จะกำจัดความอ้วนได้ ทุกคนที่เข้ามาอ่านคงจะรู้กันดีกว่าผมอยู่แล้ว

มีสิ่งหนึ่งที่เราอาจจะไม่เคยนึกถึง หรือนึกไปถึงแต่ก็ไม่กล้าที่จะถามใคร ๆออกมาว่า ตกลงความอ้วนนี้เป็นปัญหาที่ตัวของคนที่อ้วน หรือเป็นปัญหาของคนที่มองคนอ้วน เราเคยคิดไหมว่าทำไมบางทีบางครั้งเราต้องมองดูคนบางคนแล้วตั้งคำถามกับเพื่อนข้าง ๆว่า "ทำไมคนนั้นมันอ้วนจังวะ" หรือ "ถ้าเราอ้วนขนาดนั้นเราตายเสียดีกว่า"

มีเรื่องขำ ๆในหมู่พี่น้องอย่างเวลาผมกับพี่สาวมองคนที่ผอมจนเกือบจะผิดปกติผมก็ต้องฟังพี่สาวถามว่า "เค้าเดินไหวได้ยังไง" หรือว่า "โห...ดูนั่นสิขาเค้าเท่าแขนชั้นเลย" แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความอ้วนความผอมนั้นอาจจะถือว่าได้เกิดขึ้นจนเป็นเสมือนลัทธิแฟชั่นเช่นเดียวกับเสื้อผ้าในฤดูต่าง ๆก็ไม่ผิดนัก

เราลองมาดูแฟชั่นความอ้วนผอมดีกว่าว่ามีการเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้าง เช่นในสมัยหนึ่งที่อาหารหายาก ผู้คนจำนวนมากไม่มีจะกิน คนที่อ้วนถือว่ามีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ดังรูปปั้นของ "วีนัสเดอมีโร" นั้นถ้าเราไปสังเกตดูจะพบว่าหน้าท้องของเธอนั้นช่างล้นหลามเสียเหลือเกิน เพราะว่านอกจากเธอจะเป็นเทพีแห่งความสวยแล้วเธอยังต้องเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์อีกต่างหาก ต่อมาในยุโรปก็มีความนิยมสาว ๆที่มีหน้าท้องพลุ้ย ๆเช่น "ผู้หญิงของเรอนัวร์" แต่สำหรับผู้ชายนั้นร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกลับเป็นที่นิยมมาเกือบทุกยุคทุกสมัย มีแต่ตัวโกงหรืออำมาตย์ที่เจ้าเล่ห์เท่านั้นที่จะมีรูปร่างอ้วนท้วน

ในประเทศจีนซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมต่าง ๆรวมถึงบรรพบุรุษของคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังมีความคิดที่แทบจะเรียกได้ว่าฝังอยู่ในหัวว่า "ความอ้วนคือความมั่งคั่ง มั่นคง" เพราะเราจะเห็นได้ว่าในประวัติศาสตร์จีนนั้นได้ผ่านช่วงของการมีทุกพิกขภัย จนทำให้โครโมโซมของพวกเขาปรับตัวให้สามารถดูดซึมอาหารได้มากกว่าคนปกติเผื่อเอาไว้เวลาที่เกิดทุกพิกขภัยอีกต่อไป


กลับมาดูเวลาในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอาหารช่างมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้การกินอาหารต่าง ๆไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน แล้วยังมีการสังเคราะห็สิ่งต่าง ๆขึ้นมาทำให้กลิ่นและรสชาติของอาหารดีขึ้นยิ่งทำให้มีการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น และวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้เราได้รู้ถึงต้นตอถึงโรคร้ายที่มาจากความอ้วนทำให้ความอ้วนเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในปัจจุบัน

ถึงจะยังไงก็ตามความอ้วนบางทีไม่ใช่ความน่ารังเกียจแต่ความคิดอคติเกี่ยวกับความอ้วนต่างหากที่น่ารังเกียจ เพราะสรีระโครงสร้างของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางทีการที่เรามองว่าเราอ้วนนั้นในทางการแพทย์ที่มองอาจมองว่าเป็นความสมส่วนของสรีระของเราก็ได้ ดังนั้นการที่เราจะมองอะไรก็ตามอยากให้เรามองในมุมของเราและลองฟังคนรอบข้างหลาย ๆคนดูว่ามีมุมมองที่คล้ายหรือแตกต่างจากเราอย่างไร เพราะความคลั่งไคล้ในบางสิ่งบางอย่างเช่นความอ้วนความผอม สามารถทำให้คนบางคนถึงกับต้องสละชีวิตของตัวเองเลยก็มี

คนเราควรมีความมั่นใจในการดำรงชีวิตของเรามากกว่าสรีระภายนอก ความมั่นใจของเราสามารถทำให้คนอื่นที่มองมาสามารถมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกของเราและสามารถที่จะมองลึกเข้าไปในตัวของเราได้ดีกว่าการที่ติดอัตลักษณ์ภายนอกของคนอื่น ทำให้ตัวตนที่แท้จริงของคนเราถูกมองข้ามไป

ความมั่นใจในตัวเองในมุมมองของผมกลับมีความสำคัญมากกว่าความอ้วนความผอมเมื่อมองกันไปนาน แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่สะดุดตาในครั้งแรกนั้นก็คืออัตลักษณ์ภายนอกซะมากกว่าดังคำที่ว่า "Love At First Sight" หรือ "รักแรกพบ" แต่มันเป็นความฉาบฉวยของการมองมากกว่าการคบกันไปจริง ๆไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน

ดังนั้นสำหรับคนที่ได้เข้ามาอ่านบลอกนี้อาจจะได้รับประโยชน์ในการอ่าน หรือรู้สึกว่ามันไร้สาระก็ตาม แต่ผมผู้ซึงมีทรรศนะคติอันมีความอ้วนเป็นเพื่อนไม่ว่าในยามเหงา ยามเศร้า ยามสุข...ก็ยังคงจะปฏิญาณกับตัวเองว่า จะพยายามลดควมอ้วนเพื่อกลับไปใส่กางเกงที่ซื้อมาเมื่อ 2 ปีก่อนให้ได้



แต่อย่างไรก็ตาม "มื้อดึกคืนนี้เราจะกินอะไรกันดีละเพื่อน(อ้วนทั้งหลาย)"




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 23:26:37 น.
Counter : 174 Pageviews.  

จากข้อความในคอมเม้นต์...

"อย่าเขียนเลยครับ ระดับสติปัญญายังไม่สามารถแยกแยะว่าอันไหนเท็จอันไหนจริงได้ เขียนยังไงก็เขียนสิ่งที่ดีๆไม่ออกนะครับ แต่ถ้าอยากลองเขียนให้ออกจริงๆ ก็ต้องเขียนด้วยใจอคติและเขียนเรื่องโกหกแหละครับแบบที่คุณคุ้นเคย คุณถึงจะเขียนออกครับ ก็รู้ตัวเองดีนี่นา"

จากข้อความข้างบนนี้ที่ได้แสดงความเห็นมาในบลอกผมไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด ถ้าผู้ที่คอมเม้นต์ต้องการเช่นนั้นผมต้องขอโทษด้วย แต่คอมเม้นต์ชิ้นนี้กลับทำให้ผมย้อนมาดูตัวเองว่า สิ่งที่เราทำสิ่งที่เราคิด และสิ่งที่เราเขียนออกมานั้นมันเป็นยังไง

ข้อความข้างบนสุดนั้นนอกจากจะไม่ได้ทำให้ขุ่นเคืองใจแล้วมันกลับเป็นข้อความที่ทำให้ผมประหลาดใจว่า งานเขียนในบลอกของผม หรือว่าการตอบกระทู้ของผมกันแน่ ที่สามารถทำให้คนที่มีความรู้ขนาดปิดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าสู่เวปไซค์ต่าง ๆและสามารถเข้ามาในบลอกของผมได้นั้น จะอดรนทนไม่ได้ต้องแสดงความคิดเห็นออกมาถึงขนดอย่างนี้

ด้วยความเคารพพอประมาณ คนที่สามารถทำในสิ่งเหลานี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้พอประมาณ แต่ความกล้านั้นน้อยไปนิด หรืออาจเป็นเพราะงานเขียนของผมไร้ราคาขนาดว่าแม้แต่จะทิ้งชื่อเสียงเรียงนามไว้ก็ยังรังเกียจที่จะทำ แต่ก็ยังดีที่ยังมี ไอพีแอดเดรสทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

จากคอมเม้นต์นี้ทำให้เห็นว่าคนเรานั้นมีด้วยกันหลายหลากประเภท ดังจะเห็นได้ว่าเรื่องราวต่าง ๆนั้นมีมาหลากหลาย เพราะบางทีการที่เราเป็นอะไรซักอย่างนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเพราะระดับสติปัญญา การศึกษา หรือการเลี้ยงดู แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับทรรศนคติของการดำรงชีวิตของเราต่างหาก

ไม่มีใครในโลกที่จะมาทำให้เราตกต่ำด้อยค่าได้ด้วยคำพูดของเขาหรอก แต่สิ่งที่ฉุดเราให้ต่ำลงไปนั่นคือการกระทำของเราต่างหาก บางทีการที่เราทำตัวของเราให้ดูดี แม้จะไม่ใช่โดยเนื้อแท้ของเราแต่ก็สามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้ และเราก็อาจได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน หรือบางทีการที่เราไปใส่ร้ายคนอื่นในเรื่องที่ไม่จริงสักวันความจริงก็จะต้องปรากฏ และผลของการกระทำนั้นก็จะย้อนมาสู่เราได้

อันนี้เองอาจเป็นที่มาของ "ทฤษฎีแรงดึงดูด" คือถ้าเราทำตัวให้ดีความดีก็จะดึงดูดให้คนดี ๆเข้ามาสู่ชีวิตของเรา และเฉกเช่นเดียวกันเมื่อเราทำตัวไม่ดีความไม่ดีที่เราได้กระทำลงไป ก็จะดึงดูดเอาสิ่งที่ไม่ดีเข้าหาตัวเรา ดังนั้นเวลาเราคิดจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ให้เราหยุดคิดสักนิดว่าคนรอบข้างเราเป็นคนเช่นไรบ้าง ถ้าคนใกล้ชิดเราเป็นคนที่ดีเราก็ลองถามเขาดูว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีไหมถูกต้องไห แต่ถ้าคนใกล้ตัวเราเป็นคนชนิดที่เรายังว่าแย่เราก็ควรพิจารณาถึงการกระทำต่าง ๆของเราได้แล้ว

เมื่อเราคิดได้อย่างนี้แล้ว ลองหันดูเพื่อน ๆรอบตัวเราสิว่าเป็นคนเช่นใด ถ้าเป็นคนที่ดี เราก็สามารถยิ้มให้กับตัวเองว่าเรารู้จักเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง แต่ถ้ามันแย่เราก็ต้องปฏิวัติตัวเองบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวที่ติดอยู่ในใจเวลาทำอะไร หรือทำงานร่วมกับใครเสมอว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว"




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 19:04:52 น.
Counter : 185 Pageviews.  

เรื่องต่าง ๆมากมาย


คนเรานี่ก็แปลก เวลาที่เราอยู่กับเพื่อนหรืออยู่กับคนที่เรารู้จัก เรามีเรื่องคุยต่าง ๆมากมายไม่รู้จักหมด จนกระทั่งถึงเวลาที่เราต้องจากกันเพราะเวลาที่กระชั้นเข้ามา หรือเพราะง่วงนอนเท่านั้นที่ทำให้เราหยุดการสนทนาได้

แต่เวลาที่จะต้องมานั่งอยู่คนเดียว เพื่อที่จะคิดหรือจะเขียนบลอก เรากลับไม่รู้จะเขียนอะไรไปซะดื้อ ๆ อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่เราต้องอยู่คนเดียวนั้น ความคิดของเราจะฟุ้งขึ้นมา ทำให้เราไม่สามารถที่จะมีสมาธิอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเรามัวกังวลว่าคนที่มาอ่านบลอกของเรา จะติโน่นตินี่ หรืออาจจะเกิดจากความคิดที่ว่างานเขียนของเรา อาจจะไปซ้ำกับงานของคนอื่น

บางทีการเขียนงานขึ้นมาชิ้นหนึ่งนั้น งานของเราอาจจะไปซ้ำกับคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้ เพราะบางทีการอ่านงานเขียนหรืออ่านหนังสือบางเล่ม อาจจะทำให้เราประทับใจ จนมันกลายเป็นความทรงจำที่เราอยากจะถ่ายทอดมันออกมา

ของบางอย่างพอเริ่มที่จะเขียนความคิดต่าง ๆหรือความอยากที่จะเขียนมันก็พรั่งพรูออกมา แต่พอเขียนไปได้สักพักมันกลับสะดุดไปซะเฉย ๆเพราะมีหลายเรื่องอยากจะเขียนมากกว่าแทรกเข้ามา หรือเรื่องที่เขียนกลับตื้อไปซะเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตามงานนี้ก็ทำให้รู้สัจธรรมข้อหนึ่งในการใช้ชีวิตว่า...

ถ้าอยากจะทำอะไร อย่าไปรอเวลาลงมือทำมันซะตั้งแต่เริ่มคิด...




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 2:37:33 น.
Counter : 199 Pageviews.  


ท่องโดดเดี่ยวหมื่นลี้
Location :
ฉะเชิงเทรา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ท่องโดดเดี่ยวหมื่นลี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.